องค์การอนามัยโลกฟันธง โรคระบาดร้ายแรงจากเชื้อไวรัสหวัดนกกลายพันธุ์เป็นไข้หวัดใหญ่คน น่าจะเริ่มต้นจากประเทศใดประเทศหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วโลกต้องมุ่งโฟกัสที่เอเชียเพื่อยับยั้งภัยนี้ ถึงแม้หลายชาติยุโรปก็เริ่มมีสัตว์ปีกติดโรคร้ายนี้แล้ว จนบรรดาประเทศอียูต้องประชุมฉุกเฉิน ขณะที่ผู้บริโภคก็ชักหวาดผวาไม่ยอมกินไก่หรือสัตว์ปีกอื่น
นายไมก์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายเตือนภัยโรคระบาดร้ายแรง ขององค์การอนามัยโลก(ฮู) แถลงจากสำนักงานใหญ่ในนครเจนีวาเมื่อวันจันทร์(17)ว่า ถึงแม้การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์มรณะH5N1 โดยมีพวกนกอพยพเป็นพาหะ ได้ลามข้ามรัสเซีย และไปถึงตุรกีกับโรมาเนียในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่ไวรัสนี้จะกลายพันธุ์ เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ซึ่งสามารถระบาดจากคนสู่คน และกลายเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรง
"แต่ปัญหานี้ส่วนใหญ่แล้วยังคงอยู่ในเอเชีย อีกทั้งเชื้อร้ายนี้ก็ได้กลายเป็นโรคติดต่อระดับภูมิภาคไปในหลายส่วนของเอเชียแล้วด้วย ดังนั้น เราจึงต้องแก้ไขปัญหานี้อย่างคำนึงถึงความสมดุล" นายไรอันกล่าว
ขณะที่นายลีจองวูก ผู้อำนวยการใหญ่ฮู ก็พูดในการประชุมสมาชิกรัฐสภาระหว่างประเทศที่เจนีวาว่า "โรคระบาดร้ายแรง(ในคน) น่าจะเริ่มต้นที่ชาติใดชาติหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะประเทศเหล่านี้ประสบกับการระบาดของไข้หวัดนก(ในสัตว์ปีก)อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว"
นายไรอันยังได้ชมเชยมาตรการตอบโต้ของตุรกีกับโรมาเนีย ภายหลังพบการระบาดของไข้หวัดนกในหมู่สัตว์ปีก ที่มีความโปร่งใสมากและเฉียบขาด นอกจากนั้นประเทศในภูมิภาคแถบนั้นยังมีทรัพยากรพรักพร้อมในมือที่จะควบคุมไขหวัดนกในหมู่สัตว์ปีกได้ ด้วยความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป(อียู) ดังนั้น เขาจึงเห็นว่าที่นั่นมี "ความเสี่ยงต่ำ" ที่จะเกิดโรคระบาดใหญ่แม้ในหมู่สัตว์ปีก
รัฐมนตรีอียูประชุมด่วน
ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศอียูได้เรียกประชุมฉุกเฉินที่กรุงลักเซมเบิร์กวานนี้ ภายหลังกรีซ ซึ่งเป็นชาติสมาชิกอียู รายงานว่า พบไก่งวงเป็นไข้หวัดนกที่เกาะคีออส ในเขตทะเลอีเจียน เพียงแต่ต้องรอการทดสอบให้ชัดเจนว่าเป็นสายพันธุ์H5N1 หรือไม่
ทั้งนี้หากผลทดสอบออกมาเป็นบวก ก็หมายถึงเชื้อร้ายนี้เดินทางไปถึงดินแดนอียูโดยตรงแล้ว โดยแม้ก่อนหน้านี้เป็นที่ยืนยันว่าสัตว์ปีกในตุรกีและโรมาเนียติดเชื้อH5N1 แต่ 2 ประเทศนี้ก็ยังไม่ใช่สมาชิกอียู
เพื่อพยายามบรรเทาความวิตกกังวลของสาธารณชน นายมาร์กอส คริปริอานู กรรมาธิการฝ่ายสาธารณสุขของอียู ออกมาแถลงข่าวว่า แม้ปรากฏเชื้อร้ายในทั้ง 3 ประเทศซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรปดังกล่าว ก็ไม่ได้หมายความว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเกิดไข้หวัดใหญ่ที่เป็นโรคระบาดร้ายแรงในคนแล้ว
เขายังเตือนประชาชนในอียูด้วยว่า อย่าได้แตกตื่นใช้ยาต่อต้านไข้หวัดใหญ่ด้วยตัวเอง แต่ควรปรึกษาแพทย์ ทั้งนี้ภายหลังจากมีรายงานว่า ชาวยุโรปซึ่งหวั่นกลัว ต่างเร่งรีบไปร้านขายยา เพื่อหาซื้อยาต้านไวรัสตลอดจนวัคซีนต้านไข้หวัดใหญ่มาใช้ด้วยตัวเอง
สำหรับการประชุมของบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอียู เรื่องหลักที่คุยกัน คือความพรักพร้อมของเหล่าชาติสมาชิกในการรับมือกับไข้หวัดนกในสัตว์ปีก แต่ขณะเดียวกันก็ได้หารือกันด้วยว่าอียูพร้อมแค่ไหน หากต้องต่อสู้กับโรคระบาดร้ายแรงจากไข้หวัดใหญ่คน
ผู้บริโภคยุโรปผวาหยุดกินไก่
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า แม้มีคำแนะนำว่าหากปรุงอาหารด้วยความร้อนสูงกว่า 70 องศาเซลเซียส ก็สามารถฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดนกH5N1ได้ แต่หลังจากมีข่าวสัตว์ปีกในหลายชาติยุโรปติดเชื้อไวรัสร้ายนี้ ก็ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากผวา และหลีกเลี่ยงไม่รับประทานเนื้อสัตว์ปีกไปเลย
ในตุรกี เกษตรกรบอกว่าขายสัตว์ปีกได้น้อยลงไปถึง 50% ขณะที่ภัตตาคารจำนวนหนึ่งก็ถอนอาหารทำด้วยเนื้อไก่จากเมนู
แม้ในประเทศขึ้นชื่อเรื่องอาหารอย่างฝรั่งเศส สหพันธ์อุตสาหกรรมสัตว์ปีก (เอฟทีเอ) ก็ยังแถลงในวันจันทร์ว่า ยอดส่งสัตว์ปีกไปยังบรรดาห้างขายปลีกได้ลดต่ำลง 10% ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับสุดสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่ ซิสแตม อู เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตระดับประเทศก็แจ้งว่า ยอดขายเนื้อสัตว์ปีกตกวูบลงถึง 30% ในบางเขตในระยะไม่กี่วันที่ผ่านมา
แนวโน้มนี้ปรากฏเช่นกันในสวิตเซอร์แลนด์ โดยเครือซูเปอร์มาร์เก็ต มิโกรส์ รายงานว่า ยอดขาย "ลดลงเล็กน้อย" เช่นเดียวกับในฮังการี ซึ่งมีพรมแดนติดกับโรมาเนีย
ในอิตาลีนั้น สมาพันธ์เกษตรกรบอกตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วด้วยซ้ำว่า ยอดขายสัตว์ปีกตกต่ำลง 30-40% เพราะความหวาดผวาไข้หวัดนก ทั้งที่อิตาลีมิได้นำเข้าสัตว์ปีกใดๆ จากต่างแดนเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ในประเทศยุโรปแถบเหนือขึ้นไป ผู้บริโภคดูจะยังมีความกล้าหาญมากกว่า อาทิที่อังกฤษ โฆษกของเครือซูเปอร์มาร์เก็ต เทสโก กล่าวว่า ความต้องการเนื้อไก่ในอังกฤษ "ไม่มีการเปลี่ยนแปลง"
เช่นเดียวกับสหพันธ์อุตสาหกรรมสัตว์ปีกของเยอรมนีที่ยืนยันว่า ผู้บริโภคยังคงต้องการบริโภคไก่กันมากเหมือนเดิม
นายไมก์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายเตือนภัยโรคระบาดร้ายแรง ขององค์การอนามัยโลก(ฮู) แถลงจากสำนักงานใหญ่ในนครเจนีวาเมื่อวันจันทร์(17)ว่า ถึงแม้การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์มรณะH5N1 โดยมีพวกนกอพยพเป็นพาหะ ได้ลามข้ามรัสเซีย และไปถึงตุรกีกับโรมาเนียในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่ไวรัสนี้จะกลายพันธุ์ เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ซึ่งสามารถระบาดจากคนสู่คน และกลายเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรง
"แต่ปัญหานี้ส่วนใหญ่แล้วยังคงอยู่ในเอเชีย อีกทั้งเชื้อร้ายนี้ก็ได้กลายเป็นโรคติดต่อระดับภูมิภาคไปในหลายส่วนของเอเชียแล้วด้วย ดังนั้น เราจึงต้องแก้ไขปัญหานี้อย่างคำนึงถึงความสมดุล" นายไรอันกล่าว
ขณะที่นายลีจองวูก ผู้อำนวยการใหญ่ฮู ก็พูดในการประชุมสมาชิกรัฐสภาระหว่างประเทศที่เจนีวาว่า "โรคระบาดร้ายแรง(ในคน) น่าจะเริ่มต้นที่ชาติใดชาติหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะประเทศเหล่านี้ประสบกับการระบาดของไข้หวัดนก(ในสัตว์ปีก)อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว"
นายไรอันยังได้ชมเชยมาตรการตอบโต้ของตุรกีกับโรมาเนีย ภายหลังพบการระบาดของไข้หวัดนกในหมู่สัตว์ปีก ที่มีความโปร่งใสมากและเฉียบขาด นอกจากนั้นประเทศในภูมิภาคแถบนั้นยังมีทรัพยากรพรักพร้อมในมือที่จะควบคุมไขหวัดนกในหมู่สัตว์ปีกได้ ด้วยความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป(อียู) ดังนั้น เขาจึงเห็นว่าที่นั่นมี "ความเสี่ยงต่ำ" ที่จะเกิดโรคระบาดใหญ่แม้ในหมู่สัตว์ปีก
รัฐมนตรีอียูประชุมด่วน
ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศอียูได้เรียกประชุมฉุกเฉินที่กรุงลักเซมเบิร์กวานนี้ ภายหลังกรีซ ซึ่งเป็นชาติสมาชิกอียู รายงานว่า พบไก่งวงเป็นไข้หวัดนกที่เกาะคีออส ในเขตทะเลอีเจียน เพียงแต่ต้องรอการทดสอบให้ชัดเจนว่าเป็นสายพันธุ์H5N1 หรือไม่
ทั้งนี้หากผลทดสอบออกมาเป็นบวก ก็หมายถึงเชื้อร้ายนี้เดินทางไปถึงดินแดนอียูโดยตรงแล้ว โดยแม้ก่อนหน้านี้เป็นที่ยืนยันว่าสัตว์ปีกในตุรกีและโรมาเนียติดเชื้อH5N1 แต่ 2 ประเทศนี้ก็ยังไม่ใช่สมาชิกอียู
เพื่อพยายามบรรเทาความวิตกกังวลของสาธารณชน นายมาร์กอส คริปริอานู กรรมาธิการฝ่ายสาธารณสุขของอียู ออกมาแถลงข่าวว่า แม้ปรากฏเชื้อร้ายในทั้ง 3 ประเทศซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรปดังกล่าว ก็ไม่ได้หมายความว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเกิดไข้หวัดใหญ่ที่เป็นโรคระบาดร้ายแรงในคนแล้ว
เขายังเตือนประชาชนในอียูด้วยว่า อย่าได้แตกตื่นใช้ยาต่อต้านไข้หวัดใหญ่ด้วยตัวเอง แต่ควรปรึกษาแพทย์ ทั้งนี้ภายหลังจากมีรายงานว่า ชาวยุโรปซึ่งหวั่นกลัว ต่างเร่งรีบไปร้านขายยา เพื่อหาซื้อยาต้านไวรัสตลอดจนวัคซีนต้านไข้หวัดใหญ่มาใช้ด้วยตัวเอง
สำหรับการประชุมของบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอียู เรื่องหลักที่คุยกัน คือความพรักพร้อมของเหล่าชาติสมาชิกในการรับมือกับไข้หวัดนกในสัตว์ปีก แต่ขณะเดียวกันก็ได้หารือกันด้วยว่าอียูพร้อมแค่ไหน หากต้องต่อสู้กับโรคระบาดร้ายแรงจากไข้หวัดใหญ่คน
ผู้บริโภคยุโรปผวาหยุดกินไก่
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า แม้มีคำแนะนำว่าหากปรุงอาหารด้วยความร้อนสูงกว่า 70 องศาเซลเซียส ก็สามารถฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดนกH5N1ได้ แต่หลังจากมีข่าวสัตว์ปีกในหลายชาติยุโรปติดเชื้อไวรัสร้ายนี้ ก็ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากผวา และหลีกเลี่ยงไม่รับประทานเนื้อสัตว์ปีกไปเลย
ในตุรกี เกษตรกรบอกว่าขายสัตว์ปีกได้น้อยลงไปถึง 50% ขณะที่ภัตตาคารจำนวนหนึ่งก็ถอนอาหารทำด้วยเนื้อไก่จากเมนู
แม้ในประเทศขึ้นชื่อเรื่องอาหารอย่างฝรั่งเศส สหพันธ์อุตสาหกรรมสัตว์ปีก (เอฟทีเอ) ก็ยังแถลงในวันจันทร์ว่า ยอดส่งสัตว์ปีกไปยังบรรดาห้างขายปลีกได้ลดต่ำลง 10% ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับสุดสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่ ซิสแตม อู เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตระดับประเทศก็แจ้งว่า ยอดขายเนื้อสัตว์ปีกตกวูบลงถึง 30% ในบางเขตในระยะไม่กี่วันที่ผ่านมา
แนวโน้มนี้ปรากฏเช่นกันในสวิตเซอร์แลนด์ โดยเครือซูเปอร์มาร์เก็ต มิโกรส์ รายงานว่า ยอดขาย "ลดลงเล็กน้อย" เช่นเดียวกับในฮังการี ซึ่งมีพรมแดนติดกับโรมาเนีย
ในอิตาลีนั้น สมาพันธ์เกษตรกรบอกตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วด้วยซ้ำว่า ยอดขายสัตว์ปีกตกต่ำลง 30-40% เพราะความหวาดผวาไข้หวัดนก ทั้งที่อิตาลีมิได้นำเข้าสัตว์ปีกใดๆ จากต่างแดนเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ในประเทศยุโรปแถบเหนือขึ้นไป ผู้บริโภคดูจะยังมีความกล้าหาญมากกว่า อาทิที่อังกฤษ โฆษกของเครือซูเปอร์มาร์เก็ต เทสโก กล่าวว่า ความต้องการเนื้อไก่ในอังกฤษ "ไม่มีการเปลี่ยนแปลง"
เช่นเดียวกับสหพันธ์อุตสาหกรรมสัตว์ปีกของเยอรมนีที่ยืนยันว่า ผู้บริโภคยังคงต้องการบริโภคไก่กันมากเหมือนเดิม