xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าทักษิณไปพบหลวงตาบัว

เผยแพร่:   โดย: สุวัฒน์ ทองธนากุล

"คุณสนธิ กับ นายกฯ ทักษิณ นี่รู้กันหรือเปล่านะ?"

ผมเคยเจอคนถามแบบนี้จริงๆ

คงเป็นเพราะตอนที่รายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร" คนที่ถามเริ่มตื่นตาตื่นใจกับข้อมูลที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล นำมาบอกเล่าและตามด้วยคำถามที่น่าข้องใจในความไม่ปกติที่สังคมอยากรู้

แต่ยังไม่เคยมีสื่อไหนถามตรงชนิดจี้ใจนายกรัฐมนตรีขนาดนั้น และก็ยังไม่มีคำตอบจากผู้นำรัฐบาล

ประเด็นที่น่าสนใจที่ได้รับรู้จากรายการนี้ที่มีจุดยืนเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และยึดหลักคุณธรรม จึงเป็นเรื่องที่พูดกันปากต่อปากและผู้คนพากันมาฟังด้วยจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวันศุกร์จนล้นออกมานอกอาคารลุมพินีสถาน

จนต้องติดตั้งจอถ่ายทอดขนาดใหญ่หลายจุด เพื่อรองรับคนที่พากันมานั่งตามลานหญ้าเป็นแนวกว้างขวางออกไปจนเป็นจำนวนนับแสนคนเศษ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ผลจากการนี้ทำให้แผ่นซีดีบันทึกภาพ และเนื้อหาการสนทนาของสนธิ ลิ้มทองกุล และสโรชา พรอุดมศักดิ์ เป็นที่ถามหาต้องการเพิ่มขึ้น

รวมทั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันที่ตีพิมพ์เนื้อหาจากรายการนี้มีผู้ซื้ออ่านพุ่งขึ้นมาอยู่ในระดับหัวแถวของหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวันขณะนี้

ถ้าใครจะคิดว่า นายกฯ ทักษิณถึงขนาดทำตัวให้ถูกวิจารณ์ช่วยทางการตลาดให้หนังสือพิมพ์ผู้จัดการก็เกินไปละครับ

แต่ขณะเดียวกัน ก็มิใช่ความตั้งใจจะวางแนวอยู่ฝ่ายตรงข้ามผู้นำรัฐบาล เพื่อสร้างจุดสนใจเพื่อให้หนังสือพิมพ์ขายดีก็ยิ่งไม่ใช่

เพราะการทำหน้าที่สื่อมวลชนนั้น มีพันธกิจ "ทำความจริงให้ปรากฏ" และแสดงความคิดเห็นเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนา โดยยึดผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

สื่อมวลชนที่ยึดมั่นในวิชาชีพจึงกล้านำเสนอความจริง และความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม แม้จะขัดความรู้สึกกับผู้มีอำนาจทางการเมือง

ส่วนประชาชนหรือผู้อ่านจะเห็นด้วยในการบริโภคข่าวสารนั้นหรือไม่ ก็จะสะท้อนออกมาที่ความนิยมเชื่อถือ

นักการเมืองที่ยึดหลักคิดแบบเก่าที่คิดว่าประชาชนรู้ไม่ทัน จึงใช้วิธีบิดเบือนและหาคนมาพูดเพื่อหลอกให้เข้าใจไปในทางที่เข้าข้างฝ่ายรัฐบาล

อย่างเช่น นักการเมืองพรรคไทยรักไทยพยายามบอกว่า คนไปฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ที่สวนลุมพินีมากเพราะต้องการไปดูดนตรี แถมบอกว่ามีคนรับจ้างไปชุมนุมหัวละ 300 บาท

คนฟังส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางเป็นคนมีการศึกษา มีทั้งหนุ่มสาวและวัยกลางคน ซึ่งรู้อยู่แก่ใจว่าไปเพราะต้องการรับรู้ข้อมูลใหม่ๆ จึงพิสูจน์ให้รู้พากันไปเพิ่มขึ้น

ขนาดหลายคนที่เคยดูทางเคเบิลทีวีที่รับสัญญาณจากโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV เมื่อผู้ให้บริการถูกขู่ให้ตัดสัญญาณก็พากันนั่งรถมาฟังรายการในวันศุกร์ถัดไปก็มี

ผมไม่รู้ว่า ทีมงานการเมืองของรัฐบาลใช้หลัก "ผลมาจากเหตุ" แล้วพยายามจะสกัดกั้นการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทั้งการฟ้อง การแจ้งความ ขอหมายศาลเพื่อจะจับกุมผู้ดำเนินรายการ

แม้ยังไม่เกิดผล

ความจริงรายการเมืองไทยรายสัปดาห์หรือการพูดของคุณสนธิจนเกิด "ปรากฏการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล" ที่ขยายวงกว้างขวางขึ้นนั้น ไม่ใช่เหตุแต่เป็นผล

ผลจากเหตุคือการปฏิบัติหน้าที่บริหารประเทศของผู้นำรัฐบาล ที่ก่อให้เกิดข้อสงสัยในความถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม

การแก้ปัญหาที่กระทบความมั่นคงของผู้นำรัฐบาลขณะนี้ จึงมิใช่การสกัดการรับรู้ของประชาชน หรือจัดคนมาพูดบิดเบือนข้อมูลการรับรู้ของสังคม

เพราะความจริงและความถูกต้องเป็นสัจธรรม

เหตุที่เกิดเนื่องมาจากการตัดสินใจ และพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม

ตราบใดที่นโยบายและกลยุทธ์ที่อาจดูดี แต่เป้าหมายปลายทางมิได้เพื่อความอยู่ดี มีสุข อย่างยั่งยืนของประชาชน โดยยึดหลัก "เศรษฐกิจพอเพียง" และดำเนินการด้วยความซื่อสัตย์และเป็นธรรม

หากแต่กลับมีเป้าหมายเพื่ออำนาจทางการเมือง แถมมีการใช้อภิสิทธิ์เพื่อพวกพ้องเบียดบังผลประโยชน์เพื่อครอบครัวและพวกตัว

ถึงอย่างไรความจริงและผลเสียก็ต้องฟ้องออกมาจนได้

อย่างเช่น กรณีถูกเปิดโปงการใช้เครื่องบิน C-130 ของทางราชการไปในงานส่วนตัวของน้องสาวนายกรัฐมนตรี การชี้แจงของผู้เกี่ยวข้องก็ยังไม่สามารถทำให้สังคมเชื่อถือได้

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ จึงพิสูจน์แล้วว่า ระบอบประชาธิปไตยที่ให้หลักประกันในเสรีภาพการแสดงออก และมีกลไกตรวจสอบถ่วงดุลเพื่อไม่ให้มีกลุ่มการเมืองใดมีอำนาจเบ็ดเสร็จนั้น เป็นสิ่งจำเป็น

แม้รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 ที่ใช้อยู่ขณะนี้พยายามสรุปบทเรียนทางการเมืองในอดีตแล้วเห็นว่าการมีกฎกติกาเพื่อเป็นโอกาสให้เกิดอำนาจที่เข้มแข็งจะช่วยให้เกิดเสถียรภาพทางการเมืองประเทศชาติจะได้พัฒนาไปโดยไม่สะดุด

แล้วก็มาเจอคนหัวใสที่ใช้ทุกวิถีทางทำให้ได้เสียงข้างมากทั้ง 2 สภา รวมทั้งองค์กรอิสระถูกสกัดจุดจนสังคมหวังไม่ได้ในการทำหน้าที่ตรวจสอบ

ความเชื่อมั่นในอำนาจที่ล้นเหลือนี้เอง จึงทำให้มองข้ามบทบาทและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของสื่อมวลชน ข้อเสนอให้ปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่ด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ จะมีเสียงขานรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผมกลับมาลองนึกเล่นๆ ว่า ถ้าเกิดนายกรัฐมนตรีทักษิณไปเผชิญหน้าคุณสนธิต่อหน้าหลวงตามหาบัว อะไรจะเกิดขึ้น

ถ้าปฏิเสธข้อสงสัย จะชี้แจงอย่างไร และรับฟังได้หรือไม่

ถ้ายอมรับ ว่ามีข้อน่าสงสัย ก็ต้องมีการแก้ไขให้ถูกต้อง หรือยืนยันว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก

แต่ก็คงจะเป็นว่าไม่ทั้ง 2 แบบ งานนี้จึงมีแต่คุณสนธิไปกราบหลวงตาฝ่ายเดียว โดยไม่รู้ว่านายกฯ ทักษิณจะไปตามคำเชิญเมื่อใด
กำลังโหลดความคิดเห็น