xs
xsm
sm
md
lg

ท.ทหาร(ไม่)อดทน ประชาธิปไตยปี้ป่น เสรีภาพพัง

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

ผมชักจะไม่ชอบใจ ไม่สบายใจ แต่ก็เข้าใจว่า ทำไมทหารใหญ่จึงออกมาทำท่าฟาดงวงฟาดงา ปรากฏภาพเป็นข่าวในเครื่องแบบ การอ้างว่าจงรักภักดีต่อในหลวงเป็นสิทธิของคนไทยทุกคน แต่ทหารไม่จำเป็นต้องอ้าง เพราะมีขนบธรรมเนียมและประเพณีที่ทหารจะต้องแสดงความจงรักภักดีให้ประจักษ์อยู่แล้วหลายวาระและหลากวิธี

ผมไม่อยากให้โลกเขาเข้าใจผิดว่า ทหารแอบแสดงความจงรักภักดีทางอ้อมต่อนายกรัฐมนตรีต่างหาก ไม่ว่าเขาจะเข้าใจผิดหรือเข้าใจถูก ก็ล้วนแล้วแต่ไม่เป็นมงคลทั้งสิ้น

ผมบังเอิญรู้จัก เคารพและเคยร่วมงานกับคุณพ่อของทหารใหญ่ทั้งสอง จึงไม่สงสัยในความสุจริตใจของเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านแม้แต่น้อย ผมเพียงอยากเห็นท่านเป็นท.ทหารอดทน ให้สมกับเป็นคนในเครื่องแบบเท่านั้น

เครื่องแบบของทหารเป็นเกียรติยศและสัญลักษณ์ที่ยิ่งยวด เป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติและสังคม เป็นเครื่องแบบเดียวที่ในประเทศอารยะทั้งโลก ยอมรับและมอบอำนาจพิเศษที่เรียกว่า policing force ให้ผูกขาดแต่สถาบันเดียว

คำว่า policing อาจจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดคิดถึงตำรวจ ความจริงมิใช่ ในประเทศที่เจริญตำรวจมิได้ทำหน้าที่ “ทหารเทียมหรือparamilitary” เช่นเดียวกับในประเทศไทย ตำรวจกับทหารไม่มีการร่วมการศึกษา หรือเป็นสาขาหนึ่งของเหล่าทัพ ตำรวจมักจะศึกษาในมหาวิทยาลัยและฝึกฝนต่อใน Peace Officers Academy เมื่อประเทศไทยเจริญและเป็นประชาธิปไตยกว่านี้ คงจะต้องร้องเพลงมาร์ชสามัคคีสามเหล่าเท่านั้น และค่อยๆปฏิรูปทั้งทหารและตำรวจ เช่น ยกเลิกตำแหน่งผบ.สส. และทำให้ตำรวจเป็นพลเรือนเต็มตัวแบบบ๊อบบี้ของอังกฤษต่อไป

คำว่า policing force นี้คืออำนาจรักษาความสงบมั่นคงที่นอกเหนือและกระทบสิทธิทั่วไปในรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ก็เพื่อความสงบและมั่นคงของรัฐธรรมนูญ หรือความผาสุกของประชาธิปไตยนั่นเอง ดังนั้นจึงจำเป็นยิ่งที่ทหารจะต้องมีวินัย และใช้อำนาจภายใต้คำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายเท่านั้น ไม่สามารถอ้างได้ว่าทำหน้าที่ในฐานะประชาชนธรรมดา

เกือบบ่ายสามโมงวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายนนี้ ผมได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์แพทย์โรงพยาบาลจุฬาฯ ละล่ำละลักขอให้ผม “ช่วยสนธิหน่อย แย่แล้ว” พร้อมกับบรรยายว่า ขณะนี้ทหารเต็มสวนลุมพินีหมด ตรวจค้น สะกัดกั้นและไม่ยอมให้ประชาชนเข้าไปร่วมรายการเมืองไทยรายสัปดาห์

มิหนำซ้ำ พวกพยาบาลที่เป็นแฟนรายการสนธิกำลังพากันเดือดแค้นที่คอยเปิดเครื่องทีวีเตรียมรับรายการดาวเทียม กลับเห็นแต่ป้ายไม่มีสัญญาณ ผมอุทานในใจว่า “ตายห่า ถ้าเป็นแบบนี้จริง ทักษิณจบแน่”

ผมตอบว่า ดูก่อน ผมจะช่วยคิด แต่ผมจะทำอะไรได้ ผมไม่มีการจัดตั้งบังคับบัญชาอะไรกับเขา คุณหมอไม่เชื่อ เพราะเคยรู้ว่าผมเป็นนักเดินขบวนและปลุกระดมอาชีพมาถึง 3 ทวีป 4 ประเทศ คือ อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส และไทย แต่คุณหมอไม่รู้ว่าผมเลิกหมดแล้วตั้งแต่เปลี่ยนอาชีพมาเป็นนักวิชาการ

ผมรู้ธรรมชาติว่าหมอเป็นพวกที่เชื่อง่าย เพราะวันๆเจอแต่คนไข้ที่อยากหายจะต้องไม่โกหกหมอ แต่ในโลกการเมืองนั้นมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็นหรือหูได้ยิน ผมจึงทำการตรวจสอบได้ความว่า ไม่มีอะไรหรอก นักศึกษารักษาดินแดนแต่งเครื่องแบบเข้าไปทำความสะอาดสวนลุม เฮ้อ โล่งอกไปที

เรื่อง ทักษิณ VS สนธิ นี้ ชักจะบานปลายไปเรื่อยๆ ทีแรกผมก็กลัวจะเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว” ขอโทษนะครับ คุณหมอ ทีผมไม่ทันคิดว่าเรื่อง “กระต่ายตื่นตูม” ก็อาจจะทำความเสียหายได้พอๆกัน

ผมเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไป 5 ตอนแล้ว น่าจะหยุดได้ แต่ก็ให้มีอันเป็นมีคำถามหรือเรื่องแทรกตามมาเรื่อยๆ ความจริงผมอยากให้พวกเราช่วยกันเอาไปคิดและขยายความเอาเอง เช่นเรื่องของกำลังนั้น ผมบอกว่า “อำนาจเงิน กับปืนนั้น ไม่มั่นคง” ท่านก็คงเห็นแล้วว่ารัฐบาลสุจินดาที่มีทุกอย่างอยู่ได้แค่ 47 วัน รัฐบาลพระเจ้าชาห์ที่มีกองทัพเข้มแข็งแนวหน้าของโลกก็พ่ายนักบวชชราและเทปเก่าๆไม่กี่หมื่นม้วน ผมไม่ได้พูดถึงรัฐบาลเผด็จการยุโรปและโซเวียตที่มีส่วนล่มสลายเพราะโทรศัพท์โทรสารและทีวี ผมไม่ได้พูดถึงบทบาทของโทรศัพท์มือถือในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

ผมไม่อยากให้รัฐบาลทักษิณเหลิงเพราะนึกว่าตนมีอำนาจล้นฟ้า และไม่อยากให้ลุแก่โทษะ หรือกลายเป็นอีกาตาแววเห็นอะไรก็สงสัยหมด หากรัฐบาลทักษิณทำให้สังคมไทยและโลกเข้าใจผิดว่า ติดยึดและใช้ policing force ทางตรงและทางอ้อมเมื่อใด ครอบครัวชินวัตร อาจจะต้องเตรียมหาวิธีอพยพสำมะโนครัวไว้ล่วงหน้าได้เลย

ในขณะเดียวกัน ผมก็ไม่อยากให้สังคมไทยคิดว่า นายกฯเป็นเผด็จการทำได้ทุกอย่าง ตั้งทหารได้ทุกคนตามใจ สั่งอะไรได้ดังใจทุกกระทรวง แรงเฉื่อยและอำนาจของระบบราชการที่ถ่วงขาถ่วงแขนมิให้นายกฯทำดีหรือทำเสียได้ยังมีอยู่ไม่น้อย มิใยที่พฤติกรรมมักได้และมักง่ายในแวดวงของญาติพี่น้องและบริวารของนายกฯจะปรากฏเป็นข่าว ด้วยการแอบอิงอำนาจและฉวยใช้ทรัพยากรของราชการ ทั้งหมดนี้แก้ไขได้ด้วยเสรีภาพและการช่วยกันตรวจสอบ มิใช่ด้วยวิธีการเผาบ้านคลอกไฟโจร หรือตั้งใจจะโค่นล้มกันโดยม็อบหรือรัฐประหารลูกเดียว

แต่ผมมิได้หมายหมายว่า รัฐบาลที่มีความชอบธรรมเพราะมีสัญลักษณ์ของการเลือกตั้งจะถูกล้มล้างโดยประชาชนตามวิธีทางรัฐธรรมนูญหรือโดยทฤษฎีสัญญาประชาคม (Social Contract)มิได้ หากรัฐบาลนั้นละเมิดความชอบธรรมใน social contract อย่างแจ้งชัด

ผมสังเกตว่า ผู้อ่านที่ไม่ชอบทักษิณ เริ่มจะหมดความอดทน และประณามข้อเขียนของผมว่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน บ้านเมืองจะฉิบหายอยู่แล้ว ยังกลัวอะไรอยู่ ส่วนฝ่ายที่ชอบทักษิณก็ไม่ลืมหูลืมตา ฟังไม่ได้ศัพท์จับเอามากระเดียด ถ้าเขาไม่เชียร์ทักษิณก็ด่ากราดเอาไว้ก่อน ไม่รู้อะไรจริง-อะไรเท็จ

ขณะนี้ ผมต้องสนับสนุนความเคลื่อนไหวของสนธิ เพราะเป็นเรื่องของการใช้เสรีภาพของสื่อ ผมต้องปรามรัฐบาลไว้ก่อน เพราะรัฐบาลเป็นผู้ผูกขาดการใช้ policing force และรัฐบาลยังมีเครื่องมือในการลิดรอนเสรีภาพของประชาชนอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก ผมไม่อยากเห็นรัฐบาลลุแก่อำนาจ ถ้ารัฐบาลลุแก่อำนาจเมื่อใด ความเคลื่อนไหวของสนธิจะกลายเป็นการต่อสู้เรื่องรัฐธรรมนูญอย่างสมบูรณ์ทันที

ผมเคยสละสิทธินักวิชาการมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งเดียวเท่านั้นในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม เมื่อบรรดาอาจารย์ทั้งหลายพยายามจะแยกประเด็นให้คณาจารย์ต่อสู้ในกรณีที่อาจารย์ถูกจับ(อาจารย์ทวี หมื่นนิกร)กรณีเดียวเท่านั้น ส่วนนักศึกษาทั้งธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยอื่นๆที่ถูกจับไม่เกี่ยว ผมบอกว่าไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของคนไทยทุกคน ไม่อาจแยกได้ว่าเป็นเรื่องของทหาร อาจารย์หรือนักเรียน

ผมหวังว่านายกฯทักษิณคงจำได้ว่าเมื่อเร็วๆนี้ นักการทูตประเทศหนึ่งพูดกับท่านตรงๆว่า ปัญหาปักษ์ใต้ขณะนี้เป็นเพราะการใช้ policing force ที่ผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ตำรวจมาเป็นผู้ใช้อำนาจ ตราบใดที่เป็นเช่นนี้ จ้างก็แก้ปัญหาไม่สำเร็จ

แล้วเขายังอวดภูมิกับผมต่อว่า ในหลวงของไทยฉลาดที่สุดในโลก รู้ไหมว่าทำไมพระองค์จึงไม่ทรงตั้งตำรวจเป็นองคมนตรีเลย ผมบอกว่า ไม่จริง พล.ต.ต.หลวงอรรถสิทธิ นั่นไง เขาก็ค้านว่า ไม่จริง หลวงอรรถสิทธิไม่ใช่ตำรวจอาชีพ

แล้วเขาก็อ้างดร.ชัยอนันต์ว่า บ้านเมืองมันยุ่ง เพราะผู้นำไทยส่วนมากที่เป็นทหารและตำรวจไม่รู้จักวัฒนธรรมของการใช้อำนาจ

เรื่องและบรรยากาศมันเป็นอย่างนี้ ผมจึงไม่อยากเห็นทหารเข้ามายุ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น