“ยงยุทธ”สั่งสผ.ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ กทม.จี้ส่งอีไอเอส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าเพิ่มเติมทั้งสาทร-ตากสิน และตากสิน-บางหว้า ชี้กทม.ทำผิดกฎหมาย ระบุชัดต้องหยุดก่อสร้างทั้งหมดจนกว่าจะส่งอีไอเอ “อภิรักษ์” เตรียมศึกษาปรับเพิ่มส่วนต่อขยายไปอีก 1.2 กม.จากบางหว้าถึงพุทธมณฑลสาย 1 เชื่อมบีอาร์ที "สามารถ"อัดรัฐบาลขายฝันคิดค่าโดยสารรถไฟฟ้า 15 บาทตลอดสาย ด้าน “พงษ์ศักดิ์”เสนอครม.สัญจรอังคารนี้อนุมัติกรอบทีโออาร์รถไฟฟ้าเฟสแรก 4 สาย
นางมณทิพย์ ศรีรัตนา ทาบูกานอน รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แถลงว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้สั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ กทม. ให้ส่งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ในส่วนที่มีการขยายเส้นทางเพิ่มจากถ.พระเจ้าตากสินไปถึงถ.เพชรเกษมบริเวณบางหว้า ระยะทาง 4.5 กม.เร็วที่สุด เพราะขณะนี้ กทม.ได้ทำการก่อสร้างตอม่อและมีการขยายเปลี่ยนแปลงเส้นทางเพิ่มเติมโดยไม่จัดทำอีไอเอ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายกม.สิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535
ทั้งนี้ โดยหลักการแล้ว กทม.ต้องหยุดการก่อสร้างทั้งหมดจนกว่าจะจัดส่งรายงานอีไอเอมา เพื่อที่ สผ.จะนำเข้าพิจารณาในคณะกรรมการผู้ชำนาญการด้านคมนาคมต่อไป จากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนสรุปว่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และ กทม.จึงจะดำเนินการต่อได้
นางมณทิพย์ กล่าวอีกว่า ส่วนเส้นทางจากสะพานตากสินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปฝั่งธนบุรี ระยะทาง 2.2 กม. ที่ กทม.ยืนยันว่ามีการทำอีไอเอ จนผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดสิ่งแวดล้อมเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2543 นั้น แม้อีไอเอในส่วนนี้จะผ่านความเห็นชอบแล้วก็ตาม แต่ในข้อ 1.4 ของรายงานอีไอเอ ที่บอร์ดสิ่งแวดล้อมเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า หาก กทม.จะเปลี่ยนแปลงแผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อมตามที่ได้เสนอไว้ กทม. ต้องเสนอรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ให้ สผ.ให้ความเห็นชอบก่อนทุกครั้ง แต่จนถึงขณะนี้ทาง สผ.ก็ยังไม่ได้รับทราบรายละเอียด จึงฝากไปยัง กทม.ให้ส่งรายละเอียดมาให้ด้วย
ด้านนายชนินทร์ ทองธรรมชาติ รองเลขาธิการ สผ. กล่าวว่า คงต้องรอว่า กทม.จะส่งรายละเอียดมาก่อนจากนั้นจึงสรุปได้ว่าโครงการ 2.2 กม. ต้องทำอีไอเอใหม่หรือไม่ แต่สำหรับส่วนขยายอีก 4.5 กม.นั้น ต้องทำอีไอเออย่างแน่นอน ทั้งนี้ การเข้าไปตรวจสอบของ สผ.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองระหว่างรัฐบาลกับทาง กทม. แต่เป็นการทำตามหน้าที่เท่านั้น
**เบื่อการเมืองน้ำเน่า
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงกรณีที่ น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทยกล่าวหาเรื่องเกณฑ์คนจากเขตคลองเตยมาจัดฉากในการประชุมสภากทม.เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่ควรจะกล่าวหากันไปกันมาแต่ควรจะมาประสานงานร่วมกันมากกว่าและที่สำคัญควรที่จะไปถามคนเหล่านั้นว่าพวกเขาได้รับความเดือดร้อนมากแค่ไหนจากปัญหาการจราจรติดขัดในฝั่งธนบุรี
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ให้สำนักการจราจรและขนส่ง(สจส.) กทม.ไปศึกษาข้อมูลและทำแผนเพื่อดำเนินการส่วนต่อขยายจากแยกตากสินถึงบางหว้าอีก 4.5 กม. ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ หลังแล้วเสร็จ รวมทั้งคณะผู้บริหารกทม.ได้พิจารณาผ่านแล้วก็จะสามารถนำเสนอต่อสภากทม.เพื่อพิจารณางบประมาณก่อสร้าง ตลอดจนการนำเสนออีไอเอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและสผ.ต่อไป
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อเสนอที่นายกิตพล เชิดชูกิจกุล ส.ก.เขตประเวศ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการการจราจรขนส่งและการระบายน้ำ สภากทม.เสนอให้ต่อขยายจากบางหว้าถึงถนนพุทธมณฑลสาย 1 อีก 1.2 กม. เพื่อจะได้เชื่อมต่อกับสถานีรถเมล์บีอาร์ทีนั้น จะเร่งให้สจส.รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำเสนอต่อคณะผู้บริหารพิจารณาต่อไปว่าจะบริหารจัดการส่วนดังกล่าวด้วยวิธีใด
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันอีกครั้งว่าส่วนต่อขยายที่กทม.ได้วางแผนจะทำนั้นมีการเชื่อมต่อกันทั้งระบบอยู่แล้วและกทม.ยินดีให้ความร่วมมือกับรัฐบาล
**ยันขายฝัน 15 บ.ตลอดสาย
นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าโครงสร้างของส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีสมจากแยกตากสินไปถึงบางหว้าระยะทาง 4.5 กม.ไม่มีความแข็งแรงพอที่จะรองรับรถไฟฟ้าขนาดหนักได้นั้น ขอยืนยัน 100 % ว่า โครงสร้างในส่วนนี้มีความแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักรถไฟฟ้าได้
ส่วนราคาค่าโดยสารที่รัฐบาลเสนอว่าจะให้มีราคา 15 บาททั้งระบบนั้น ถ้าทำได้จะเป็นเรื่องดี แต่อาจจะมีอุปสรรคเนื่องจากต้องหางบมาให้ได้ปีละกว่าหมื่นล้านทุกปีเพื่อมารักษาสภาพคล่อง
**ชงครม.อนุมัติทีโออาร์ 4 สายอังคารนี้
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.คมนาคม กล่าวว่าในการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.นครสวรรค์ วันที่ 1 พ.ย.นี้ จะรายงานความคืบหน้าในการดำเนินโครงการขนส่งมวลชนต่อครม. พร้อมขออนุมัติหลักการในการออกทีโออาร์ เพื่อเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้า 4 เส้นทาง โดยจะออกเงื่อนไขในทีโออาร์ 2 รูปแบบ คือ 1.การประมูลในแบบการเจรจาจีทูจี 2. การเปิดประมูลทั่วไปหรือ International Bidding
ทั้งนี้ หลังจากที่ครม.อนุมัติในหลักการในการจัดทำทีโออาร์แล้ว จะเริ่มกระบวนการในการเจรจาจีทูจี กับ 3ประเทศ ที่มีความสนใจก่อนคือ ฝรั่งเศส,รัสเซีย และจีน
สำหรับรถไฟฟ้า 4 สายที่จะเปิดประมูลประกอบด้วย 1. สายสีแดงเข้ม ช่วงมักกะสัน-อยุธยา 2.สายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-นครปฐม 3.สายสีม่วง ช่วง บางใหญ่-บางซื่อ 4.สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง -ท่าพระ ช่วงท่าพระ-บาง และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวด้วยว่าได้สั่งการให้นายเทิดศักดิ์ เศรษฐมานพ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ด การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)เรียกประชุมบอร์ดในวันที่ 1 พ.ย. หลังการประชุมครม.เพื่อนำมติครม.มาดำเนินการเปิดประมูลรถไฟฟ้า รวมทั้งให้พิจารณาออกทีโออาร์ให้การเปิดประมูลคัดเลือกเอกชน ที่จะเข้ามาบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าในเส้นทางมักกะสัน-สนามบินสุวรรณภูมิ (แอร์พอร์ต ลิงค์ )ด้วย
วันเดียวกัน นายพงษ์ศักดิ์ได้เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 4 พ.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีน่าจะเชิญนายอภิรักษ์เข้าหารือร่วมกันที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำความเข้าใจถึงแนวทางการก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอส
นางมณทิพย์ ศรีรัตนา ทาบูกานอน รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แถลงว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้สั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ กทม. ให้ส่งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ในส่วนที่มีการขยายเส้นทางเพิ่มจากถ.พระเจ้าตากสินไปถึงถ.เพชรเกษมบริเวณบางหว้า ระยะทาง 4.5 กม.เร็วที่สุด เพราะขณะนี้ กทม.ได้ทำการก่อสร้างตอม่อและมีการขยายเปลี่ยนแปลงเส้นทางเพิ่มเติมโดยไม่จัดทำอีไอเอ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายกม.สิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535
ทั้งนี้ โดยหลักการแล้ว กทม.ต้องหยุดการก่อสร้างทั้งหมดจนกว่าจะจัดส่งรายงานอีไอเอมา เพื่อที่ สผ.จะนำเข้าพิจารณาในคณะกรรมการผู้ชำนาญการด้านคมนาคมต่อไป จากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนสรุปว่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และ กทม.จึงจะดำเนินการต่อได้
นางมณทิพย์ กล่าวอีกว่า ส่วนเส้นทางจากสะพานตากสินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปฝั่งธนบุรี ระยะทาง 2.2 กม. ที่ กทม.ยืนยันว่ามีการทำอีไอเอ จนผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดสิ่งแวดล้อมเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2543 นั้น แม้อีไอเอในส่วนนี้จะผ่านความเห็นชอบแล้วก็ตาม แต่ในข้อ 1.4 ของรายงานอีไอเอ ที่บอร์ดสิ่งแวดล้อมเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า หาก กทม.จะเปลี่ยนแปลงแผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อมตามที่ได้เสนอไว้ กทม. ต้องเสนอรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ให้ สผ.ให้ความเห็นชอบก่อนทุกครั้ง แต่จนถึงขณะนี้ทาง สผ.ก็ยังไม่ได้รับทราบรายละเอียด จึงฝากไปยัง กทม.ให้ส่งรายละเอียดมาให้ด้วย
ด้านนายชนินทร์ ทองธรรมชาติ รองเลขาธิการ สผ. กล่าวว่า คงต้องรอว่า กทม.จะส่งรายละเอียดมาก่อนจากนั้นจึงสรุปได้ว่าโครงการ 2.2 กม. ต้องทำอีไอเอใหม่หรือไม่ แต่สำหรับส่วนขยายอีก 4.5 กม.นั้น ต้องทำอีไอเออย่างแน่นอน ทั้งนี้ การเข้าไปตรวจสอบของ สผ.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองระหว่างรัฐบาลกับทาง กทม. แต่เป็นการทำตามหน้าที่เท่านั้น
**เบื่อการเมืองน้ำเน่า
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงกรณีที่ น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทยกล่าวหาเรื่องเกณฑ์คนจากเขตคลองเตยมาจัดฉากในการประชุมสภากทม.เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่ควรจะกล่าวหากันไปกันมาแต่ควรจะมาประสานงานร่วมกันมากกว่าและที่สำคัญควรที่จะไปถามคนเหล่านั้นว่าพวกเขาได้รับความเดือดร้อนมากแค่ไหนจากปัญหาการจราจรติดขัดในฝั่งธนบุรี
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ให้สำนักการจราจรและขนส่ง(สจส.) กทม.ไปศึกษาข้อมูลและทำแผนเพื่อดำเนินการส่วนต่อขยายจากแยกตากสินถึงบางหว้าอีก 4.5 กม. ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ หลังแล้วเสร็จ รวมทั้งคณะผู้บริหารกทม.ได้พิจารณาผ่านแล้วก็จะสามารถนำเสนอต่อสภากทม.เพื่อพิจารณางบประมาณก่อสร้าง ตลอดจนการนำเสนออีไอเอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและสผ.ต่อไป
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อเสนอที่นายกิตพล เชิดชูกิจกุล ส.ก.เขตประเวศ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการการจราจรขนส่งและการระบายน้ำ สภากทม.เสนอให้ต่อขยายจากบางหว้าถึงถนนพุทธมณฑลสาย 1 อีก 1.2 กม. เพื่อจะได้เชื่อมต่อกับสถานีรถเมล์บีอาร์ทีนั้น จะเร่งให้สจส.รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำเสนอต่อคณะผู้บริหารพิจารณาต่อไปว่าจะบริหารจัดการส่วนดังกล่าวด้วยวิธีใด
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันอีกครั้งว่าส่วนต่อขยายที่กทม.ได้วางแผนจะทำนั้นมีการเชื่อมต่อกันทั้งระบบอยู่แล้วและกทม.ยินดีให้ความร่วมมือกับรัฐบาล
**ยันขายฝัน 15 บ.ตลอดสาย
นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าโครงสร้างของส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีสมจากแยกตากสินไปถึงบางหว้าระยะทาง 4.5 กม.ไม่มีความแข็งแรงพอที่จะรองรับรถไฟฟ้าขนาดหนักได้นั้น ขอยืนยัน 100 % ว่า โครงสร้างในส่วนนี้มีความแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักรถไฟฟ้าได้
ส่วนราคาค่าโดยสารที่รัฐบาลเสนอว่าจะให้มีราคา 15 บาททั้งระบบนั้น ถ้าทำได้จะเป็นเรื่องดี แต่อาจจะมีอุปสรรคเนื่องจากต้องหางบมาให้ได้ปีละกว่าหมื่นล้านทุกปีเพื่อมารักษาสภาพคล่อง
**ชงครม.อนุมัติทีโออาร์ 4 สายอังคารนี้
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.คมนาคม กล่าวว่าในการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.นครสวรรค์ วันที่ 1 พ.ย.นี้ จะรายงานความคืบหน้าในการดำเนินโครงการขนส่งมวลชนต่อครม. พร้อมขออนุมัติหลักการในการออกทีโออาร์ เพื่อเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้า 4 เส้นทาง โดยจะออกเงื่อนไขในทีโออาร์ 2 รูปแบบ คือ 1.การประมูลในแบบการเจรจาจีทูจี 2. การเปิดประมูลทั่วไปหรือ International Bidding
ทั้งนี้ หลังจากที่ครม.อนุมัติในหลักการในการจัดทำทีโออาร์แล้ว จะเริ่มกระบวนการในการเจรจาจีทูจี กับ 3ประเทศ ที่มีความสนใจก่อนคือ ฝรั่งเศส,รัสเซีย และจีน
สำหรับรถไฟฟ้า 4 สายที่จะเปิดประมูลประกอบด้วย 1. สายสีแดงเข้ม ช่วงมักกะสัน-อยุธยา 2.สายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-นครปฐม 3.สายสีม่วง ช่วง บางใหญ่-บางซื่อ 4.สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง -ท่าพระ ช่วงท่าพระ-บาง และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวด้วยว่าได้สั่งการให้นายเทิดศักดิ์ เศรษฐมานพ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ด การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)เรียกประชุมบอร์ดในวันที่ 1 พ.ย. หลังการประชุมครม.เพื่อนำมติครม.มาดำเนินการเปิดประมูลรถไฟฟ้า รวมทั้งให้พิจารณาออกทีโออาร์ให้การเปิดประมูลคัดเลือกเอกชน ที่จะเข้ามาบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าในเส้นทางมักกะสัน-สนามบินสุวรรณภูมิ (แอร์พอร์ต ลิงค์ )ด้วย
วันเดียวกัน นายพงษ์ศักดิ์ได้เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 4 พ.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีน่าจะเชิญนายอภิรักษ์เข้าหารือร่วมกันที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำความเข้าใจถึงแนวทางการก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอส