ประชาชนร่วมแสดงความยินดีกับ “สนธิ-สโรชา” ล้นหลาม หลังทราบข่าวศาลจังหวัดยโสธรไม่อนุมัติหมายจับ -ศาลแพ่งยกเลิกคำสั่งปิดปากบางส่วน ยืนยันจะไปร่วมฟัง “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” ครั้งที่ 10 ที่สวนลุมพินี แน่นอน ขณะที่มือมืดยังแจกใบปลิวโจมตีไม่หยุด ด้านตร.นครบาล ส่งตำรวจนับพันนายตรึงสวนลุมฯ เย็นนี้
ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ (24 พ.ย.) ก่อนที่ศาลจังหวัดยโสธรจะชี้ขาดคำขออนุมัติหมายจับนายสนธิ ลิ้มทองกุล และ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ได้มีประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดโทรศัพท์เข้ามาสอบถามความคืบหน้า และแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง และถี่ยิบ โดยเฉพาะหลังจากทราบข่าวว่าศาลจังหวัดยโสธรไม่อนุมัติหมายจับเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.แล้ว ปรากฏว่าได้มีโทรศัพท์เข้ามาแสดงความยินดีที่กองบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และผู้จัดการออนไลน์ เป็นจำนวนมาก โดยชื่นชมความยุติธรรมของศาล พร้อมทั้งยืนยันว่าจะเดินทางไปร่วมฟังรายการเมืองไทยสัญจร ครั้งที่ 10 ที่สวนลุมพินี ในวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.นี้ เพื่อรับฟังความจริงในอีกแง่มุมหนึ่ง รวมทั้งรับฟังคำถามที่รัฐบาลไม่อยากตอบแต่ประชาชนมีสิทธิ์รับรู้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ในกระดานแสดงความคิดเห็นท้ายข่าว บนเว็บไซต์ ผู้จัดการออนไลน์ (www.manager.co.th) ได้มีผู้อ่านแสดงความคิดกันเข้ามาอย่างถล่มทลาย หลังจากเสนอข่าวศาลจังหวัดยโสธรไม่อนุมัติหมายจับในช่วงเช้า และในช่วงบ่ายได้เสนอข่าวศาลแพ่งยก เลิกคำสั่งคุ้มครองห้ามนายสนธิกล่าวพาดพิงถึงพ.ต.ท.ทักษิณในบางส่วน โดยผู้แสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่ได้ชื่นชมต่อคำวินิจฉัยของศาล พร้อมทั้งแสดงความยินดีและให้กำลังใจกับนายสนธิและนางสาวสโรชา ให้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ต่อไป ขณะเดียวกันผู้แสดงความเห็นจำนวนมากได้ตำหนิการกระทำของตำรวจที่พยายามยัดข้อหาร้ายแรงให้กับผู้ดำเนินรายการทั้งสองโดยไม่ได้ดูข้อเท็จจริง เพียงแต่ต้องการจะเอาใจนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
**เว็บตร.ภาค 4 ลบกระทู้โจมตี
ในวันเดียวกัน “ผู้จัดการออนไลน์” ได้นำเสนอข่าว พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผบช.ภ.4 มีหนังสือด่วนสั่งการให้หัวหน้าโรงพักในสังกัด 11 จังหวัด รวม 234 โรงพัก ทั้ง สภ.อ. กิ่งสภ.อ. และสภ.ต.ให้หัวหน้าสถานีตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล กับ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่นนั้น ปรากฏว่า ชาวเน็ตได้เข้าไปยังเว็บบอร์ดตำรวจภูธรภาค 4 เพื่อโพสต์แสดงความคิดเห็น แต่ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปตรวจสอบกลับพบว่าบางกระทู้ไม่สามารถเปิดอ่านข้อความได้ บางกระทู้ได้ถูกลบทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง
**สมาคมนักข่าวภูมิภาคให้กำลังใจ
ด้านสมาคมนักข่าวภูมิภาคแห่งประเทศไทย ได้เดินทางมาที่บ้านพระอาทิตย์ ที่ตั้งของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพื่อนำดอกไม้มาให้กำลังใจ นายสนธิ ลิ้มทองกุล โดยที่มีนายสุวิชชา เพียราษฎร์ บรรณาธิการบริหาร"ผู้จัดการรายวัน" และ "ผู้จัดการออนไลน์" และคณะเป็นตัวแทนรับมอบ โดยตัวแทนสมาคมฯ กล่าวว่า พร้อมเป็นกำลังใจและสนับสนุนในการต่อสู้กับอำนาจเถื่อนที่ขึ้นกับสื่อสารมวลชนในขณะนี้ ถือเป็นการคุกคามสื่ออย่างรุนแรง สร้างความไม่พอใจให้แก่พี่น้องที่อาศัยอยู่ตามต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก และเมื่อเร็วๆ นี้ สื่อมวลชนกัมพูชาซึ่งได้เดินทางมาพบที่สมาคมนักข่าวภูมิภาคฯ และได้สอบถามถึงกรณีนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งสื่อมวลชนทางกัมพูชาติดตามความเคลื่อนไหวมาตลอด
**วิทยุ มธ. ขอถ่ายทอดเสียง
ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธนัญญา เชษฐา คณบดีคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ทำหนังสือถึงอธิการบดี เพื่อขออนุญาตเผยแพร่รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร เพราะหลังจากรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรได้ย้ายสถานที่จัดจากธรรมศาสตร์ไปที่สวนลุมพินี สถานีวิทยุธรรมศาสตร์ ซึ่งเดิมเคยนำเทปบันทึกเสียงของรายการมาออกอากาศในวันถัดไป ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ฟังอย่างมาก ก็ไม่ได้ถ่ายทอดอีก ดังนั้น เพื่อให้ประชาคมธรรมศาสตร์ตลอดจนประชาชนทั่วไปได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างครบถ้วน คณะฯ จึงขอให้นำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์กลับมาเผยแพร่เพื่อเป็นสื่อทางเลือกของผู้รับสารอีกทางหนึ่ง
**มือมืดดอดทิ้งใบปลิวโจมตี "สนธิ"หน้าเซ็นทรัล
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดีนำใบปลิวโจมตีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่บริเวณด้านหน้าห้างสรรสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ฝั่งถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงไปตรวจสอบ พบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นป้ายรถประจำทางหน้าห้างฯ พบกองใบปลิวในถังขยะ ที่หน้าศาลาที่พักผู้โดยสารจำนวนหนึ่ง และบางส่วนตกอยู่ตามพื้น โดยหน้าแรกของใบปลิว เป็นรูปนายสนธิ เขียนข้อความข้อความระบุว่า "จับโกหกคำโต สร้างความแตกแยก ใครกันแน่ บิดเบือนความจริง กรณีวัดพระแก้ว" ส่วนใบปลิวด้านใน พิมพ์ประกาศหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในงานพิธีที่จัด ณ พระอุโบสถวัดพระแก้ว ส่วนด้านหลัง เป็นภาพของหนังสือพิมพ์ หลายฉบับที่นำมาโจมตีนายสนธิ
**นครบาลตรึงกำลังสวนลุมฯ
ส่วนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. เรียกประชุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ บก.น.5 และบก.น.6 เพื่อวางมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณสวนลุมพินีสถาน และพื้นที่ใกล้เคียง ในวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.นี้
พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า ทาง บช.น.กังวลต่อความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ เกรงว่าจะมีกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดีสร้างความไม่สงบ จึงสั่งระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองร้อยควบคุมฝูงชน 6 กองร้อย จำนวน 900 นายเข้าดูแลพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีฝ่ายสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบจาก บก.น.1-9 อีกประมาณ 300 นาย กระจายกำลังทั่วบริเวณเพื่อหาข่าวความเคลื่อนไหว และป้องกันเหตุความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างที่มีการดำเนินรายการ นอกจากนี้ ยังประสานไปยัง กทม.ในการขอติดตั้งไฟส่องสว่าง และตั้งศูนย์อำนวยการด้านการพยาบาล หากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้น
ผบช.น.กล่าวว่า ได้กำชับให้ตำรวจตั้งจุดตรวจค้นบริเวณทางเข้า-ออกอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะการตรวจอาวุธ และการสุ่มตรวจบุคคลต้องสงสัยในการรวมตัวในจุดล่อแหลมที่อยู่ในบริเวณงานตลอดเวลา อีกทั้งยังวางกำลังอีกส่วนหนึ่งในการดูแลป้องกันสถานทูตสำคัญทุกแห่งที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณสวมลุมพินีด้วย นอกจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บวัตถุระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่ก่อน จากนั้นในช่วงบ่ายเวลา 14.00 น.จะให้ชุดปฏิบัติการกองร้อยควบคุมฝูงชนเข้าประจำการ ณ ที่ตั้งทันที
ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ (24 พ.ย.) ก่อนที่ศาลจังหวัดยโสธรจะชี้ขาดคำขออนุมัติหมายจับนายสนธิ ลิ้มทองกุล และ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ได้มีประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดโทรศัพท์เข้ามาสอบถามความคืบหน้า และแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง และถี่ยิบ โดยเฉพาะหลังจากทราบข่าวว่าศาลจังหวัดยโสธรไม่อนุมัติหมายจับเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.แล้ว ปรากฏว่าได้มีโทรศัพท์เข้ามาแสดงความยินดีที่กองบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และผู้จัดการออนไลน์ เป็นจำนวนมาก โดยชื่นชมความยุติธรรมของศาล พร้อมทั้งยืนยันว่าจะเดินทางไปร่วมฟังรายการเมืองไทยสัญจร ครั้งที่ 10 ที่สวนลุมพินี ในวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.นี้ เพื่อรับฟังความจริงในอีกแง่มุมหนึ่ง รวมทั้งรับฟังคำถามที่รัฐบาลไม่อยากตอบแต่ประชาชนมีสิทธิ์รับรู้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ในกระดานแสดงความคิดเห็นท้ายข่าว บนเว็บไซต์ ผู้จัดการออนไลน์ (www.manager.co.th) ได้มีผู้อ่านแสดงความคิดกันเข้ามาอย่างถล่มทลาย หลังจากเสนอข่าวศาลจังหวัดยโสธรไม่อนุมัติหมายจับในช่วงเช้า และในช่วงบ่ายได้เสนอข่าวศาลแพ่งยก เลิกคำสั่งคุ้มครองห้ามนายสนธิกล่าวพาดพิงถึงพ.ต.ท.ทักษิณในบางส่วน โดยผู้แสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่ได้ชื่นชมต่อคำวินิจฉัยของศาล พร้อมทั้งแสดงความยินดีและให้กำลังใจกับนายสนธิและนางสาวสโรชา ให้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ต่อไป ขณะเดียวกันผู้แสดงความเห็นจำนวนมากได้ตำหนิการกระทำของตำรวจที่พยายามยัดข้อหาร้ายแรงให้กับผู้ดำเนินรายการทั้งสองโดยไม่ได้ดูข้อเท็จจริง เพียงแต่ต้องการจะเอาใจนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
**เว็บตร.ภาค 4 ลบกระทู้โจมตี
ในวันเดียวกัน “ผู้จัดการออนไลน์” ได้นำเสนอข่าว พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผบช.ภ.4 มีหนังสือด่วนสั่งการให้หัวหน้าโรงพักในสังกัด 11 จังหวัด รวม 234 โรงพัก ทั้ง สภ.อ. กิ่งสภ.อ. และสภ.ต.ให้หัวหน้าสถานีตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล กับ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่นนั้น ปรากฏว่า ชาวเน็ตได้เข้าไปยังเว็บบอร์ดตำรวจภูธรภาค 4 เพื่อโพสต์แสดงความคิดเห็น แต่ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปตรวจสอบกลับพบว่าบางกระทู้ไม่สามารถเปิดอ่านข้อความได้ บางกระทู้ได้ถูกลบทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง
**สมาคมนักข่าวภูมิภาคให้กำลังใจ
ด้านสมาคมนักข่าวภูมิภาคแห่งประเทศไทย ได้เดินทางมาที่บ้านพระอาทิตย์ ที่ตั้งของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพื่อนำดอกไม้มาให้กำลังใจ นายสนธิ ลิ้มทองกุล โดยที่มีนายสุวิชชา เพียราษฎร์ บรรณาธิการบริหาร"ผู้จัดการรายวัน" และ "ผู้จัดการออนไลน์" และคณะเป็นตัวแทนรับมอบ โดยตัวแทนสมาคมฯ กล่าวว่า พร้อมเป็นกำลังใจและสนับสนุนในการต่อสู้กับอำนาจเถื่อนที่ขึ้นกับสื่อสารมวลชนในขณะนี้ ถือเป็นการคุกคามสื่ออย่างรุนแรง สร้างความไม่พอใจให้แก่พี่น้องที่อาศัยอยู่ตามต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก และเมื่อเร็วๆ นี้ สื่อมวลชนกัมพูชาซึ่งได้เดินทางมาพบที่สมาคมนักข่าวภูมิภาคฯ และได้สอบถามถึงกรณีนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งสื่อมวลชนทางกัมพูชาติดตามความเคลื่อนไหวมาตลอด
**วิทยุ มธ. ขอถ่ายทอดเสียง
ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธนัญญา เชษฐา คณบดีคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ทำหนังสือถึงอธิการบดี เพื่อขออนุญาตเผยแพร่รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร เพราะหลังจากรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรได้ย้ายสถานที่จัดจากธรรมศาสตร์ไปที่สวนลุมพินี สถานีวิทยุธรรมศาสตร์ ซึ่งเดิมเคยนำเทปบันทึกเสียงของรายการมาออกอากาศในวันถัดไป ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ฟังอย่างมาก ก็ไม่ได้ถ่ายทอดอีก ดังนั้น เพื่อให้ประชาคมธรรมศาสตร์ตลอดจนประชาชนทั่วไปได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างครบถ้วน คณะฯ จึงขอให้นำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์กลับมาเผยแพร่เพื่อเป็นสื่อทางเลือกของผู้รับสารอีกทางหนึ่ง
**มือมืดดอดทิ้งใบปลิวโจมตี "สนธิ"หน้าเซ็นทรัล
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดีนำใบปลิวโจมตีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่บริเวณด้านหน้าห้างสรรสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ฝั่งถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงไปตรวจสอบ พบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นป้ายรถประจำทางหน้าห้างฯ พบกองใบปลิวในถังขยะ ที่หน้าศาลาที่พักผู้โดยสารจำนวนหนึ่ง และบางส่วนตกอยู่ตามพื้น โดยหน้าแรกของใบปลิว เป็นรูปนายสนธิ เขียนข้อความข้อความระบุว่า "จับโกหกคำโต สร้างความแตกแยก ใครกันแน่ บิดเบือนความจริง กรณีวัดพระแก้ว" ส่วนใบปลิวด้านใน พิมพ์ประกาศหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในงานพิธีที่จัด ณ พระอุโบสถวัดพระแก้ว ส่วนด้านหลัง เป็นภาพของหนังสือพิมพ์ หลายฉบับที่นำมาโจมตีนายสนธิ
**นครบาลตรึงกำลังสวนลุมฯ
ส่วนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. เรียกประชุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ บก.น.5 และบก.น.6 เพื่อวางมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณสวนลุมพินีสถาน และพื้นที่ใกล้เคียง ในวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.นี้
พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า ทาง บช.น.กังวลต่อความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ เกรงว่าจะมีกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดีสร้างความไม่สงบ จึงสั่งระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองร้อยควบคุมฝูงชน 6 กองร้อย จำนวน 900 นายเข้าดูแลพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีฝ่ายสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบจาก บก.น.1-9 อีกประมาณ 300 นาย กระจายกำลังทั่วบริเวณเพื่อหาข่าวความเคลื่อนไหว และป้องกันเหตุความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างที่มีการดำเนินรายการ นอกจากนี้ ยังประสานไปยัง กทม.ในการขอติดตั้งไฟส่องสว่าง และตั้งศูนย์อำนวยการด้านการพยาบาล หากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้น
ผบช.น.กล่าวว่า ได้กำชับให้ตำรวจตั้งจุดตรวจค้นบริเวณทางเข้า-ออกอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะการตรวจอาวุธ และการสุ่มตรวจบุคคลต้องสงสัยในการรวมตัวในจุดล่อแหลมที่อยู่ในบริเวณงานตลอดเวลา อีกทั้งยังวางกำลังอีกส่วนหนึ่งในการดูแลป้องกันสถานทูตสำคัญทุกแห่งที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณสวมลุมพินีด้วย นอกจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บวัตถุระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่ก่อน จากนั้นในช่วงบ่ายเวลา 14.00 น.จะให้ชุดปฏิบัติการกองร้อยควบคุมฝูงชนเข้าประจำการ ณ ที่ตั้งทันที