xs
xsm
sm
md
lg

นักการเมืองกับสื่อสารมวลชน

เผยแพร่:   โดย: แสงแดด

แทบจะทุกยุคทุกสมัยไม่จำเป็นต้องเป็นสมัยรัฐบาลปัจจุบันภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับที่ 16 ที่เรียกขานกันติดปากว่า "ฉบับประชาชน" เป็นรัฐธรรมนูญที่ถือว่าเป็น "ประชาธิปไตย" มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ่งเน้นกรณี "สิทธิเสรีภาพ" ของประชาชนมากที่สุด ซึ่งนับได้ว่าเป็นทั้ง "ปรัชญา-เจตนารมณ์" ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ว่าได้

นอกเหนือจากนั้นรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันปรารถนามากที่สุดที่จะให้มี "ระบบตรวจสอบ" และ "กลั่นกรอง" ระบบการเมืองทั้งหมด เพื่อก่อให้เกิด "ความโปร่งใส" พร้อมทั้ง "ประสิทธิภาพ" ในการบริหารประเทศชาติของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใด โดยมุ่งเป้าหมายสำคัญ คือ "ความเป็นธรรมาภิบาล" หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Good Governance

"องคาพยพ" สำคัญของการบริหารราชการแผ่นดิน จะโปร่งใสได้ มีประสิทธิภาพได้ ธรรมาภิบาลได้ คือ "การตรวจสอบ" ที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจัดตั้งองค์กรอิสระถึง 8 องค์กรด้วยกัน เพื่อทำหน้าที่ "ตรวจสอบ-ถ่วงดุล" ในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะในส่วนของฝ่ายบริหาร (รัฐบาล) ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายราชการ

แต่องค์กรอิสระที่สำคัญที่สุดที่ "การเมือง" ไม่สามารถแทรกแซงได้คือ "องค์กรสื่อสารมวลชน" และ "องค์กรการเมืองภาคประชาชน" อย่างไรก็ดี "องค์การสื่อสารมวลชน" ในปัจจุบันโดยเฉพาะสื่อวิทยุและสื่อโทรทัศน์แทบจะไม่ต้องกล่าวถึงเรื่อง "การแทรกแซง" จนเลยเถิดไปจนถึง "การบิดเบือน" ข่าวคราวความเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะของรัฐบาล

จะมีแต่เพียงสื่อฯ แขนงสิ่งพิมพ์ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์เท่านั้นที่ถูกแทรกแซงยากหรือแทบไม่ได้เลย เนื่องด้วยเป็นของภาคเอกชน ภาครัฐไม่มีส่วนในการลงทุน แตกต่างกับสื่อฯ วิทยุและโทรทัศน์ที่เป็นของภาครัฐทั้งหมด ทั้งๆ ที่อาจจะมีการแปรรูปไปเป็นบริษัทมหาชนแล้วก็ตาม หรือแม้กระทั่งสถานีโทรทัศน์อิสระ (ITV) ก็ยังถูกครอบงำและแทรกแซง

กล่าวกันอย่างง่ายๆ ก็หมายความว่า "วิญญาณสื่อสารมวลชน" ในการสื่อฯ วิทยุและโทรทัศน์ของบ้านเรานั้น "ไร้!" ไปนานแล้ว มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับ "การเคารพสิทธิเสรีภาพ" สื่อฯ ของรัฐบาลแต่ละยุคแต่ละสมัย

ความจริงที่เราต้องยอมรับและเพื่อความเป็นธรรมว่ารัฐบาลในอดีต "ยุคเผด็จการ" นั้น "การคุกคามสิทธิเสรีภาพ" มีมากกว่านี้ ถึงขนาด "บุก-ทำลาย" โรงพิมพ์ สำนักพิมพ์กันเลย หรือไม่ก็ถึงขนาด "สั่งปิด" โรงพิมพ์กันไปเลย พร้อมทั้งมี "กฎหมายเหล็ก ปร.42" ที่ห้ามหนังสือพิมพ์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล หรือไม่ก็เมื่อไม่นานมานี้สำนักพิมพ์ 2-3 ฉบับที่โดนกลุ่มบุคคลแต่งชุดซาฟารีบุกขึ้นโรงพิมพ์หรืออย่างหนังสือพิมพ์ไทยรัฐถูกยิงระเบิดอาก้าใส่ช่วงกลางดึกเมื่อหลายปีก่อน

ว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว ในช่วงระยะหลังๆ "พฤติการณ์ก้าวร้าว!" ต่อหนังสือพิมพ์ไม่ได้ถูกนำมาปฏิบัติแม้แต่น้อยอย่างเลวร้ายที่สุดก็คือ "การฟ้องร้อง" กันเท่านั้น

ความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง และ/หรือ รัฐบาลกับสื่อมวลชน โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์นั้น มัก "ไม่ค่อยราบรื่น!" เท่าใดนัก เนื่องด้วย "จิตวิญญาณ" พร้อมทั้ง "บทบาทหน้าที่" ของสื่อฯ ก็คือต้อง "ตรวจสอบ" และที่สำคัญคือ "ขุดคุ้ย" ความไม่ชอบมาพากลที่จะเกิดขึ้นต่อบ้านเมือง เหมือนกับการทำหน้าที่ "เฝ้าบ้าน-เฝ้าเมือง" จนมีการกล่าวว่าสื่อมวลชนนั้นต้องเป็น "สุนัขเฝ้าบ้าน" หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า "Watchdog!"

การเป็น "สุนัขเฝ้าบ้าน" ของสื่อสารมวลชนนั้น เป็นเพียงสัญลักษณ์เปรียบเปรยที่ "สุนัขเฝ้าบ้าน" นั้นต้อง "เฝ้าระวัง" และที่สำคัญที่สุดเมื่อประสบพบเจอหรือเพียงได้กลิ่น "ผิดปกติ-ผิดสังเกต" ก็ต้อง "เห่าหอน" คอยเตือนเจ้านายให้ตรวจสอบดูว่า "เหตุการณ์ผิดปกติ" คืออะไร ดังนั้น "สุนัขเฝ้าบ้าน" มีบทบาทภารกิจสำคัญ คือ "การเฝ้าระวัง-เห่าหอน" เท่านั้น ไม่มีความสามารถที่จะดำเนินการใดๆ มากไปกว่านั้นได้ อย่างดีที่สุดก็คอยเห่าและ "กัด" จนผู้ประสงค์ร้ายต้อง "หยุด" หรือไม่ก็ "หนี!"

ทั้งนี้ การทำหน้าที่ของสื่อฯ จะต้องคอยเฝ้าระวัง ซุกซน และ "ขี้สงสัย" เมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรมก็ต้อง "สืบเสาะ" หาข้อมูลทั้งหลายทั้งปวงจึงเป็นกระบวนการขั้นตอนหนึ่งของ "การพิสูจน์" เพราะถ้าเกิดส่อ "พิรุธ!" ก็ต้องขุดคุ้ยให้ถึงที่สุด แต่ถ้าไม่มีอะไรในกอไผ่ สื่อสารมวลชนก็ไม่มีสิทธิที่จะทำร้ายอะไรใครได้

คำถามสำคัญที่มักถามกันตลอดว่าทำไมนักการเมือง และ/หรือ รัฐบาลถึง "ไม่ค่อยลงรอย!" กับสื่อมวลชน สาเหตุสำคัญก็เพราะว่านักการเมืองนั้นมัก (พยายามสุภาพ!) มี "พฤติการณ์-พฤติกรรม" ที่ "ส่อพิรุธ" ไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบ "ขี้ฉ้อ!" หรืออาจมีลักษณะที่ "ตบตา-สร้างภาพ" และที่สำคัญคือ "โกหก!" สื่อสารมวลชนมัก "รู้ไต๋!" นักการเมือง ทั้งนี้มิใช่นักการเมืองทั้งหมดจะมี "พฤติการณ์-พฤติกรรม" เช่นนี้ทั้งหมด

เมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น หน้าที่ของสื่อฯ ก็ต้อง "เอะอะโวยวาย" เพราะถ้าความ "ฉาวโฉ่!" เกิดขึ้นจริง ซึ่งอาจจะเกิดเพียงกับนักการเมืองคนเดียวหรือหนึ่งกลุ่ม แต่ก็ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่นักการเมืองทั้งหมดได้

ในขณะเดียวกันก็มีคำถามสำคัญว่าทำไมสื่อฯ บ้านเรานั้นโปรดปรานที่สุดในการนำเสนอข่าวการเมืองเป็นอันดับต้นๆ

เราอย่าลืมว่า "การเมือง" คือ "อำนาจและผลประโยชน์" เมื่อบุคคลใดได้อำนาจทางการเมือง ก็จะได้อำนาจในการ "กำหนด" และ "ตัดสิน" กับนานาสารพัดโครงการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "สาธารณชน" ซึ่งมักเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีการลงทุนนับร้อยนับพัน นับหมื่นล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบันมีการลงทุนสูงนับแสนล้านบาท หรือเลยเถิดไปถึงล้านล้านบาท

เมื่อนักการเมืองมีอำนาจในการ "กำหนด-ตัดสิน" กับโครงการต่างๆ เหล่านี้ ถามว่า "ข้อสงสัย" กับ "ผลประโยชน์" จะเกิดขึ้นหรือไม่กับกระบวนการกำหนดและตัดสินใจ จะเท็จจริงมากน้อยเพียงใด มักพิสูจน์ไม่ได้ แต่มีการซุบซิบนินทามาโดยตลอดว่า "ค่าอาหาร-ค่าคอมฯ" นั้นเริ่มตั้งแต่ร้อยละ 3 ไต่สูงไปจนถึงร้อยละ 30

ดังนั้น เมื่อ "การเมือง" คือ "อำนาจและผลประโยชน์" นักการเมืองเป็น "ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders)" จึงต้องถูกตั้งข้อสงสัยตลอดเวลา และยิ่งถ้าประชาชนไม่มีอำนาจตรวจสอบกรณีนี้แล้ว ถามว่า เป็นหน้าที่ของสื่อฯ ใช่หรือไม่ที่ต้อง "เฝ้าระวัง-ตรวจสอบ-ขุดคุ้ย" เพื่อป้องกันมิให้นักการเมืองใช้อำนาจไปในทางที่ผิด!

การจัดอันดับความทุจริตขององค์กรระหว่างประเทศก็จัดอันดับทุจริตในประเทศไทยที่อยู่ในระดับไม่เลวร้ายเกินไปนักแต่ก็ "สอบตก" ทุกครั้ง จนล่าสุดได้คะแนน 3.88 จาก 10 คะแนน ซึ่งดีกว่าปีก่อนๆ ทั้งนี้ เราต้องยอมรับความจริงว่า "ทุจริต-ฉ้อราษฎร์บังหลวง" ในบ้านเราดีขึ้นมาก ไม่แพร่ระบาดเหมือนในอดีต

เป็นเรื่องปกติธรรมดามากที่ความสัมพันธ์ระหว่างสื่อฯ กับนักการเมืองนักไม่ค่อยราบรื่น ทั้งๆ ที่นักการเมืองทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะนักการเมืองรุ่นใหญ่มักสังสรรค์กับทั้งผู้สื่อข่าวและกองบรรณาธิการ จนถึงระดับเจ้าของหนังสือพิมพ์ตลอดเวลา เรียกว่า ความสัมพันธ์ "ฉันมิตร" ที่จะช่วยเหลือกันตลอดเวลา

แต่ถ้าเมื่อใดที่ "ข้อระแวง-ข้อสงสัย" ของ "ความไม่ชอบมาพากล" เกิดขึ้น "กลิ่น" จะถูก "ดม!" ทันที เพื่อปกป้องประโยชน์ของสาธารณชนโดยสื่อมวลชน

หรือกล่าวอย่างง่ายๆ ก็หมายความว่า "ธรรมชาติ-ธาตุแท้" ของสื่อฯ คือ "การตรวจสอบ-เฝ้าระวัง-ปกป้อง" มิให้ใครก็ตาม ทำมิดีมิร้ายกับประเทศชาติ ซึ่งเป็นได้ทั้ง "ป้องปราม-ป้องปราบ" จะให้สื่อฯ "บิดเบือน-ปั้นข่าว" นั้นไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ นี่คือ "จิตวิญญาณ" ของสื่อฯ ที่ต้องเป็นกลางและเป็นธรรม และที่สำคัญที่สุดคือเป็น "ผู้นำเสนอ-สะท้อน" และ/หรือ "ฟ้อง" ประชาชน

ถ้านักการเมืองมี "พฤติกรรมดี!" ทุ่มเทการทำงานอย่างโปร่งใสเพื่อชาติบ้านเมืองไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนส่วนกลุ่มแล้ว สื่อฯ ก็จะยกย่องสรรเสริญชื่นชมดั่งที่เคยเกิดขึ้นมาหลายคนหลายสมัย

ล่าสุดองค์กรต่างประเทศลดอันดับเสรีภาพหนังสือพิมพ์ไทยลงถึง 48 อันดับ จากอันดับที่ 59 ของโลกเมื่อปีที่แล้วเป็น 107 ในปีนี้ สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้แก่ผู้บริหารของประเทศชาติ

สมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้ประกาศให้ปี 2545 เป็น "ปีแห่งการแทรกแซงสื่อฯ" ปี 2543 เป็น "ปีแห่งการกวาดต้อนสื่อฯ" และปี 2547 เป็น "ปีแห่งการแบ่งแยกและทำลายสื่อฯ" โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อวิทยุและสื่อโทรทัศน์จะมีเพียงสื่อหนังสือพิมพ์เท่านั้น ที่ยังยืนหยัดทำหน้าที่นำเสนอข่าวอย่างอิสระ แต่ก็มีบางฉบับแอบช่วยๆ อยู่เบื้องหลัง โดยนำเสนอข่าวสังคม เศรษฐกิจมากกว่าข่าวการเมือง

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีเจตนารมณ์สำคัญกับ "สิทธิและเสรีภาพ" และปกป้อง "สื่อสารมวลชน" มากที่สุด แต่ก็ยังไม่มีผลในทางรูปธรรมเท่าใดนัก สื่อฯ ก็ยังถูก "คุกคาม-แทรกแซง-กดดัน" ด้วยนานาสารพัดกลยุทธ์ ถ้ามิใช่พวก

"พฤติการณ์ดี การสะท้อนก็จะดี" และนี่คือบทบาท หน้าที่ ภารกิจสำคัญของสื่อสารมวลชน "นักการเมืองดี สื่อฯ ไม่มีทางสาดโคลนป้ายสีเด็ดขาด!"
กำลังโหลดความคิดเห็น