ผู้จัดการรายวัน - "ช่วงชัย-โกลเบล็ก" แนะจับตาหุ้นใหม่ 2 เดือนสุดท้ายถ้าราคาหลุดจองหลายบริษัทอาจจะส่งผลกระทบต่อหุ้นใหม่ในปีหน้า อาจจะทำให้หลายบริษัทชะลอการกระจายหุ้น พร้อมชี้หุ้นจองหลายตัวทำให้นักลงทุนต้องหมุนเงินขายหุ้นเพื่อไปลงทุนในหุ้นตัวใหม่
นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัดเปิดเผยว่าในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้จะมีหุ้นใหม่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจะต้องจับตามองว่าเมื่อหุ้นใหม่(หุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนครั้งแรกหรือIPOเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์)เข้ามาซื้อขายแล้วราคาจะสามารถปรับตัวสูงกว่าราคาจองได้หรือไม่ถ้าหุ้นใหม่หลายบริษัทเข้ามาซื้อขายแล้วราคาปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าจองเชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อหุ้นใหม่ที่จะเข้ามาจดทะเบียนในปีหน้าอาจจะส่งผลให้หุ้นใหม่หลายบริษัทชะลอการกระจายหุ้นได้เช่นกัน
ทั้งนี้ สาเหตุที่หุ้นใหม่หลายบริษัทมีโอกาสราคาปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าจองได้เนื่องจากพฤติกรรมของนักลงทุนหันมาเก็งกำไรระยะสั้นมากขึ้นประกอบกับในช่วงปลายปีมีหุ้นใหม่จำนวนมากที่จะเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เพราะหลายบริษัทต้องการที่จะได้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีในปีนี้เลยดังนั้นเมื่อหุ้นเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ก็จะทำให้นักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่ขายทำกำไรออกมาเพื่อหวังนำเงินไปลงทุนกับหุ้นใหม่บริษัทอื่นแทน
"การที่มีหุ้นใหม่เข้ามาซื้อขายมีจำนวนมากแต่จำนวนเม็ดเงินของนักลงทุนมีจำกัดดังนั้นจึงอาจจะทำให้เมื่อหุ้นใหม่เข้ามาซื้อขายนักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่ก็จะขายทำกำไรออกมาเพื่อหวังนำเงินไปลงทุนในหุ้นบริษัทใหม่ตัวอื่น" นายช่วงชัยกล่าว
นอกจากนี้ การที่ภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวยส่งผลทำให้หุ้นบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องราคาปรับตัวลดลง ดังนั้นนักลงทุนอาจจะขายทำกำไรในหุ้นใหม่เพื่อหวังนำเงินไปลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีดังกล่าวได้เช่นกัน
นายช่วงชัย กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นในปี 2549 คาดว่าดัชนีคงจะอยู่ในระดับ 820-850 จุด โดยคาดว่ามูลค่าการซื้อขายโดยเฉลี่ยต่อวันจะอยู่ที่ระดับ 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีนี้ ณ วันที่ 14 พ.ย.พบว่ามีมูลค่าการซื้อขายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1.7 หมื่นล้านบาทต่อวัน ภาวะตลาดหุ้นในปีหน้ามีทิศทางที่ดีขึ้นเพราะได้รับผลดีจากอัตรการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2549 คาดว่าจะอยู่ในระดับ 4.5-6%โดยจะสูงกว่าปีนี้ที่จะอยู่ในระดับ4.2-4.75%ปัจจัยบวกต่อมาได้แก่ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มที่จะลดลง,การท่องเที่ยวฟื้นตัว,คาดว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นประมาณ10% จากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทเอกชนหลายบริษัทและอาจมีหลักทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจบางแห่งสามารถเข้ามาระดมทุนได้
นอกจากนี้ เศรษฐกิจประเทศในแถบเอเซียฟื้นตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศญี่ปุ่น,จีนและอินเดีย,การเริ่มซื้อขายตลาดตราสารอนุพันธ์จะช่วยส่งเสริมตลาดหลักทรัพย์,การขยายตัวของการส่งออกดีขึ้นในระดับ 20% เห็นได้จากแนวโน้มที่ดีในช่วงปลายปี 2548และโครงการเมกกะโปรเจ็กต์ มูลค่า 1.8 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตามก็อาจจะมีปัจจัยที่จะต้องระมัดระวังและมีผลกระทบต่อภาวะตลาดหุ้นโดยรวมได้แก่ความรุนแรงใน 3จังหวัดภาคใต้,อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนและค่าใช้จ่ายของภาคธุรกิจ
นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัดเปิดเผยว่าในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้จะมีหุ้นใหม่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจะต้องจับตามองว่าเมื่อหุ้นใหม่(หุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนครั้งแรกหรือIPOเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์)เข้ามาซื้อขายแล้วราคาจะสามารถปรับตัวสูงกว่าราคาจองได้หรือไม่ถ้าหุ้นใหม่หลายบริษัทเข้ามาซื้อขายแล้วราคาปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าจองเชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อหุ้นใหม่ที่จะเข้ามาจดทะเบียนในปีหน้าอาจจะส่งผลให้หุ้นใหม่หลายบริษัทชะลอการกระจายหุ้นได้เช่นกัน
ทั้งนี้ สาเหตุที่หุ้นใหม่หลายบริษัทมีโอกาสราคาปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าจองได้เนื่องจากพฤติกรรมของนักลงทุนหันมาเก็งกำไรระยะสั้นมากขึ้นประกอบกับในช่วงปลายปีมีหุ้นใหม่จำนวนมากที่จะเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เพราะหลายบริษัทต้องการที่จะได้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีในปีนี้เลยดังนั้นเมื่อหุ้นเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ก็จะทำให้นักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่ขายทำกำไรออกมาเพื่อหวังนำเงินไปลงทุนกับหุ้นใหม่บริษัทอื่นแทน
"การที่มีหุ้นใหม่เข้ามาซื้อขายมีจำนวนมากแต่จำนวนเม็ดเงินของนักลงทุนมีจำกัดดังนั้นจึงอาจจะทำให้เมื่อหุ้นใหม่เข้ามาซื้อขายนักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่ก็จะขายทำกำไรออกมาเพื่อหวังนำเงินไปลงทุนในหุ้นบริษัทใหม่ตัวอื่น" นายช่วงชัยกล่าว
นอกจากนี้ การที่ภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวยส่งผลทำให้หุ้นบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องราคาปรับตัวลดลง ดังนั้นนักลงทุนอาจจะขายทำกำไรในหุ้นใหม่เพื่อหวังนำเงินไปลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีดังกล่าวได้เช่นกัน
นายช่วงชัย กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นในปี 2549 คาดว่าดัชนีคงจะอยู่ในระดับ 820-850 จุด โดยคาดว่ามูลค่าการซื้อขายโดยเฉลี่ยต่อวันจะอยู่ที่ระดับ 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีนี้ ณ วันที่ 14 พ.ย.พบว่ามีมูลค่าการซื้อขายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1.7 หมื่นล้านบาทต่อวัน ภาวะตลาดหุ้นในปีหน้ามีทิศทางที่ดีขึ้นเพราะได้รับผลดีจากอัตรการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2549 คาดว่าจะอยู่ในระดับ 4.5-6%โดยจะสูงกว่าปีนี้ที่จะอยู่ในระดับ4.2-4.75%ปัจจัยบวกต่อมาได้แก่ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มที่จะลดลง,การท่องเที่ยวฟื้นตัว,คาดว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นประมาณ10% จากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทเอกชนหลายบริษัทและอาจมีหลักทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจบางแห่งสามารถเข้ามาระดมทุนได้
นอกจากนี้ เศรษฐกิจประเทศในแถบเอเซียฟื้นตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศญี่ปุ่น,จีนและอินเดีย,การเริ่มซื้อขายตลาดตราสารอนุพันธ์จะช่วยส่งเสริมตลาดหลักทรัพย์,การขยายตัวของการส่งออกดีขึ้นในระดับ 20% เห็นได้จากแนวโน้มที่ดีในช่วงปลายปี 2548และโครงการเมกกะโปรเจ็กต์ มูลค่า 1.8 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตามก็อาจจะมีปัจจัยที่จะต้องระมัดระวังและมีผลกระทบต่อภาวะตลาดหุ้นโดยรวมได้แก่ความรุนแรงใน 3จังหวัดภาคใต้,อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนและค่าใช้จ่ายของภาคธุรกิจ