พรรคร่วมฝ่ายค้านลุยตรวจหนองงูเห่า พบระบบเอ็กซเรย์ไม่ตรงตามสเปก ข้องใจบริษัทคิงส์พาวเวอร์ชนะประมูลบริหารพื้นที่ขายสินค้ากว่า 2 หมื่นตารางเมตร ที่ทำกันในช่วงใกล้เลือกตั้ง
เมื่อเวลา 9.30 น.วานนี้(14พ.ย.) คณะกรรมการติดตามการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายเกียรติ สิทธิอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ พร้อมด้วยส.ส.ฝ่ายค้านอาทิ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย นายนิกร จำนง และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ พรรคชาติไทยได้เดินทางไปหาข้อมูลที่สนามบินสุวรรณภูมิ และตรวจความคืบหน้าการก่อสร้าง โดยเฉพาะการติดตั้งสายพานลำเลียงกระเป๋า เครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 และหลังคาผ้าใบของตัวอาคาร
โดยภายหลังการตรวจดูงาน นายเกียรติ กล่าวว่า มีหลายประเด็นที่ยังไม่มีความชัดเจน อาทิ การทำสัญญาเพิ่มเติมโดยขยายกรอบเวลารวมสัญญาเดิมไปด้วย ทำให้เอกชนที่ไม่สามารถส่งมอบงานได้ตรงตามเวลาไม่ต้องเสียค่าปรับ ส่วนข้อดีคือ มีความก้าวหน้าขึ้นมากในเรื่องถนนเทียบท่าอากาศยาน และการส่งมอบเครื่องซีทีเอ็กซ์ 26 เครื่องอยู่ในประเทศไทยแล้ว แต่ยังต้องติดตามเรื่องระบบต่อไป เพราะมีรายงานว่าระบบอาจตรวจกระเป๋าได้ไม่ตรงตามสเปกที่ตั้งเอาไว้
สำหรับเรื่องหลังคาผ้าใบที่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ระบุว่า จะมีการเปลี่ยนผ้าใบจำนวน 19 ผืนจากเดิม 86 ผืนนั้น พบว่ามีปัญหาน่าจะต้องเปลี่ยนทั้งหมด 102 ผืน ส่วนเรื่องใหญ่ขณะนี้ที่บอร์ดการท่าอากาศยานฯต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจว่า เหตุใดจึงปล่อยให้เอกชนคือ บริษัทคิงส์พาวเวอร์ ซึ่งมีความชำนาญด้านการขายสินค้าอย่างเดียวมาบริหารพื้นที่ทั้งหมด 2 หมื่นตารางเมตร เพราะสอบถามแล้วไม่มีใครตอบได้ว่า ในส่วนนี้คิงส์พาวเวอร์จะมีพื้นที่ขายสินค้ากี่ตารางเมตร อย่างไรก็ตาม จะนำข้อมูลทั้งหมดไปร่วมประชุมกันอีกครั้ง
ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า การออกแบบสนามบินไม่ถูกกับภูมิอากาศของเมืองไทย ทำให้ต้องใช้ผ้าใบ และกระจกซ้อนถึงสองชั้นจนทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูง ที่สำคัญคือการประมูลให้เอกชนพัฒนาพื้นที่ภายในสนามบิน ทำไมบริษัทที่เก่งในด้านบริหารอย่างเซนทรัล ถึงตกเงื่อนไขด้านเทคนิค ขณะที่คิงส์พาวเวอร์ และบริษัทลูกของคิงส์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทขายสินค้าชนะไป ซึ่งน่าสงสัยมากเพราะช่วงที่มีการประมูลเป็นช่วงที่ใกล้เลือกตั้งใหญ่พอดี
เมื่อเวลา 9.30 น.วานนี้(14พ.ย.) คณะกรรมการติดตามการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายเกียรติ สิทธิอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ พร้อมด้วยส.ส.ฝ่ายค้านอาทิ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย นายนิกร จำนง และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ พรรคชาติไทยได้เดินทางไปหาข้อมูลที่สนามบินสุวรรณภูมิ และตรวจความคืบหน้าการก่อสร้าง โดยเฉพาะการติดตั้งสายพานลำเลียงกระเป๋า เครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 และหลังคาผ้าใบของตัวอาคาร
โดยภายหลังการตรวจดูงาน นายเกียรติ กล่าวว่า มีหลายประเด็นที่ยังไม่มีความชัดเจน อาทิ การทำสัญญาเพิ่มเติมโดยขยายกรอบเวลารวมสัญญาเดิมไปด้วย ทำให้เอกชนที่ไม่สามารถส่งมอบงานได้ตรงตามเวลาไม่ต้องเสียค่าปรับ ส่วนข้อดีคือ มีความก้าวหน้าขึ้นมากในเรื่องถนนเทียบท่าอากาศยาน และการส่งมอบเครื่องซีทีเอ็กซ์ 26 เครื่องอยู่ในประเทศไทยแล้ว แต่ยังต้องติดตามเรื่องระบบต่อไป เพราะมีรายงานว่าระบบอาจตรวจกระเป๋าได้ไม่ตรงตามสเปกที่ตั้งเอาไว้
สำหรับเรื่องหลังคาผ้าใบที่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ระบุว่า จะมีการเปลี่ยนผ้าใบจำนวน 19 ผืนจากเดิม 86 ผืนนั้น พบว่ามีปัญหาน่าจะต้องเปลี่ยนทั้งหมด 102 ผืน ส่วนเรื่องใหญ่ขณะนี้ที่บอร์ดการท่าอากาศยานฯต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจว่า เหตุใดจึงปล่อยให้เอกชนคือ บริษัทคิงส์พาวเวอร์ ซึ่งมีความชำนาญด้านการขายสินค้าอย่างเดียวมาบริหารพื้นที่ทั้งหมด 2 หมื่นตารางเมตร เพราะสอบถามแล้วไม่มีใครตอบได้ว่า ในส่วนนี้คิงส์พาวเวอร์จะมีพื้นที่ขายสินค้ากี่ตารางเมตร อย่างไรก็ตาม จะนำข้อมูลทั้งหมดไปร่วมประชุมกันอีกครั้ง
ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า การออกแบบสนามบินไม่ถูกกับภูมิอากาศของเมืองไทย ทำให้ต้องใช้ผ้าใบ และกระจกซ้อนถึงสองชั้นจนทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูง ที่สำคัญคือการประมูลให้เอกชนพัฒนาพื้นที่ภายในสนามบิน ทำไมบริษัทที่เก่งในด้านบริหารอย่างเซนทรัล ถึงตกเงื่อนไขด้านเทคนิค ขณะที่คิงส์พาวเวอร์ และบริษัทลูกของคิงส์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทขายสินค้าชนะไป ซึ่งน่าสงสัยมากเพราะช่วงที่มีการประมูลเป็นช่วงที่ใกล้เลือกตั้งใหญ่พอดี