ไมเนอร์ฯ เผยแผนปีหน้าเดินเครื่องทำตลาดแบรนด์ "เอสปรี" เต็บสูบสวนกระแสเศรษฐกิจแย่ เตรียมอัดงบประมาณกว่า 100 ล้านบาททำตลาดและขยายสาขา 25 แห่ง เล็งเปิดร้านเอสปรีรูปแบบใหม่ "แฟลกชิพ สโตร์"แห่งแรกในเอเชียที่เซ็นทรัล เวิลด์ ตั้งเป้ายอดขายเอสปรีปีหน้าโต 25-30%หรือ 1 พันล้านบาท ส่วนเรื่องบัตร"วัน การ์ด ออล แบรนด์" ระงับ เหตุบริษัทแม่ที่เยอรมันไม่เล่นด้วย
นายจักรพงษ์ เฉลิมชัย รองประธานและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เดอะ ไมเนอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องสำอางจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า ปีหน้าบริษัทฯเตรียมทำการตลาดให้กับแบรนด์เอสปรีซึ่งเป็นแบรนด์หลักของไมเนอร์ฯมากขึ้น ภายใต้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการทำตลาด 50 ล้านบาทและงบการขยายสาขา 50 ล้านบาทหรือเฉลี่ยสาขาละ 2 ล้านบาทในการเปิดสาขาในดิสพาร์ทเมนท์สโตร์จำนวน 10 แห่ง และในรูปแบบฟรีสแตนด์ดิ้ง ชอปลงทุนสาขาละ 3 ล้านบาท โดยเตรียมเปิด 15 แห่งทั้งแบรนด์เอสปรีและอีดีซี (EDC) จากปัจจุบันเอสปรีมีเพียง 1 สาขาที่เป็นแบบฟรี สแตนดิ้ง รวมถึงปีหน้าบริษัทฯเตรียมขยายตลาดไปสู่แมสและตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯเล็งเปิดร้านเอสปรีในรูปแบบใหม่เป็นแห่งแรกในเอเชีย ในคอนเซ็ปต์ "แฟลกชิพสโตร์" ที่เป็นให้บริการแบบวัน สต๊อป ชอปปิ้ง ที่จะให้บริการแบบครบวงจรทั้งสินค้าของเอสปรี,ชุดชั้นใน, บริการซาลอน,สปา และมุมคาเฟ่ที่จะบริการอาหารและขนม เป็นต้น ซึ่งการเปิดร้านแบบนี้จะต้องใช้พื้นที่กว่า 500 ตารางเมตรขึ้นไป ขณะนี้กำลังเจรจากับเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่าและคาดว่าปีหน้าจะเปิดบริการได้ ทั้งนี้ ชอปเอสปรีในรูปแบบนี้มีเปิดบริการแล้วที่เยอรมัน
"เศรษฐกิจปีหน้ามองว่าจะแย่ ในส่วนของธุรกิจรีเทลก็คาดว่าจะแย่ตาม มองว่าทุกคนจะหยุดขยายสาขาแต่เราจะเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง ซึ่งเราได้เปรียบคู่แข่งตรงที่เอสปรีมีสินค้าปีละ 12 คอลเลคชั่นหรือมีสินค้าใหม่ทุกเดือน"
ส่วนปีนี้บริษัทฯเตรียมเปิดตัวชอปเอสปรีในรูปแบบเมกกะสโตร์ที่มีสินค้าแบบครบไลน์ ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า บนพื้นที่ 450 ตารางเมตร ในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งสาขานี้เป็นสาขาที่ 100 ของเอสปรี ดังนั้นบริษัทฯจึงเตรียมไฮไลท์เด็ดและกิจกรรมใหญ่ให้กับเอสปรี
ปัจจุบันเอสปรีมีสมาชิกที่แอคทีพหรือลูกค้าที่มาซื้อสินค้าประจำกว่า 5 หมื่นราย ขณะที่จำนวนสมาชิกของไมเนอร์ทั้งหมดมีกว่า 1 แสนราย ปีหน้าคาดว่าสมาชิกจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนรายและเป็นกลุ่มที่แอคทีพ 7 หมื่นราย สำหรับยอดรายได้ของแบรนด์เอสปรีปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 850-900 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้าคาดว่าจะมียอดรายได้ 1,000 ล้านบาทและมีอัตราการโต25-30%
ทั้งนี้ ในส่วนโครงการบัตรสมาชิก "วัน การ์ด ออล แบรนด์" หรือบัตรสมาชิกใบเดียวที่สามารถใช้กับสินค้าทั้ง 11 แบรนด์ในเครือไมเนอร์ ซึ่งเดิมที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้นั้น นายจักรพงษ์ กล่าวว่า ทางบริษัทแม่ของเอสปรีที่เยอรมันไม่อนุมัติบัตรดังกล่าว ดังนั้นตอนนี้การใช้บัตรจึงเป็นแบบเดิม คือ แบรนด์ใครก็แบรนด์มัน
นายจักรพงษ์ เฉลิมชัย รองประธานและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เดอะ ไมเนอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องสำอางจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า ปีหน้าบริษัทฯเตรียมทำการตลาดให้กับแบรนด์เอสปรีซึ่งเป็นแบรนด์หลักของไมเนอร์ฯมากขึ้น ภายใต้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการทำตลาด 50 ล้านบาทและงบการขยายสาขา 50 ล้านบาทหรือเฉลี่ยสาขาละ 2 ล้านบาทในการเปิดสาขาในดิสพาร์ทเมนท์สโตร์จำนวน 10 แห่ง และในรูปแบบฟรีสแตนด์ดิ้ง ชอปลงทุนสาขาละ 3 ล้านบาท โดยเตรียมเปิด 15 แห่งทั้งแบรนด์เอสปรีและอีดีซี (EDC) จากปัจจุบันเอสปรีมีเพียง 1 สาขาที่เป็นแบบฟรี สแตนดิ้ง รวมถึงปีหน้าบริษัทฯเตรียมขยายตลาดไปสู่แมสและตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯเล็งเปิดร้านเอสปรีในรูปแบบใหม่เป็นแห่งแรกในเอเชีย ในคอนเซ็ปต์ "แฟลกชิพสโตร์" ที่เป็นให้บริการแบบวัน สต๊อป ชอปปิ้ง ที่จะให้บริการแบบครบวงจรทั้งสินค้าของเอสปรี,ชุดชั้นใน, บริการซาลอน,สปา และมุมคาเฟ่ที่จะบริการอาหารและขนม เป็นต้น ซึ่งการเปิดร้านแบบนี้จะต้องใช้พื้นที่กว่า 500 ตารางเมตรขึ้นไป ขณะนี้กำลังเจรจากับเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่าและคาดว่าปีหน้าจะเปิดบริการได้ ทั้งนี้ ชอปเอสปรีในรูปแบบนี้มีเปิดบริการแล้วที่เยอรมัน
"เศรษฐกิจปีหน้ามองว่าจะแย่ ในส่วนของธุรกิจรีเทลก็คาดว่าจะแย่ตาม มองว่าทุกคนจะหยุดขยายสาขาแต่เราจะเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง ซึ่งเราได้เปรียบคู่แข่งตรงที่เอสปรีมีสินค้าปีละ 12 คอลเลคชั่นหรือมีสินค้าใหม่ทุกเดือน"
ส่วนปีนี้บริษัทฯเตรียมเปิดตัวชอปเอสปรีในรูปแบบเมกกะสโตร์ที่มีสินค้าแบบครบไลน์ ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า บนพื้นที่ 450 ตารางเมตร ในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งสาขานี้เป็นสาขาที่ 100 ของเอสปรี ดังนั้นบริษัทฯจึงเตรียมไฮไลท์เด็ดและกิจกรรมใหญ่ให้กับเอสปรี
ปัจจุบันเอสปรีมีสมาชิกที่แอคทีพหรือลูกค้าที่มาซื้อสินค้าประจำกว่า 5 หมื่นราย ขณะที่จำนวนสมาชิกของไมเนอร์ทั้งหมดมีกว่า 1 แสนราย ปีหน้าคาดว่าสมาชิกจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนรายและเป็นกลุ่มที่แอคทีพ 7 หมื่นราย สำหรับยอดรายได้ของแบรนด์เอสปรีปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 850-900 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้าคาดว่าจะมียอดรายได้ 1,000 ล้านบาทและมีอัตราการโต25-30%
ทั้งนี้ ในส่วนโครงการบัตรสมาชิก "วัน การ์ด ออล แบรนด์" หรือบัตรสมาชิกใบเดียวที่สามารถใช้กับสินค้าทั้ง 11 แบรนด์ในเครือไมเนอร์ ซึ่งเดิมที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้นั้น นายจักรพงษ์ กล่าวว่า ทางบริษัทแม่ของเอสปรีที่เยอรมันไม่อนุมัติบัตรดังกล่าว ดังนั้นตอนนี้การใช้บัตรจึงเป็นแบบเดิม คือ แบรนด์ใครก็แบรนด์มัน