xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณควรฉวยโอกาสพึ่งพระราชอำนาจ

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

วันอังคารผมตื่นเช้า ทำไมกลอนครึ่งบทนี้จึงผุดขึ้นมาในอนุสติก็ไม่รู้

“เสาศิลา หกศอก ตอกเป็นหลัก        ไปมาผลัก บ่อยเข้า เสายังไหว”

ผมเลยลองเขียนต่ออีกครึ่งบทเอาเอง

“สำมหา หลักประชา ธิปไตย        หากปวงไทย หมั่นก่น คงโค่นล้ม”

ผมกลัวคนไทยจะช่วยกันทำลายประชาธิปไตย ดีไม่ดี ผมอาจจะถูกกล่าวหาว่ากระทำการอุกอาจปลุกปั่นให้โค่นล้มรัฐบาล

ความจริง บทความของผมเขียนขึ้นในยุครสช. ผมรู้ว่าพลเอกสุจินดาเป็นคนดี แต่องค์ประกอบและพฤติกรรมของรสช.นั้นมิใช่ ซ้ำมีวาระซ่อนเร้น ความบังเอิญทำให้ผมเข้าถึงผู้นำประเทศส่วนมาก แต่ผมได้ถูกสั่งสอนมิให้ติดยึดตัวบุคคล ให้พิจารณาเอากรรมหรือการกระทำเป็นหลัก สิ่งใดดีก็ให้สนับสนุน สิ่งใดไม่ดีก็ให้คัดค้าน พี่น้องร่วมท้องของผมเป็นผู้ชาย 4 คน คนโตเป็นทหารคนเล็กเป็นทนายความ สองคนนี้เข้ากับพลเอกสุจินดาและพรรคสามัคคีธรรมเป็นปี่เป็นขลุ่ย คนโตใหญ่ถึงกับเป็นเลขาธิการพรรค ผมกับน้องชายคนรองเป็นทหารอาชีพ เห็นว่าการกระทำของรสช.เป็นการทำลายประเทศชาติ เราจึงต่อสู้คัดค้านรัฐบาลรสช.อย่างเต็มที่

ผมพนันกับพี่ชายว่า รัฐบาลจะอยู่ได้ไม่เกินสามเดือน เขาโต้ว่า ไม่มีทาง กำลังอยู่ในกำมือทุกเหล่าทัพ กำลังเงินและนายทุนหนาปึก ผู้แทนแน่นเหนือจดใต้กลางจดอีสาน ปัญญาชนชั้นนำประเทศแน่นระเบียงจนไม่มีเก้าอี้นั่ง ผมบอกว่าคอยดูก็แล้วกัน ผมเชื่อทั้งกฎแห่งความเป็นอนิจจังและหลักปฏิจจสมุปบาท ผมเป็นนักวิชาการผมมีหน้าที่คิด ผมไม่จำต้องไปเข้าขบวนแห่กับใคร

รัฐบาลอยู่ได้ 47 วัน ในหลวงต้องทรงลงมาช่วยระงับการนองเลือด แต่พระองค์มิได้ลงมาเล่นการเมือง เพราะดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานรัฐสภาได้ถวายชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกฯตามครรลองรัฐธรรมนูญ สุญญากาศทางการเมืองจึงไม่เกิด คนที่เรียกร้องว่านายกเลือกตั้งเฮกันทั้งเมือง นี่แหละคนไทย

ขณะนี้มีสุญญากาศทางการเมืองเกิดขึ้นหรือไม่ ตอบว่า ไม่ ถามว่า เราจะสร้างสุญญากาศทางการเมืองขึ้นได้หรือไม่ ต้องตอบว่า ได้ ส่วนจะสมควรหรือไม่นั้นขึ้นกับเงื่อนไข เงื่อนเวลา และวิธีการ

วิธีการทีผมรับไม่ได้ และขอประกาศต่อต้านเสียแต่ต้นก็คือ การเปลี่ยนรัฐบาลโดยม็อบและการกระทำรัฐประหาร

การปฏิวัติมักจะอ้างว่าหมดหนทางเลือกทางการเมือง มีผู้วิเศษอ้างว่ารัฐธรรมนูญปัจจุบันได้ปิดรูรั่วที่เป็นความบกพร่องของระบบการเมืองไทยไว้ได้หมดสิ้น

การปิดรูมิให้มีทางเลือกนี้ แท้ที่จริงคือยาสั่งทางการเมือง

หลายคนหลงว่า ระบบประธานาธิบดีของอเมริกัน ทำให้ผู้นำเข้มแข็งและมั่นคงเพราะกฎหมายค้ำตำแหน่งให้ครบ 4 ปี ความจริงตรงกันข้าม แต่เมื่อใดเกิดประธานาธิบดีเข้มแข็งขึ้นมาก็มีปัญหา เพราะ 4 ปีบางทีก็นานเกินรอ ประธานาธิบดีโดนลอบสังหารหลายคน รวมทั้งประธานาธิบดียอดนิยม ลินคอล์น และเคนเนดี้

ระบบรัฐสภาของอังกฤษเชื่อว่าเสียงข้างมากคือหลักประกันความมั่นคงของรัฐบาล หัวหน้าที่พาพรรคกำชัยอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็น มาร์กาเรต แธตเชอร์ หรือจอห์น เมเจอร์ ไม่มีใครอยู่ได้ครบเทอม ลูกพรรคโหวตให้ออก ขณะนี้บริษัทพนันเริ่มรับแทงกันแล้วว่าแบลร์ ซึ่งกำชัยเสียงข้างมากจนฝ่ายค้านไม่เห็นฝุ่นถึง 3 สมัยจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ สัปดาห์ที่แล้ว แบลร์ แพ้มติในสภาคอมมอน เพราะลูกพรรค 47 คนแหกคอกไปลงคะแนนเสียงกับฝ่ายค้าน

ผมได้ยินคำถามจาก วงราชการลับต่างประเทศเสมอว่า หากทักษิณ เป็นเหมือนเคนเนดี้ หรือมาร์กอส เมืองไทย จะเกิดอะไร

ผมตอบว่ากลัวกลียุค เพราะไทยไม่ใช่อเมริกา พรรคการเมืองของเรายังไม่ต่างจากแก๊งเลือกตั้ง รัฐบาลยังไม่เป็นประชาธิปไตย สภายังมิใช่หลักของนิติบัญญัติ ราชการยังไม่เป็นกลาง และราษฎรยังขายเสียง วัฒนธรรมทางการเมืองยังเป็นแบบชนะไหนเข้าด้วยช่วยกระพือ สื่อยังซื่อสัตย์ต่อยอดขายและงบโฆษณามากกว่าผู้อ่านฯลฯ

ผมได้กล่าวมาแล้วว่า การต่อสู้ทางการเมืองสมควรเปิดทางเลือกให้กว้าง แม้แต่ civil disobedience และ passive resistance ก็ยังดีกว่าการจับตัว การลอบสังหาร การก่อวินาศกรรม การก่อการร้าย การยกกำลังเข้าต่อสู้กัน และสงครามกลางเมือง

ผมไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น แต่มันจะเกิด ถี่และโหดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าสังคมหมดหวังและเชื่อว่าไม่มีทางเลือก ยิ่งรัฐบาลปิดทางเลือกเสียเอง รวมทั้งการปิดหูปิดตาประชาชนและสื่อ ก็ยิ่งเร็ว

ท่านที่ได้อ่านผมมาทั้งสามตอน คงตระหนักว่า แม้แต่ในยุคเผด็จการรสช.โอกาสที่จะเคลื่อนไหวอย่างสงบและเปิดเผยตามครรลองประชา ธิปไตย ก็ยังมีความเป็นไปได้ และมีวิธีการและทางเลือกอยู่ไม่น้อยเลย แต่สังคมไทยในตอนนั้นยังอ่อนหัด และพลังกลุ่มที่มุ่งมั่นและแข็งแกร่งยังไม่มี

ท่านผู้อ่านคงตระหนักอีกเหมือนกันว่า ยุคสุจินดากับยุคทักษิณนั้นเป็นคนละยุค ถึงจะมีความคล้ายคลึงต่อเนื่องหลายๆอย่าง เช่น การศึกษา ประสบการณ์ และมูลค่าของผู้นำ ตลอดจนมูลค่าของนักการเมืองและประชาชน แต่องค์ประกอบและเทคโนโลยีในสังคมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย แต่วิธีการแก้ไขปัญหาที่ผมเสนอ บางอย่างก็นำมาประยุกต์ใช้กับยุคปัจจุบันได้ อาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำเพราะความสามารถของกลุ่มพลังและภาคประชาชนรวมทั้งเทคโนโลยีสื่อสารแพร่ข้อมูลและความรู้มีมากขึ้น

พลเอกสุจินดาท้าทายว่าถ้าอยากให้ตนทำหรือไม่ทำอะไร ก็ขอให้ส่งจดหมายมาล้านฉบับ ในยุคทักษิณ คุณหมอเสม อายุเกือบ 90 ปีรวบรวมจด หมายสนับสนุนทักษิณจำนวนมหาศาลได้แสนง่าย ผมเสียดายที่สนธิไปบอกผู้ฟังกว่า 4 หมื่นว่าอย่าไปลงชื่อให้เมื่อยเลย วุฒิสภาเขากลายเป็นอะไหล่ตรายางไปหมดแล้ว ผมว่ารวบรวมรายชื่อเถอะครับ อย่าเสียดายค่าซอง ค่าสแตมป์หรือค่าถ่ายสำเนาบัตรประชาชนเลย อยากจะได้หรือไม่อยากจะได้อะไร รวมทั้งรัฐธรรมนูญพระราชทาน ขอได้โปรดส่งไปที่โคนันทวิศาลทั้งตัวเล็กและตัวโต ทั้งที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา หรือจะส่งไปให้ลูกเมียโคทั้งหลายที่บ้านด้วยก็ไม่ยาก ทำเถิดครับ

“เสาศิลา หกศอก ตอกเป็นหลัก         ไปมาผลัก บ่อยเข้า เสายังไหว
เราก็จิต คิดดูเล่า เขาก็ใจ        จะไม่กลัว ให้รู้ไป คนเหมือนกัน”

ก่อนอื่น ขอให้ศึกษาให้ถ่องแท้ ถูกถ้วนและยุติธรรมเสียก่อนว่า ข้อดีและข้อเสียของทักษิณมีอย่างไรบ้าง บวกลบกันแล้วอย่างไหนจะดีหรือเลวต่อบ้านเมืองมากกว่ากัน ข้อกล่าวหาและข้อแก้ตัวของทักษิณมีอะไรบ้าง อย่างไหนมีน้ำหนัก อย่างไหน ไม่มีน้ำหนัก

ผมไม่อยากพูดถึงวิวาทะเรื่องทักษิณหลายเรื่องที่รู้ดีกันอยู่แล้ว แต่อยากจะบอกว่าสังคมไทยควรจะส่งเสริมและเอาประโยชน์จากจุดแข็งที่ทักษิณมีอยู่คือการเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีพรรคการเมืองใหญ่ที่เสียงล้นหลาม มีภาพพจน์ที่ดูเหมือนจะมีความมั่นคงต่อเนื่อง (ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความเชื่อถือของต่างประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ) มีลักษณะความเป็นผู้นำที่ขยันขันแข็ง กล้าคิด-กล้าทำ ในขณะเดียวกันต้องช่วยกันสร้างระบบตรวจสอบและทำลายจุดอ่อนของทักษิณที่จะเป็นอันตรายต่อบ้านเมือง ซึ่งมีอยู่มากมายอีกเหมือนกัน วันหน้าผมจะพูดถึงและรับเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์เรื่องนี้

สำหรับเรื่องถวายคืนพระราชอำนาจ-ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญ ผมมีข้อเสนอเพิ่มเติมให้แก่คู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่าย ดังต่อไปนี้

1.ให้ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะทักษิณคิดหาวิธีการและลงมือพึ่งพระราชอำนาจโดยถวายรายงานบ่อยๆก็ดี ขอบรมราชวินิจฉัยก็ดี ศึกษาและปฏิบัติตามพระราชดำรัสก็ดี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่ไม่ทรงเห็นด้วยเรื่องการแปรสินทรัพย์เป็นทุน) นำแก้ไขรัฐ ธรรมนูญม. 313 ตามแนวของดร.อมร ก็ดี ฯลฯ

2.ขอให้ทักษิณลดความเป็นเผด็จการลงและเพิ่มความเป็นประชาธิปไตยขึ้น ทั้งในพรรค ในรัฐบาล และในรัฐสภาเปิดโอกาสให้มีความคิดและมาตรการแตกต่าง แบบประชาธิปไตยส่วนร่วมของจริง มิใช่ประชาธิปไตยตามใบสั่ง ทักษิณควรจะถอนฟ้องสื่อเสีย เพราะไม่มีผู้นำรัฐบาลประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้วประเทศใดที่ฟ้องสื่อ ถึงแม้สื่อนั้นจะสารเลวหรือมดเท็จก็ตาม นอกจากนั้นขอให้ทักษิณในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำจารีตและบรรทัดฐานประชาธิปไตยมาใช้กับรัฐสภา เช่นเดียวกับ รายการ prime minister questions ของอังกฤษ ที่นายกรัฐมนตรีจะต้องไปปรากฏตัวและตอบคำถามของสภาล่างทุกวันพุธ (ถึงแม้จะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ทำก็ตาม) หรือการเปิดโอกาสให้หัวหน้าฝ่ายค้านได้ร่วมพิธีการ ได้รับข้อมูลลับ หรือได้รับความเท่าเทียมในการใช้สื่อของรัฐ ที่เรียกว่า equal time provisionฯลฯ

3.ขอให้ทักษิณนำตนเอง ลูกเมียและบริวารออกจากวงการค้า วงการสัมปทาน ตลาดหุ้น และผ่านกฎหมายปฏิรูปธุรกิจให้ปลอดจากคอรัปชั่นและการเอาเปรียบคดโกงโดยผู้มีอำนาจ หากเกรงว่านักธุรกิจแก่งๆจะไม่ยอมเข้าสู่วงการเมือง เพราะกลัวขาดทุนหรือไม่พอกิน ก็ให้ออกกฎหมาย blind trust หรือการจัดการธุรกิจลงทุนแทนโดยเจ้าของไม่สามารถเข้าไปแทรกแซง รับรู้หรือออกคำสั่งได้ เรื่องเหล่านี้ทักษิณรู้ดีเ ว้นแต่ว่าจะเต็มใจหรือตัดใจได้หรือไม่ ฯลฯ

4. เรื่อง ตรวจเงินแผ่นดิน ป.ป.ช. กสช. การโอนครูฯ เป็นสูญญากาศการเมืองอนุภาค แต่สุญญากาศมหภาคยังไม่มี แต่อาจสร้างขึ้นได้ โดยการเคลื่อนไหวบีบคั้นจากประชาชน โดยมโนธรรมของทักษิณและนักการเมือง เช่น การลาออกของฝ่ายค้านทั้งคณะ การลาออกกลุ่มใหญ่ในวุฒิสภา การประท้วงโดยชะลอหรือหยุดงานของข้าราชการ ฯลฯ ซึ่งจะทำการเมืองชะงักงัน เปิดโอกาสให้ในหลวงลงมาช่วยได้

5.สำหรับสนธิ และสนธิแฟนคลับ ผมอยากเห็นความเข้มแข็งต่อเนื่อง และการขยายฐานที่ตั้งอยู่บนสัจจะและความยุติธรรม พัฒนาตนเองขึ้นมาจากความเคลื่อนไหว สู่ความเป็นองค์การ จากองค์การ สู่ความเป็นสถาบันโดยลำดับ กลายเป็นสมัชชาประชาธิปไตยที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล บริหารโดยวัตถุประสงค์เช่นเดียวกับ “Westminster Foundation for Democracy” (www.wfd.org) มีสาขาทุกจังหวัด มีวัตถุประสงค์ส่งเสริมประชาธิปไตยภาคประชาชน การมีส่วนร่วมและการขจัดคอรัปชั่น โดยน่าจะขอรับทุนจากรัฐบาล กกต. ป.ป.ช.หรือแม้แต่มูลนิธิทักษิณได้ ข้อเสนอในอดีตของผมอาจนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบันได้

ผมชอบเพลงฝรั่งที่ว่า คนเราต้องมีความฝัน ถ้าไม่มีความฝัน ความฝันจะเป็นจริงได้อย่างไร

ผมฝันว่า ชาติหน้าผมจะมาเกิดในเมืองไทยอีก ตอนนั้นเมืองไทยจะมีประชา ธิปไตย ที่มีกษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น