xs
xsm
sm
md
lg

มหัศจรรย์แห่งโลกภายใน (73)

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา


วิธีที่สิบเอ็ด ได้แก่การทำให้ของมากกลายเป็นของน้อย เช่น การทำให้ข้าวสารซึ่งเต็มยุ้งฉางเหลืออยู่เพียงถังเดียวหรือไม่กี่เมล็ด หรือการทำให้ปริมาณน้ำที่มากเหลือเป็นปริมาณน้ำที่น้อย โดยอาจสรุปได้ว่าเป็นอิทธิฤทธิ์จำพวกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางปริมาณมากสู่ปริมาณน้อย

วิธีที่สิบสอง ได้แก่การทำให้ของน้อยกลายเป็นของมาก เช่น การทำให้ข้าวหม้อหนึ่งเพียงพอต่อคนกินนับพัน ๆ คน โดยตักไม่รู้จักหมดสิ้น หรือการทำให้น้ำในเหยือกหนึ่งเพียงพอต่อคนกินนับร้อยนับพันคนโดยไม่รู้จักหมดสิ้น โดยอาจสรุปได้ว่าเป็นอิทธิฤทธิ์จำพวกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางปริมาณน้อยสู่ปริมาณมาก

วิธีที่สิบสาม ได้แก่การเคลื่อนย้ายตนเองหรือสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งในชั่วแวบความคิดเดียว ซึ่งถ้าหากกล่าวในแง่ของวิทยาศาสตร์ปัจจุบันคือการเคลื่อนย้ายมวลสาร เป็นอิทธิฤทธิ์ที่กระทำได้ยากเพราะต้องอาศัยกำลังจิตที่แรงกล้า

วิธีนี้เคยปรากฏตัวอย่างเมื่อครั้งที่พระตถาคตเจ้าเสด็จไปโปรดท้าวพกาพรหม โดยเสด็จจากภควันวิหารแคว้นอุกกัฏฐะ เสด็จไปโปรดท้าวพกาพรหมถึงพรหมโลกในชั่วแวบเดียว การเคลื่อนย้ายชนิดนี้ร่างกายเดิมจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังที่ที่กำหนดโดยคำอธิษฐาน

วิธีที่สิบสี่ ได้แก่การเคลื่อนย้ายทิพยกายออกจากร่างเดิมไปปรากฏหรือไปกระทำการใดการหนึ่งในที่อื่น ๆ ทั้งใกล้และไกล โดยร่างกายเดิมยังอยู่ในที่เดิมในท่วงท่าอริยาบถเดิม แต่นามกายซึ่งได้แปรเปลี่ยนเป็นทิพยกายถอดเคลื่อนออกไปปรากฏอยู่ ณ ที่ต้องการ โดยมีรูปร่างลักษณะเป็นอย่างเดียวกันกับร่างกายเดิม และแสดงอาการกิริยาอริยาบถต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกับร่างกายปกติ

อิทธิฤทธิ์ชนิดนี้พระตถาคตเจ้าทรงใช้บ่อยครั้งเพื่อประโยชน์ในการโปรดพระสาวกหรือเวไนยสัตว์ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางหรือเคลื่อนย้ายร่างกายเดิม

ในช่วงหลังเกิดเหตุการณ์วาตภัยแหลมตะลุมพุกในพื้นที่ภาคใต้ราว ๆ สิบปี ก็เคยปรากฏพระมหาเถระในจังหวัดสงขลารูปหนึ่งกระทำอิทธิฤทธิ์ชนิดนี้โดยนั่งเข้าฌานอยู่ในกุฏิแต่ถอดกายทิพย์ออกไปช่วยเหลือชาวประมงที่เป็นลูกศิษย์ ซึ่งถูกพายุพัดเรือล่มลอยคออยู่ในทะเลถึง 7 วันให้รอดตายได้อย่างปาฏิหาริย์

พระมหาเถระรูปนี้ปิดห้องเข้าฌานถอดกายทิพย์ออกไปเป็นเวลาถึง 7 วัน ในขณะที่ลูกศิษย์ซึ่งลอยคออยู่ในทะเลนั้นได้ตั้งจิตขออัญเชิญพระมหาเถระผู้เป็นอาจารย์ให้มาช่วย ในยามตื่นได้เกาะไม้กระดานเรือพอลอยตัวได้ แต่ในยามหลับด้วยความอิดโรยเรี่ยวแรงก็รู้สึกว่าพระอาจารย์ได้เหาะลอยมาในอากาศแล้วเอามือมาช้อนศีรษะไว้ไม่ให้จมน้ำเป็นเช่นนี้ถึง 6 คืน

แม้ยามที่ปลาฉลามร้ายกรายเข้ามาใกล้ก็ปรากฏเป็นน้ำวนโดยรอบตัว โดยไม่ปรากฏสาเหตุ แต่ทำให้ฉลามร้ายว่ายหลีกหนีไปเป็นที่อัศจรรย์

วิธีที่สิบห้า ได้แก่การสร้างม่านควันกำบังตนทำให้มองไม่เห็น เป็นอิทธิฤทธิ์ประเภทที่พระตถาคตเจ้าเคยใช้ในการทรมานพวกนาคเพื่อให้ยอมรับนับถือ และเป็นอิทธิฤทธิ์ที่พระตถาคตเจ้าเคยตรัสสั่งให้พระสาวกใช้ในการทรมานพวกนาคด้วย

อิทธิฤทธิ์ชนิดนี้พระมหาเถระในภาคอีสานบางรูปและพระมหาเถระในภาคใต้บางรูปในช่วง 30 ปีที่ผ่านมานี้เคยกระทำให้ปรากฏมาแล้ว แม้กระทั่งโจรร้ายคนหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของพระมหาเถระรูปหนึ่งก็มีขีดความสามารถที่จะกระทำอิทธิฤทธิ์ชนิดนี้ได้ และเคยเป็นเรื่องฮือฮาเล่าขานในพื้นที่ภาคใต้มาแล้ว

วิธีที่สิบหก ได้แก่การทำให้เกิดเปลวเพลิงลุกโชติช่วงขึ้น ไม่ว่าเป็นการเนรมิตให้บังเกิดเพลิงลุกโชติช่วงล้อมรอบตัวเองสกัดกั้นผู้อื่น หรือเนรมิตให้บังเกิดเพลิงลุกโชติช่วงท่วมตัวผู้อื่นหรือสิ่งอื่น

อิทธิฤทธิ์ชนิดนี้พระตถาคตเจ้าทรงใช้ในการทรมานพวกนาคเมื่อครั้งที่เสด็จไปโปรดชฎิลสามพี่น้องหลายครั้งหลายหน และเคยทรงใช้ให้พระโมคคัลลานะกระทำอิทธิฤทธิ์ชนิดนี้ในการทรมานนันโทปะนันทนาคราชด้วย

ทั้งสิบหกวิธีของการกระทำอิทธิฤทธิ์ดังกล่าวนั้นเป็นวิธีที่ต้องกระทำโดยอธิษฐานฤทธิ์ คือใช้การอธิษฐานเป็นตัวกำหนดเป้าหมายและผลของการกระทำอิทธิฤทธิ์

เพื่อให้วิธีการกระทำอิทธิฤทธิ์ต่อเนื่องไปจึงขอพรรณนาเรื่องมโนมยิทธิ เจโตปริยญาณ ทิพยโสต และทิพยจักษุ เป็นเรื่องของอิทธิฤทธิ์อีก 4 วิธี ต่อไป

วิธีที่สิบเจ็ด การกระทำอิทธิฤทธิ์โดยวิธีมโนมยิทธิหรือมโนมัยฤทธิ์ มี 1 วิธีคือการแปลงร่างจากร่างกายเดิมเป็นร่างกายอื่นหรือสิ่งของอื่น ๆ ตามแต่ปรารถนา เช่น การแปลงร่างจากร่างกายเดิมเป็นเพศอื่น หรือวัยอื่น หรือในรูปร่างหน้าตาอื่น ๆ แม้กระทั่งแปลงร่างเป็นสัตว์หรือวัตถุอย่างอื่น

ความจริงมโนมยิทธินี้ในทางปริยัติจะจัดอยู่ในประเภทวิชชาหนึ่งในวิชชา 8 ประการ แต่เพราะเหตุที่เป็นวิชชาที่ทำให้เกิดความมหัศจรรย์ เกิดผลสำเร็จที่มหัศจรรย์ในที่นี้จึงจัดเป็นอิทธิฤทธิ์อีกชนิดหนึ่ง

อิทธิฤทธิ์ชนิดนี้ทางฝ่ายนิกายมหายานนิยมชมชอบยิ่งนัก วรรณคดีเรื่องไซอิ๋วที่เฮ่งเจียเล่าเรียนวิชาแปลงร่างถึง 72 ชนิดนั้นแท้จริงแล้วมีรากฐานมาจากอิทธิฤทธิ์ชนิดนี้ จึงทำให้วรรณคดีเรื่องไซอิ๋วมีความมหัศจรรย์และสนุกสนาน แต่โดยรวมก็ยังคงอยู่ในกรอบของการกระทำอิทธิฤทธิ์เพื่อประโยชน์ในการประกาศพระศาสนาเช่นเดียวกับทางฝ่ายเถรวาท

การกระทำอิทธิฤทธิ์ชนิดนี้ยังหมายความรวมถึงการเนรมิตร่างกายเหมือนร่างกายเดิมขึ้นมาอีกร่างกายหนึ่ง ซึ่งจะคล้ายคลึงกับอธิษฐานฤทธิ์วิธีที่สิบสี่ที่ถอดทิพยกายออกจากกายเดิมไปปรากฏในที่ที่ต้องการ และกระทำการต่าง ๆ ได้ ความแตกต่างจะอยู่ตรงที่การกระทำอิทธิฤทธิ์โดยวิธีมโนมยิทธินี้เป็นการเนรมิตร่างกายเพิ่มขึ้นมาอีกร่างหนึ่ง ในขณะที่ร่างกายเดิมยังอยู่และทิพยกายก็ยังอยู่ เป็นแต่ร่างกายใหม่นั้นเป็นสิ่งที่ถูกเนรมิตขึ้นใหม่ และถูกส่งออกไป ณ ที่ใดที่หนึ่ง

ความแตกต่างอีกประการหนึ่งก็คืออิทธิฤทธิ์ชนิดนี้ร่างกายที่เนรมิตขึ้นนั้นจะกระทำการหรือแสดงออกในอริยาบถต่าง ๆ เหมือนกับร่างกายเดิมที่ตั้งอยู่ ในขณะที่อธิษฐานฤทธิ์วิธีที่สิบสี่คือการถอดทิพยกายนั้น ทิพยกายที่ถอดออกไปปรากฏในรูปร่างที่สมบูรณ์สามารถกระทำการและมีอริยาบถต่างหากออกไป ในขณะที่ร่างกายเดิมยังอยู่ในลักษณะเข้าฌาน

เพราะเหตุที่ร่างกายใหม่ที่ถูกเนรมิตขึ้นนี้จะมีอริยาบถท่วงท่าเช่นเดียวกันกับร่างกายเดิม ดังนั้นเมื่อจะให้ร่างกายใหม่กระทำการหรือพูดจาประการใด ร่างกายเดิมก็ต้องกระทำการหรือพูดจาอย่างนั้น

พระตถาคตเจ้าทรงเคยกระทำอิทธิฤทธิ์ชนิดนี้ในการเนรมิตพระวรกายเหมือนกับพระองค์เองขึ้นมาอีกรูปหนึ่ง แล้วเสด็จไปโปรดพระโมคคัลลานะที่บ้านกัลวาฬมุตตะคาม ครั้งนั้นพระโมคคัลลานะถึงกับต้องปูลาดอาสนะถวาย เมื่อรูปเนรมิตเสด็จไปถึงที่พระโมคคัลลานะแล้วพระตถาคตเจ้าก็ตรัสวิธีแก้ถีนมิทธะหรือความง่วงซึมจากที่ประทับเดิมผ่านพระวรกายที่เนรมิตขึ้น จนกระทั่งพระโมคคัลลานะสามารถแก้ปัญหานี้ได้

มโนมยิทธิเป็นอิทธิฤทธิ์ที่เน้นหนักไปในเรื่องการแปลงร่าง ซึ่งเป็นนัยและเนื้อหาสำคัญของอิทธิฤทธิ์ชนิดนี้ แต่ส่วนที่คาบเกี่ยวหรือคล้ายคลึงกับอธิษฐานฤทธิ์วิธีที่สิบสี่คือการถอดทิพยกายนั้น แม้อาจสับสนหรือคาบเกี่ยวในทางปริยัติบ้าง แต่ในการกระทำอิทธิฤทธิ์ให้บังเกิดสัมฤทธิผลตามปรารถนาจะไม่มีปัญหาเรื่องการตีความว่าเป็นการกระทำอิทธิฤทธิ์ประเภทใดแต่อย่างใดเลย

วิธีที่สิบแปด เจโตปริยญาณซึ่งเป็นหนึ่งในวิชชา 8 ประการ ซึ่งในที่นี้ขอจัดเป็นอิทธิฤทธิ์ชนิดหนึ่ง คือเป็นอิทธิฤทธิ์ประเภทที่ล่วงรู้ใจของผู้อื่นได้เป็นที่มหัศจรรย์

อิทธิฤทธิ์ชนิดนี้เป็นญาณที่หยั่งรู้ใจของผู้อื่นหรือหยั่งรู้ใจของผู้อื่นได้ด้วยญาณ จึงมีชื่อว่าเจโตปริยญาณ

เป็นอิทธิฤทธิ์ที่สามารถล่วงรู้ใจผู้อื่นได้ทั้งที่อยู่เฉพาะหน้าและทั้งที่อยู่ในที่ห่างไกล การล่วงรู้จิตใจด้วยอิทธิฤทธิ์ชนิดนี้จะล่วงรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดทั้งหลายทั้งปวงของผู้อื่นว่ากำลังครุ่นคิดอยู่ในเรื่องอะไร คิดจะทำอะไร คิดอยากได้อะไร คิดจะเป็นอะไร แม้กระทั่งกังวลอยู่ด้วยปัญหาใด ๆ รวมทั้งล่วงรู้อารมณ์ต่าง ๆ ที่ครอบงำจิตอยู่ในแต่ละขณะด้วย

นับเป็นอิทธิฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการเผยแผ่พระศาสนาเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อล่วงรู้ความคิดจิตใจอารมณ์และปัญหาของผู้อื่นแล้วก็สามารถช่วยเหลือแก้ไขปัญหาได้โดยถูกต้องตรงกับความรู้สึกนึกคิดนั้นในลักษณะที่ทำให้เกิดความมหัศจรรย์แก่ผู้อื่น ทำให้เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาในการน้อมรับเอาพระธรรมอันประเสริฐ

พระตถาคตเจ้าทรงใช้อิทธิฤทธิ์ชนิดนี้เกือบจะมากที่สุด หรืออาจกล่าวได้ว่าทรงใช้อิทธิฤทธิ์ชนิดนี้เป็นประจำทุกวัน เพราะพระพุทธจริยวัตรในแต่ละวันนั้นปรากฏว่าทุกวันเวลาใกล้รุ่งพระตถาคตเจ้าจะเข้าฌานชนิดนี้เพื่อตรวจส่องดูเวไนยสัตว์ทั้งหลายว่าผู้ใดมีวาระจิตอันสมควรที่จะทรงเสด็จไปโปรด และจะทรงทราบว่าเขาผู้นั้นมีความคิดจิตใจอารมณ์และปัญหาที่ติดอยู่ในใจประการใด

เมื่อทรงทราบแล้วก็จะเสด็จไปโปรดและตรัสโปรดในข้อธรรมหรือข้อความที่ตรงกับความคิดจิตใจหรือตรงกับปัญหาที่ค้างคาอยู่ในใจของผู้นั้น ทำให้เกิดความมหัศจรรย์และศรัทธา เป็นผลให้การโปรดเวไนยสัตว์ของพระองค์ได้ผลอย่างรวดเร็ว

มีตัวอย่างมากหลายในพระไตรปิฎกว่าเมื่อเสด็จไปถึงก็จะตรัสสอนตรงเป้าเข้าจุดกับจิตใจของผู้ที่จะทรงโปรดเสมอ ทรงสอนในเรื่องที่ค้างคาหรือเป็นปัญหาอยู่ในหัวใจของเขาอย่างถูกตรงเสมอ เพียงเท่านี้ก็เกิดความศรัทธาและเกิดความมหัศจรรย์ ครั้นทรงแสดงธรรมอันกระจ่างแจ้งแล้วเวไนยสัตว์นั้นก็จะเข้าใจพระธรรมอันประเสริฐได้โดยง่าย เป็นผลให้การตรัสสอนของพระองค์ก่อให้เกิดพระอริยบุคคลในเวลาอันรวบรัดรวดเร็วเป็นจำนวนมาก

อิทธิฤทธิ์ชนิดนี้พระสาวกก็เคยใช้ให้ประจักษ์มากหลายกรณี และพระมหาเถระในยุคปัจจุบันก็มีอยู่หลายรูปที่สามารถกระทำอิทธิฤทธิ์หรือทรงวิชชานี้ และนี่ก็คือพยานหลักฐานที่สำคัญประการหนึ่งแห่งการตรัสรู้ของพระบรมศาสดา

วิธีที่สิบเก้า ทิพยโสต ความจริงก็เป็นหนึ่งในวิชชา 8 ประการเหมือนกัน แต่เพราะมีความมหัศจรรย์เป็นไปเพื่อความสำเร็จอย่างมหัศจรรย์จึงจัดเป็นอิทธิฤทธิ์ด้วย

ทิพยโสตคืออิทธิฤทธิ์จำพวกที่ทำให้หูมีความเป็นทิพย์ สามารถได้ยินเสียงที่ไกลออกไปและเสียงอื่นที่ล่วงพ้นวิสัยหูมนุษย์ปกติจะพึงได้ยิน

เมื่อนามกายแปรเปลี่ยนเป็นทิพยกายหรือกายทิพย์แล้ว กายทิพย์นั้นก็จะมีอินทรีย์และพละ รวมทั้งอายตนะเช่นเดียวกันกับร่างกายนี้ คือมีทั้งตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่มีความสามารถในการรับรู้เหนือกว่าวิสัยของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจปกติ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสและอารมณ์ความรู้สึกที่อยู่ไกลออกไป หรือที่เป็นทิพย์ หรือที่มีความละเอียดประณีตล่วงพ้นวิสัยที่มนุษย์ธรรมดาจะสัมผัสได้

ทิพยโสตจึงนอกจากสามารถได้ยินเสียงที่พึงได้ยินตามปกติในระยะที่ไกลออกไปไม่มีที่สุดแล้ว ยังสามารถได้ยินเสียงในโทนเสียงที่ต่ำที่มนุษย์ปกติไม่ได้ยิน และสามารถได้ยินเสียงในโทนเสียงที่สูงที่มนุษย์ปกติไม่ได้ยิน จึงเป็นอิทธิฤทธิ์ที่สามารถได้ยินเสียงเปรต ภูตผี เทวดา พรหม และมนุษย์ด้วยกันได้

วิธีที่ยี่สิบ ทิพยจักษุหรือตาทิพย์ เป็นหนึ่งใน 8 วิชชาในพระพุทธศาสนา แต่เพราะมีความมหัศจรรย์ยังให้เกิดความสำเร็จแบบมหัศจรรย์ในการเห็นล่วงพ้นจักษุมนุษย์ธรรมดา จึงจัดเป็นอิทธิฤทธิ์อีกชนิดหนึ่ง

ทิพยจักษุคืออิทธิฤทธิ์ที่สามารถมองเห็นในระยะไกลออกไปไม่มีที่สิ้นสุดล่วงพ้นสายตามนุษย์ รวมทั้งสามารถมองเห็นสิ่งที่ละเอียดประณีตที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยสายตามนุษย์ธรรมดา จึงเป็นอิทธิฤทธิ์ที่ทำให้สามารถเห็นเปรต ภูตผีปีศาจ เทวดา พรหม รวมทั้งเหตุการณ์ในอดีตหรือในอนาคตที่เกิดขึ้นได้

เป็นการเห็นด้วยทิพยกายโดยอาศัยทิพยจักษุคือจักขุธาตุที่สามารถรับสัมผัสเป็นรูปธาตุทั้งหลายทั้งปวงได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น