ททท.รื้อแผนลองสเตย์สั่งทำแผนการทำงานใหม่ทั้งหมด ดัน "รวมนคร" นั่งแท่นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกุมบังเหียน เผยแผนทำงานใหม่แบ่ง 3 เฟสหลักเริ่มปฏิบัติการทันทีต.ค.นี้ ประกาศ 11จ.ขึ้นพื้นที่ลองสเตย์ ซิตี้ โปรเจคก์ พร้อมเสนอขอสิทธิประโยชน์จากบีโอไอ หวังจูงใจเอกชนร่วมโครงการ ตั้งเป้าปีหน้าโกยนักท่องเที่ยวลองสเตย์เข้าไทยไม่น้อยกว่า 1 แสนคน มั่นใจทำการตลาดแบบจีทูจี ปีแรกหมายตาญี่ปุ่นและอังกฤษ เผยเบื้องต้นลงทุนสร้างระบบและซื้อช่องสัญญาทีวีที่ญี่ปุ่นทำรายการโปรโมต
พันตำรวจเอกรวมนคร ทับทิมธงไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด หรือ ทีแอลเอ็ม(TLM) ดำเนินธุรกิจกับนักท่องเที่ยวกลุ่มพำนักระยะยาว หรือ ลองสเตย์ เปิดเผยว่า ได้ปรับโครงสร้างเพื่อกำหนดแนวทางการทำงานของทีแอลเอ็มใหม่ทั้งหมด ภายใต้โครงการลองสเตย์ ซิตี้ โปรเจคก์ (Longstay City Project) ระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ปี 2548-2550 รวม 3 เฟส ประกอบด้วย 1. ประกาศ 11 จังหวัด เป็นพื้นที่ที่จะทำเป็นเมืองลองสเตย์ เพื่อเตรียมยื่นเสนอของรับการส่งเสริมการลงทุนจาก บีโอไอ ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงราย เชียงใหม่ ประจวบฯ(หัวหิน) กาญจนบุรี สุราษฎร์ธานี(สมุย) กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระยอง เป็นต้น
2. จัดทำเป็นแพกเกจนำเสนอขายลูกค้าใน 11 ประเทศเป้าหมาย เน้นประเทศที่มีรัฐสวัสดิการ และช่วงฤดูหนีอากาศหนาวเย็น โดยติดต่อผ่านบริษัทนำเที่ยวเอกชน และติดต่อผ่านหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ประเทศ ญี่ปุ่น อังกฤษ อเมริกา แคนาดา กลุ่มสแกนดิเนเวีย เยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส จีน เป็นต้น 3.การร่วมลงทุนกับเอกชนเพื่อสร้างที่พัก บริเวณรอบสนามกอล์ฟ ที่เป็นพันธมิตร หรือแถบชายหาดทะเล
สำหรับเฟสแรกเริ่มตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป โดยกำหนดออกโรดโชว์ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ในวันที่ 17-21 ต.ค.นี้ เพื่อหวังให้นักท่องเที่ยวทยอยเข้ามาในช่วงเดือนธ.ค.48 ซึ่งปีแรกจะโรดโชว์ไม่น้อยกว่า 6 ประเทศ ตั้งเป้าได้ลูกค้าไม่น้อยกว่า 1 แสนคนในปีแรก ล่าสุดได้เชิญผู้ประกอบการใน 11 จังหวัด ที่ประกาศเป็นพื้นที่ลองสเตย์ เข้ามารับฟังโครงการ เพื่อรับสมัครสมาชิกเข้าร่วมโครงการ
ส่วนเฟสสองเริ่มกลางปี 2549 เดินหน้าเจรจากับรัฐบาลใน 11 ประเทศนำเสนอแพกเกจบริการ เพื่อให้เกิดการซื้อขายแบบจีทูจี หรือการซื้อขายระหว่างหน่วยงายของรัฐบาล และเฟสที่สามจะเริ่มปลายปี 49 เบื้องต้นในเฟสแรกจะใช้โรงแรมห้องพักที่มีอยู่แล้วในพื้นที่มาเข้าร่วมโครงการ และเมื่อทำตลาดในเฟสสองสร้างการรับรู้จะยิ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จึงเริ่มดำเนินการเฟส 3 โดยเริ่มโครงการลงทุนก่อสร้างที่พักและบริการ คาดว่าสร้างเสร็จภายในปี 2550
"การคัดเลือกจังหวัด และพื้นที่ที่จะประกาศเป็น Longstay City Project ต้องมีความพร้อมในหลายอย่าง เช่น มีสนามบิน มีระบบการคมนาคมดี มีโรงพยาบาลอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ส่วนการทำตลาดเรามีเป้าหมายลูกค้าชัดเจน คือ เป็นวัยเกษียณอายุ และ ต้องเป็นบุคคลที่อยู่ในประเทศที่มีเงินเลี้ยงดูจากรัฐบาล การทำตลาด เราเจรจาในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยทีแอลเอ็มจะเสนอว่าเราเป็นบริษัทที่ถือหุ้นใหญ่โดยททท. 30% เป็นการสร้างความเชื่อมั่น"
ปั้นสองแพกเกจโกล-แพทตินั่มเสนอขาย
การปรับโครงสร้างใหม่ได้กำหนดชัดเจนถึงกลุ่มเป้าหมายของลองสเตย์ คือ กลุ่มหลังเกษียณอายุ 50-60 ปีขึ้นไป เป็นประเทศที่มีรัฐสวัสดิการ หรือมีรายได้ประจำจากรัฐบาลสำหรับใช้จ่ายหลังเกษียณอายุ และต้องมีระยะเวลาการเข้ามาพักผ่อนแต่ละครั้งไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยทีแอลเอ็มจะเป็นหน่วยงานกลาง บริหารจัดการ และประสานงาน โดยรวมผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการไว้ในมือ เพื่อนำสินค้าทั้งหมดไปเสนอขายยังกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งเป็นองค์กรกลางให้ข้อมูลกับนักท่องเที่ยว รวมถึงบริการอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ โดยจะทำแพกเกจเป็น 2 แบบ เพื่อเสนอขายต่อสมาชิก ได้แก่ แพกเกจโกลด์ และแพทตินั่ม โดยจะต่างกันที่สถานที่พักซึ่งแบ่งเป็นโรงแรมระดับ3ถึง5 ดาว
ในรายละเอียด นักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ที่จองซื้อแพกเกจ เมื่อเดินทางเข้ามาถึงประเทศไทย จะได้รับไอดี การ์ดเป็นบัตรประจำตัว ฝังชิพข้อมูลประวัติส่วนตัวของนักท่องเที่ยว คล้ายบัตรสมาร์ท การ์ด โดยเฉพาะประวัติโรคประจำตัว การรักษาและยาที่ใช้ เพราะต้องเข้าใจว่ากลุ่มนี้เป็นผู้สูงอายุ โดยอัตราค่าบริการต่อเดือนจะเปิดบัญชีพร้อมเอทีเอ็มในไทย เพื่อใช้สำหรับให้รัฐบาลของเขาโอนเงินเข้าบัญชีมา โดยจะแบ่งเป็น 2 บัญชี คือ บัญชีสำหรับหักค่าแพกเกจที่ทีแอลเอ็มจะหักออกมา และ บัญชีที่สองเป็นบัญชีสำหรับไว้ใช้จ่าย คาดว่าค่าบริการเบื้องต้นจะคิดประมาณ 50% ของ รายได้ที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะได้รับจากรัฐสวัสดิการในแต่ละเดือน
"ตลาดแรกที่เราจะบุก คือ อังกฤษ และญี่ปุ่น เพราะ 2 ประเทศนี้มีรัฐสวัสดิการและมีประชากรวัยหลังเกษียณมากกว่าประเทศละ 20 ล้านคน โดยอังกฤษได้รัฐสวัสดิการขั้นต่ำคนละ 1.2 แสนบาทต่อเดือน และญี่ปุ่นได้รัฐสวัสดิการขั้นต่ำคนละ 8 หมื่นบาทต่อเดือน เบื้องต้นเราขอเพียง 1% ของคนวัยหลังเกษียรของทั้ง 2ประเทศก็มากกว่า 4 แสนคนแล้ว ตรงนี้เราจึงต้องคิดว่าแผนหาที่พักเพื่อรองรับเพิ่มขึ้น โดยตรงนี้จะอยู่ในโครงการเฟสที่สาม"
สำหรับเฟสที่สามมีแผนที่จะหาพันธมิตรซึ่งมีที่ดินอยู่แล้ว เช่น สนามกอล์ฟ เซนด์แอนดรู จ.ระยอง โดยใน 11 จังหวัดที่จะประกาศเป็นเมืองลองสเตย์ เท่าที่สำรวจมีสนามกอล์ฟ 20 แห่ง มีศักยภาพที่จะสร้างที่พักให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ โดยตั้งเป้าสร้าง 1 แสนห้อง ใน 11 จังหวัด ใช้เงินลงทุนราว 2 แสนล้านบาท ซึ่งตรงนี้จะเป็นการร่วมทุนระหว่างทีแอลเอ็ม กับ เอกชนเจ้าของที่ดิน
ซื้อช่องสถานีญี่ปุ่นเร่งโปรโมต
ในส่วนของแผนการตลาดเตรียมลงทุนราว 200 ล้านบาท เพื่อติดตั้งระบบการจัดการ ทั้งในเรื่องของระบบสมาชิก และระบบที่จะใช้ประสานงานกับพันธมิตร เพื่อลิงค์ข้อมูลถึงกัน นอกจากนั้นยังได้เจรจาเช่าช่องสถานีโทรทัศน์ที่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นช่องสถานีที่มีกลุ่มผู้ชมในวัยเกษียณอายุ โดยทีแอลเอ็มจะทำเป็นรายการเพื่อโปรโมตสถานที่พัก และแหล่งท่องเที่ยวของไทยที่เหมาะกับวัยหลังเกษียณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทุนจดทะเบียนของทีแอลเอ็มยังคงอยู่ที่ 100 ล้านบาท ชำระแล้ว 25% ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และยังไม่ได้มีการเรียกชำระทุนเพิ่ม โดยมีททท.เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 30% โดยมีผู้ถือหุ้นรายอื่นที่เป็นภาคเอกชนอีกรวม 70% ในที่นี้พันตำรวจเอก รวมนคร ทับทิมธงไชย ถือหุ้นในนามส่วนตัว 10% ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเพียงผู้ถือหุ้น แต่ ททท.ได้เสนอชื่อต่อคณะกรรมการบริษัทให้ พันตำรวจเอก รวมนคร เข้ามานั่งในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด
ทั้งนี้การปรับโครงสร้างและแผนการทำงานใหม่ทั้งหมดนี้นับเป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้มีการตั้งบริษัท ทีแอลเอ็มขึ้นมา เมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งที่ผ่านมามีผลประกอบการขาดทุนมาโดยตลอด และไม่มีแผนและระบบการทำงานที่ชัดเจน ซึ่งการจัดทำแผนการทำงานใหม่ทั้งหมดในครั้งนี้ ได้สั่งการโดย ททท.ให้ศึกษาและจัดทำแผนงานโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการสะดุดหรือหยุดการทำงาน
พันตำรวจเอกรวมนคร ทับทิมธงไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด หรือ ทีแอลเอ็ม(TLM) ดำเนินธุรกิจกับนักท่องเที่ยวกลุ่มพำนักระยะยาว หรือ ลองสเตย์ เปิดเผยว่า ได้ปรับโครงสร้างเพื่อกำหนดแนวทางการทำงานของทีแอลเอ็มใหม่ทั้งหมด ภายใต้โครงการลองสเตย์ ซิตี้ โปรเจคก์ (Longstay City Project) ระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ปี 2548-2550 รวม 3 เฟส ประกอบด้วย 1. ประกาศ 11 จังหวัด เป็นพื้นที่ที่จะทำเป็นเมืองลองสเตย์ เพื่อเตรียมยื่นเสนอของรับการส่งเสริมการลงทุนจาก บีโอไอ ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงราย เชียงใหม่ ประจวบฯ(หัวหิน) กาญจนบุรี สุราษฎร์ธานี(สมุย) กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระยอง เป็นต้น
2. จัดทำเป็นแพกเกจนำเสนอขายลูกค้าใน 11 ประเทศเป้าหมาย เน้นประเทศที่มีรัฐสวัสดิการ และช่วงฤดูหนีอากาศหนาวเย็น โดยติดต่อผ่านบริษัทนำเที่ยวเอกชน และติดต่อผ่านหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ประเทศ ญี่ปุ่น อังกฤษ อเมริกา แคนาดา กลุ่มสแกนดิเนเวีย เยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส จีน เป็นต้น 3.การร่วมลงทุนกับเอกชนเพื่อสร้างที่พัก บริเวณรอบสนามกอล์ฟ ที่เป็นพันธมิตร หรือแถบชายหาดทะเล
สำหรับเฟสแรกเริ่มตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป โดยกำหนดออกโรดโชว์ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ในวันที่ 17-21 ต.ค.นี้ เพื่อหวังให้นักท่องเที่ยวทยอยเข้ามาในช่วงเดือนธ.ค.48 ซึ่งปีแรกจะโรดโชว์ไม่น้อยกว่า 6 ประเทศ ตั้งเป้าได้ลูกค้าไม่น้อยกว่า 1 แสนคนในปีแรก ล่าสุดได้เชิญผู้ประกอบการใน 11 จังหวัด ที่ประกาศเป็นพื้นที่ลองสเตย์ เข้ามารับฟังโครงการ เพื่อรับสมัครสมาชิกเข้าร่วมโครงการ
ส่วนเฟสสองเริ่มกลางปี 2549 เดินหน้าเจรจากับรัฐบาลใน 11 ประเทศนำเสนอแพกเกจบริการ เพื่อให้เกิดการซื้อขายแบบจีทูจี หรือการซื้อขายระหว่างหน่วยงายของรัฐบาล และเฟสที่สามจะเริ่มปลายปี 49 เบื้องต้นในเฟสแรกจะใช้โรงแรมห้องพักที่มีอยู่แล้วในพื้นที่มาเข้าร่วมโครงการ และเมื่อทำตลาดในเฟสสองสร้างการรับรู้จะยิ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จึงเริ่มดำเนินการเฟส 3 โดยเริ่มโครงการลงทุนก่อสร้างที่พักและบริการ คาดว่าสร้างเสร็จภายในปี 2550
"การคัดเลือกจังหวัด และพื้นที่ที่จะประกาศเป็น Longstay City Project ต้องมีความพร้อมในหลายอย่าง เช่น มีสนามบิน มีระบบการคมนาคมดี มีโรงพยาบาลอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ส่วนการทำตลาดเรามีเป้าหมายลูกค้าชัดเจน คือ เป็นวัยเกษียณอายุ และ ต้องเป็นบุคคลที่อยู่ในประเทศที่มีเงินเลี้ยงดูจากรัฐบาล การทำตลาด เราเจรจาในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยทีแอลเอ็มจะเสนอว่าเราเป็นบริษัทที่ถือหุ้นใหญ่โดยททท. 30% เป็นการสร้างความเชื่อมั่น"
ปั้นสองแพกเกจโกล-แพทตินั่มเสนอขาย
การปรับโครงสร้างใหม่ได้กำหนดชัดเจนถึงกลุ่มเป้าหมายของลองสเตย์ คือ กลุ่มหลังเกษียณอายุ 50-60 ปีขึ้นไป เป็นประเทศที่มีรัฐสวัสดิการ หรือมีรายได้ประจำจากรัฐบาลสำหรับใช้จ่ายหลังเกษียณอายุ และต้องมีระยะเวลาการเข้ามาพักผ่อนแต่ละครั้งไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยทีแอลเอ็มจะเป็นหน่วยงานกลาง บริหารจัดการ และประสานงาน โดยรวมผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการไว้ในมือ เพื่อนำสินค้าทั้งหมดไปเสนอขายยังกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งเป็นองค์กรกลางให้ข้อมูลกับนักท่องเที่ยว รวมถึงบริการอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ โดยจะทำแพกเกจเป็น 2 แบบ เพื่อเสนอขายต่อสมาชิก ได้แก่ แพกเกจโกลด์ และแพทตินั่ม โดยจะต่างกันที่สถานที่พักซึ่งแบ่งเป็นโรงแรมระดับ3ถึง5 ดาว
ในรายละเอียด นักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ที่จองซื้อแพกเกจ เมื่อเดินทางเข้ามาถึงประเทศไทย จะได้รับไอดี การ์ดเป็นบัตรประจำตัว ฝังชิพข้อมูลประวัติส่วนตัวของนักท่องเที่ยว คล้ายบัตรสมาร์ท การ์ด โดยเฉพาะประวัติโรคประจำตัว การรักษาและยาที่ใช้ เพราะต้องเข้าใจว่ากลุ่มนี้เป็นผู้สูงอายุ โดยอัตราค่าบริการต่อเดือนจะเปิดบัญชีพร้อมเอทีเอ็มในไทย เพื่อใช้สำหรับให้รัฐบาลของเขาโอนเงินเข้าบัญชีมา โดยจะแบ่งเป็น 2 บัญชี คือ บัญชีสำหรับหักค่าแพกเกจที่ทีแอลเอ็มจะหักออกมา และ บัญชีที่สองเป็นบัญชีสำหรับไว้ใช้จ่าย คาดว่าค่าบริการเบื้องต้นจะคิดประมาณ 50% ของ รายได้ที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะได้รับจากรัฐสวัสดิการในแต่ละเดือน
"ตลาดแรกที่เราจะบุก คือ อังกฤษ และญี่ปุ่น เพราะ 2 ประเทศนี้มีรัฐสวัสดิการและมีประชากรวัยหลังเกษียณมากกว่าประเทศละ 20 ล้านคน โดยอังกฤษได้รัฐสวัสดิการขั้นต่ำคนละ 1.2 แสนบาทต่อเดือน และญี่ปุ่นได้รัฐสวัสดิการขั้นต่ำคนละ 8 หมื่นบาทต่อเดือน เบื้องต้นเราขอเพียง 1% ของคนวัยหลังเกษียรของทั้ง 2ประเทศก็มากกว่า 4 แสนคนแล้ว ตรงนี้เราจึงต้องคิดว่าแผนหาที่พักเพื่อรองรับเพิ่มขึ้น โดยตรงนี้จะอยู่ในโครงการเฟสที่สาม"
สำหรับเฟสที่สามมีแผนที่จะหาพันธมิตรซึ่งมีที่ดินอยู่แล้ว เช่น สนามกอล์ฟ เซนด์แอนดรู จ.ระยอง โดยใน 11 จังหวัดที่จะประกาศเป็นเมืองลองสเตย์ เท่าที่สำรวจมีสนามกอล์ฟ 20 แห่ง มีศักยภาพที่จะสร้างที่พักให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ โดยตั้งเป้าสร้าง 1 แสนห้อง ใน 11 จังหวัด ใช้เงินลงทุนราว 2 แสนล้านบาท ซึ่งตรงนี้จะเป็นการร่วมทุนระหว่างทีแอลเอ็ม กับ เอกชนเจ้าของที่ดิน
ซื้อช่องสถานีญี่ปุ่นเร่งโปรโมต
ในส่วนของแผนการตลาดเตรียมลงทุนราว 200 ล้านบาท เพื่อติดตั้งระบบการจัดการ ทั้งในเรื่องของระบบสมาชิก และระบบที่จะใช้ประสานงานกับพันธมิตร เพื่อลิงค์ข้อมูลถึงกัน นอกจากนั้นยังได้เจรจาเช่าช่องสถานีโทรทัศน์ที่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นช่องสถานีที่มีกลุ่มผู้ชมในวัยเกษียณอายุ โดยทีแอลเอ็มจะทำเป็นรายการเพื่อโปรโมตสถานที่พัก และแหล่งท่องเที่ยวของไทยที่เหมาะกับวัยหลังเกษียณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทุนจดทะเบียนของทีแอลเอ็มยังคงอยู่ที่ 100 ล้านบาท ชำระแล้ว 25% ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และยังไม่ได้มีการเรียกชำระทุนเพิ่ม โดยมีททท.เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 30% โดยมีผู้ถือหุ้นรายอื่นที่เป็นภาคเอกชนอีกรวม 70% ในที่นี้พันตำรวจเอก รวมนคร ทับทิมธงไชย ถือหุ้นในนามส่วนตัว 10% ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเพียงผู้ถือหุ้น แต่ ททท.ได้เสนอชื่อต่อคณะกรรมการบริษัทให้ พันตำรวจเอก รวมนคร เข้ามานั่งในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด
ทั้งนี้การปรับโครงสร้างและแผนการทำงานใหม่ทั้งหมดนี้นับเป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้มีการตั้งบริษัท ทีแอลเอ็มขึ้นมา เมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งที่ผ่านมามีผลประกอบการขาดทุนมาโดยตลอด และไม่มีแผนและระบบการทำงานที่ชัดเจน ซึ่งการจัดทำแผนการทำงานใหม่ทั้งหมดในครั้งนี้ ได้สั่งการโดย ททท.ให้ศึกษาและจัดทำแผนงานโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการสะดุดหรือหยุดการทำงาน