"ประทิน"ประกาศลาออกจาก ส.ว.อ้างต้องรักษาคำพูดหลังชก"อดุลย์"เผยพฤติกรรมส.ว.ส่วนใหญ่สุดที่จะรับได้ วอนประชาชนพิจารณาให้ดีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขณะที่"เจิมศักดิ์"น้ำตาซึม เสียดายคนดี ส.ว.เอ็นจีโอหนุนสอบทุจริตต่อไปเพราะการลาออกจากส.ว.ไม่กระทบตำแหน่งประธาน กมธ.
เมื่อวานนี้ (7 พ.ย.)พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ส.ว.กทม.ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากสมาชิกวุฒิ ถึง นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากเหตุการณ์ระหว่างตนกับนายอดุลย์ วันไชยธนวงศ์ ส.ว.แม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 2 พ.ย.47 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้น แต่เมื่อเขาแสดงอาการฉุนเฉียวและโกรธได้ปรี่เข้ามาประชิดตัวในลักษณะคุกคามจะทำร้าย จึงมีความจำเป็นต้องป้องกันตัว เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ภาพลักษณ์ของวุฒิสภา และตนได้รับความเสียหาย จึงตั้งใจแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจาก ส.ว.ตั้งแต่ตอนนั้น แต่เกรงว่ารัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณจากการเลือกตั้งมากกว่า 100 ล้านบาท รวมถึงการพิจารณาสอบสวนกรณีการจัดซื้ออุปกรณ์ตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอกซ์ เพิ่งแล้วเสร็จในวันที่ 7 พ.ย. จึงพิจารณาเห็นว่าหากตำแหน่งว่างลงในระหว่างนี้ ก็ไม่ได้ต้องเลือกตั้งซ่อม ต้องขอแสดงความเสียใจและขอโทษประชาชน และเพื่อนส.ว.แต่ตนก็ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากส.ว.ตั้งแต่วันที่ 8พ.ย.เป็นไป
ส่วนคดีที่นายอดุลย์ แจ้งความไว้ขณะนี้ตำรวจได้สั่งฟ้อง และเรื่องยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของอัยการ หลังจากลาออกก็จะไปมอบตัว และก็ไปสู้กันในชั้นศาลต่อไป ส่วนจะมีส.ว.ลาออกเพิ่มเติมหรือไม่ เป็นเรื่องส่วนบุคคล เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว
พล.ต.อ.ประทิน กล่าวถึงการทำงานในช่วงเกือบ 6 ปี ที่ผ่านมา ว่า ที่ดีก็มี ที่ชั่วอย่างไรทุกคนก็น่าจะรู้กันอยู่ คนก็คือคนที่ทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ ไม่กินสินบาทคาดสินบน ไม่ทุจริต ส่วนคนที่ชั่วก็คือคนมีนอกมีใน เพราะพฤติกรรมการโหวตที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะการเลือกป.ป.ช.ที่ผ่านมา ขนาดคนเป็นถึงอัยการสูงสุด เป็นอดีตนักกฎหมายมือหนึ่ง ยังไม่ได้รับเลือกเข้ามา และเลือกไปทั้งๆที่มีปัญหาก็ยังดันทุรังเลือกกัน ทำให้ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายป.ป.ช.
สำหรับการเลือกตั้งส.ว.ในครั้งต่อไปนั้นอยากฝากถึงประชาชนทั่วประเทศ ขอให้พิจารณาคนในจังหวัดให้รอบคอบ การทำดี การเป็นคนดี ต้องเป็นตั้งแต่พื้นเพเดิม ไม่ใช่ดีเพียง 2-3 วันก่อนเลือกตั้ง ยกมือไหว้ไปทั้งเมือง ขอให้เลือกคนที่มีศีลธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต เหมือนในวุฒิสภาขณะนี้ที่มีคนดี และทำดีมาตลอดเพียง 40-50 คน ส่วนพรรคการเมืองที่จะแอบส่งคนเข้ามา ไม่อยากไปพูดถึงมัน
"ปัญหาทุกอย่างที่อยู่ตัวบุคคล ระบบดีอยู่แล้ว ส่วนหลักฐาน และพฤติกรรมการับเงินของส.ว.ยังไม่เคยเห็นใบเสร็จ แต่ที่รู้และเห็นมาคือ การสั่งด้วยวาจา บอกกันมาเป็นทอดๆ และจดเป็นโพย จากนั้นก็แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ใครมีกลุ่มเยอะก็มีเงินใช้เยอะ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะเป็นทุกครั้งที่มีการเลือก ซึ่งตนก็อายจนไม่รู้จะอายอย่างไร มันแย่ ต่อไปคนดีไม่กล้ามาสมัคร ซึ่งถือว่าอันตรายต่อประเทศชาติ มีแต่คนที่อยู่ในคอกเท่านั้น ถึงจะได้ คนดีท้อแท้เพราะถูกสกัดกั้น เรื่องเหล่านี้ถ้าคนที่มีอำนาจไม่มาแทรกแซงตามหลักการมันดีอยู่แล้ว" พล.ต.อ.ประทิน กล่าว
ด้านนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม.กล่าวว่า ตั้งแต่ก่อนมาเป็นส.ว.พล.ต.อ.ประทินกับตนก็พูดกันมาตลอด และมีความตั้งใจที่จะทำงานให้ดีที่สุด ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินว่าพล.ต.อ.ประทินออกมาบ่นว่าจะอยู่ไม่ครบเทอม การทำงานที่ผ่านมา 68 เดือนกับอีก 3 วัน ที่พล.ต.อ.ประทิน ต้องลาออกทำให้เราเสียใจ เพราะขาดแนวร่วม ถึงแม้เราจะทำได้ และต้องทำต่อไป แต่ก็เหมือนการขาดหัวขบวน เพราะ พล.ต.อ.ประทิน เป็นบุคคลที่สังคมเชี่อถือ ต้นทุนทางสังคมสูง พวกตนพูดเป็นสิบไม่เท่ากับพล.ต.อ.ประทินพูดคนเดียว ต่อไปเราต้องทำงานหนักขึ้น แม้พวกเราจะเคยยกขบวนไปขอร้อง พล.ต.อ.ประทิน ที่บ้านหลายครั้ง ไม่สามารถทัดทานได้ และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาตนอาศัยข้ออ้างเลี้ยงวันเกิดเพื่อขอร้องอีกครั้ง ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
นายเจิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ถึงอย่างไรก็ต้องขอความกรุณา และขอร้องให้ทำงานในคณะกรรมาธิการวิสามัญสอบทุจริตฯต่อไป และในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมงานพล.ต.อ.ประทินได้สอนให้รู้ถึงการต่อสู้ในหลักการว่าต้องทำให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะถูกปิดกั้นอย่างไรก็ต้องทำทุกอย่างให้กระจ่าง นอกจากความเป็นผู้นำแล้วยังสอนให้เป็นผู้ใหญ่ เห็นได้ชัดในช่วงที่ทำงานตรวจสอบการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับชาวบ้านที่ จ.ลำพูน ซึ่งพล.ต.อ.ประทิน ยืนเคียงข้างประชาชน
นายการุณ ใสงาม ส.ว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า โดยข้อบังคับพล.ต.อ.ประทิน ก็ยังสามารถนั่งตำแหน่งประธานกรรมาธิการฯได้ต่อไป เพราะยังไม่ได้ลาออกจากการเป็นกรรมาธิการ เพราะฉะนั้นถือว่า สถานภาพถือว่าครบถ้วน ตามข้อบังคับ เพียงแต่ลาออกจากการเป็น ส.ว.เท่านั้น แต่รู้สึกเสียขวัญในการทำงาน เพราะการตรวจสอบการทุจริตมีแรงเสียดทางสูง ซึ่ง พล.ต.อ.ประทิน เป็นหัวขบวนนำคณะกรรมาธิการฯตรวจสอบในโครงการใหญ่ๆ ผู้ที่มีตำแหน่งสูง มีอำนาจมาก ดังนั้น 5-6 ปีที่ผ่านมา ถือว่าสร้างผลงานได้มาก แต่ในเมื่อทั้งกราบทั้งวิงวอนแล้ว ยังทัดทานไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เมื่อวานนี้ (7 พ.ย.)พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ส.ว.กทม.ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากสมาชิกวุฒิ ถึง นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากเหตุการณ์ระหว่างตนกับนายอดุลย์ วันไชยธนวงศ์ ส.ว.แม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 2 พ.ย.47 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้น แต่เมื่อเขาแสดงอาการฉุนเฉียวและโกรธได้ปรี่เข้ามาประชิดตัวในลักษณะคุกคามจะทำร้าย จึงมีความจำเป็นต้องป้องกันตัว เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ภาพลักษณ์ของวุฒิสภา และตนได้รับความเสียหาย จึงตั้งใจแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจาก ส.ว.ตั้งแต่ตอนนั้น แต่เกรงว่ารัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณจากการเลือกตั้งมากกว่า 100 ล้านบาท รวมถึงการพิจารณาสอบสวนกรณีการจัดซื้ออุปกรณ์ตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอกซ์ เพิ่งแล้วเสร็จในวันที่ 7 พ.ย. จึงพิจารณาเห็นว่าหากตำแหน่งว่างลงในระหว่างนี้ ก็ไม่ได้ต้องเลือกตั้งซ่อม ต้องขอแสดงความเสียใจและขอโทษประชาชน และเพื่อนส.ว.แต่ตนก็ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากส.ว.ตั้งแต่วันที่ 8พ.ย.เป็นไป
ส่วนคดีที่นายอดุลย์ แจ้งความไว้ขณะนี้ตำรวจได้สั่งฟ้อง และเรื่องยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของอัยการ หลังจากลาออกก็จะไปมอบตัว และก็ไปสู้กันในชั้นศาลต่อไป ส่วนจะมีส.ว.ลาออกเพิ่มเติมหรือไม่ เป็นเรื่องส่วนบุคคล เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว
พล.ต.อ.ประทิน กล่าวถึงการทำงานในช่วงเกือบ 6 ปี ที่ผ่านมา ว่า ที่ดีก็มี ที่ชั่วอย่างไรทุกคนก็น่าจะรู้กันอยู่ คนก็คือคนที่ทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ ไม่กินสินบาทคาดสินบน ไม่ทุจริต ส่วนคนที่ชั่วก็คือคนมีนอกมีใน เพราะพฤติกรรมการโหวตที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะการเลือกป.ป.ช.ที่ผ่านมา ขนาดคนเป็นถึงอัยการสูงสุด เป็นอดีตนักกฎหมายมือหนึ่ง ยังไม่ได้รับเลือกเข้ามา และเลือกไปทั้งๆที่มีปัญหาก็ยังดันทุรังเลือกกัน ทำให้ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายป.ป.ช.
สำหรับการเลือกตั้งส.ว.ในครั้งต่อไปนั้นอยากฝากถึงประชาชนทั่วประเทศ ขอให้พิจารณาคนในจังหวัดให้รอบคอบ การทำดี การเป็นคนดี ต้องเป็นตั้งแต่พื้นเพเดิม ไม่ใช่ดีเพียง 2-3 วันก่อนเลือกตั้ง ยกมือไหว้ไปทั้งเมือง ขอให้เลือกคนที่มีศีลธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต เหมือนในวุฒิสภาขณะนี้ที่มีคนดี และทำดีมาตลอดเพียง 40-50 คน ส่วนพรรคการเมืองที่จะแอบส่งคนเข้ามา ไม่อยากไปพูดถึงมัน
"ปัญหาทุกอย่างที่อยู่ตัวบุคคล ระบบดีอยู่แล้ว ส่วนหลักฐาน และพฤติกรรมการับเงินของส.ว.ยังไม่เคยเห็นใบเสร็จ แต่ที่รู้และเห็นมาคือ การสั่งด้วยวาจา บอกกันมาเป็นทอดๆ และจดเป็นโพย จากนั้นก็แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ใครมีกลุ่มเยอะก็มีเงินใช้เยอะ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะเป็นทุกครั้งที่มีการเลือก ซึ่งตนก็อายจนไม่รู้จะอายอย่างไร มันแย่ ต่อไปคนดีไม่กล้ามาสมัคร ซึ่งถือว่าอันตรายต่อประเทศชาติ มีแต่คนที่อยู่ในคอกเท่านั้น ถึงจะได้ คนดีท้อแท้เพราะถูกสกัดกั้น เรื่องเหล่านี้ถ้าคนที่มีอำนาจไม่มาแทรกแซงตามหลักการมันดีอยู่แล้ว" พล.ต.อ.ประทิน กล่าว
ด้านนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม.กล่าวว่า ตั้งแต่ก่อนมาเป็นส.ว.พล.ต.อ.ประทินกับตนก็พูดกันมาตลอด และมีความตั้งใจที่จะทำงานให้ดีที่สุด ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินว่าพล.ต.อ.ประทินออกมาบ่นว่าจะอยู่ไม่ครบเทอม การทำงานที่ผ่านมา 68 เดือนกับอีก 3 วัน ที่พล.ต.อ.ประทิน ต้องลาออกทำให้เราเสียใจ เพราะขาดแนวร่วม ถึงแม้เราจะทำได้ และต้องทำต่อไป แต่ก็เหมือนการขาดหัวขบวน เพราะ พล.ต.อ.ประทิน เป็นบุคคลที่สังคมเชี่อถือ ต้นทุนทางสังคมสูง พวกตนพูดเป็นสิบไม่เท่ากับพล.ต.อ.ประทินพูดคนเดียว ต่อไปเราต้องทำงานหนักขึ้น แม้พวกเราจะเคยยกขบวนไปขอร้อง พล.ต.อ.ประทิน ที่บ้านหลายครั้ง ไม่สามารถทัดทานได้ และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาตนอาศัยข้ออ้างเลี้ยงวันเกิดเพื่อขอร้องอีกครั้ง ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
นายเจิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ถึงอย่างไรก็ต้องขอความกรุณา และขอร้องให้ทำงานในคณะกรรมาธิการวิสามัญสอบทุจริตฯต่อไป และในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมงานพล.ต.อ.ประทินได้สอนให้รู้ถึงการต่อสู้ในหลักการว่าต้องทำให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะถูกปิดกั้นอย่างไรก็ต้องทำทุกอย่างให้กระจ่าง นอกจากความเป็นผู้นำแล้วยังสอนให้เป็นผู้ใหญ่ เห็นได้ชัดในช่วงที่ทำงานตรวจสอบการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับชาวบ้านที่ จ.ลำพูน ซึ่งพล.ต.อ.ประทิน ยืนเคียงข้างประชาชน
นายการุณ ใสงาม ส.ว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า โดยข้อบังคับพล.ต.อ.ประทิน ก็ยังสามารถนั่งตำแหน่งประธานกรรมาธิการฯได้ต่อไป เพราะยังไม่ได้ลาออกจากการเป็นกรรมาธิการ เพราะฉะนั้นถือว่า สถานภาพถือว่าครบถ้วน ตามข้อบังคับ เพียงแต่ลาออกจากการเป็น ส.ว.เท่านั้น แต่รู้สึกเสียขวัญในการทำงาน เพราะการตรวจสอบการทุจริตมีแรงเสียดทางสูง ซึ่ง พล.ต.อ.ประทิน เป็นหัวขบวนนำคณะกรรมาธิการฯตรวจสอบในโครงการใหญ่ๆ ผู้ที่มีตำแหน่งสูง มีอำนาจมาก ดังนั้น 5-6 ปีที่ผ่านมา ถือว่าสร้างผลงานได้มาก แต่ในเมื่อทั้งกราบทั้งวิงวอนแล้ว ยังทัดทานไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร