ผู้จัดการรายวัน - องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) จัดเทศกาลอาหารญี่ปุ่น หวังส่งเสริมการนำเข้าและสร้างความต้องการในอาหารญี่ปุ่น
นายอะซึโอะ คุโรดะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร)กรุงเทพฯ กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้วเจโทรได้จัดงานเทศกาลอาหารญี่ปุ่นJAPAN FOOD FAIR ซึ่งสามารถดึงดูดผู้ที่สนใจเข้าชมงานได้กว่า 40,000 คน และเป็นเวทีในการเจรจาทางการค้าอีกกว่า 4,000 ราย ซึ่งการเจรจาสำเร็จถึง 400 ราย นับได้ว่าประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจเป็นอย่างดี
ปัจจุบันอาหารญี่ปุ่นในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น วัฒนธรรมการรับประทานอาหารญี่ปุ่นได้ขยายตัวไปสู่ผู้บริโภคที่มีระดับรายได้ปานกลางมาก การแข่งขันก็มีมากขึ้นเนื่องจากในปัจจุบัน มีธุรกิจใหม่ๆเข้ามามาก แต่ทาง(เจโทร)ได้สำรวจพบว่า มีภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปี ปัจจุบันเฉพาะกรุงเทพฯมี 400 ร้าน มูลค่าตลาดประมาณ 3,500 ล้านบาท (ประมาณ 10,000 ล้านเยน) ต่างจังหวัดมี เชียงใหม่ ภูเก็ต ศรีราชา กว่า 600 ร้าน
ทางเจโรยังมองว่าผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่นยังมีลู่ทางในการจำหน่ายอีกมากคือ 1.ผลไม้คุณภาพสูง ผลไม้ของญี่ปุ่นถูกจัดเป็นสินค้าระดับหนึ่ง เรียกได้ว่ายังไม่มีคู่แข่งในขณะนี้ ที่ผ่านมาผลไม้นำเข้ามีสัดส่วนน้อยคิดเป็น 5 % 2. สินค้าประมงเป็นไปได้สูงที่ญี่ปุ่นจะส่งออก 3. ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ขนม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของญี่ปุ่น ซึ่งใช้กลยุทธ์สร้างความรู้สึกที่ดีในหมู่วัยรุ่นไทย เช่น รูปลักษณ์ดูดี สามารถเพิ่มความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้
ตลาดนำเข้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นมีสินค้านำเข้ามากถึง 5,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากผลไม้ 10% แต่มูลค่าตลาดรวมเป็นวัตถุดิบที่สั่งเข้ามาจากญี่ปุ่น 30% ส่วนการค้าปีหน้าคาดว่ายอดขายจะเพิ่มมากขึ้นอีก 10% ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อของคนไทยหนี้ไม่พ้นเรื่องของค่าน้ำมันที่แพง เป้าหมายในการจำหน่ายสินค้าอาหารญี่ปุ่นหลักๆอยู่ในกลุ่มของผู้ที่มีรายได้สูง (ชนชั้นกลาง) เงินเดือนสูงกว่า 15,000 บาท
สำหรับการจัดงานเทศกาลอาหารญี่ปุ่นในครั้งนี้ใช้งบประมาณ 15 ล้านบาท ได้รับความร่วมมือจากบริษัทชั้นนำกว่า 55 แห่ง ในธุรกิจอาหารทั้งจากญี่ปุ่นและประเทศไทย บริษัทญี่ปุ่นเข้าร่วมในงาน 45 แห่ง วันที่ 8-9 ธ.ค.48 สำหรับนักธุรกิจ วันที่ 10-11 ธ.ค. 48 สำหรับประชาชนทั่วไป
นายอะซึโอะ คุโรดะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร)กรุงเทพฯ กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้วเจโทรได้จัดงานเทศกาลอาหารญี่ปุ่นJAPAN FOOD FAIR ซึ่งสามารถดึงดูดผู้ที่สนใจเข้าชมงานได้กว่า 40,000 คน และเป็นเวทีในการเจรจาทางการค้าอีกกว่า 4,000 ราย ซึ่งการเจรจาสำเร็จถึง 400 ราย นับได้ว่าประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจเป็นอย่างดี
ปัจจุบันอาหารญี่ปุ่นในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น วัฒนธรรมการรับประทานอาหารญี่ปุ่นได้ขยายตัวไปสู่ผู้บริโภคที่มีระดับรายได้ปานกลางมาก การแข่งขันก็มีมากขึ้นเนื่องจากในปัจจุบัน มีธุรกิจใหม่ๆเข้ามามาก แต่ทาง(เจโทร)ได้สำรวจพบว่า มีภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปี ปัจจุบันเฉพาะกรุงเทพฯมี 400 ร้าน มูลค่าตลาดประมาณ 3,500 ล้านบาท (ประมาณ 10,000 ล้านเยน) ต่างจังหวัดมี เชียงใหม่ ภูเก็ต ศรีราชา กว่า 600 ร้าน
ทางเจโรยังมองว่าผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่นยังมีลู่ทางในการจำหน่ายอีกมากคือ 1.ผลไม้คุณภาพสูง ผลไม้ของญี่ปุ่นถูกจัดเป็นสินค้าระดับหนึ่ง เรียกได้ว่ายังไม่มีคู่แข่งในขณะนี้ ที่ผ่านมาผลไม้นำเข้ามีสัดส่วนน้อยคิดเป็น 5 % 2. สินค้าประมงเป็นไปได้สูงที่ญี่ปุ่นจะส่งออก 3. ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ขนม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของญี่ปุ่น ซึ่งใช้กลยุทธ์สร้างความรู้สึกที่ดีในหมู่วัยรุ่นไทย เช่น รูปลักษณ์ดูดี สามารถเพิ่มความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้
ตลาดนำเข้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นมีสินค้านำเข้ามากถึง 5,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากผลไม้ 10% แต่มูลค่าตลาดรวมเป็นวัตถุดิบที่สั่งเข้ามาจากญี่ปุ่น 30% ส่วนการค้าปีหน้าคาดว่ายอดขายจะเพิ่มมากขึ้นอีก 10% ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อของคนไทยหนี้ไม่พ้นเรื่องของค่าน้ำมันที่แพง เป้าหมายในการจำหน่ายสินค้าอาหารญี่ปุ่นหลักๆอยู่ในกลุ่มของผู้ที่มีรายได้สูง (ชนชั้นกลาง) เงินเดือนสูงกว่า 15,000 บาท
สำหรับการจัดงานเทศกาลอาหารญี่ปุ่นในครั้งนี้ใช้งบประมาณ 15 ล้านบาท ได้รับความร่วมมือจากบริษัทชั้นนำกว่า 55 แห่ง ในธุรกิจอาหารทั้งจากญี่ปุ่นและประเทศไทย บริษัทญี่ปุ่นเข้าร่วมในงาน 45 แห่ง วันที่ 8-9 ธ.ค.48 สำหรับนักธุรกิจ วันที่ 10-11 ธ.ค. 48 สำหรับประชาชนทั่วไป