ใครๆก็อยากเป็นรัฐมนตรีด้วยกันทั้งนั้น !
ยิ่งมีราชรถมาเกย พาให้ได้เป็นรัฐมนตรี โดยไม่ต้องลงทุนลงแรง “เล่น” การเมือง ยิ่งเป็นจุดเด่นในวงการวิชาชีพนั้นเป็นอย่างยิ่ง !
กรณีศาสตราจารย์ นายแพทย์ สุชัย เจริญรัตนกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีเรื่องวุ่นวายและอื้ออึงอยู่ในขณะนี้ สื่อมวลชนส่วนใหญ่มุ่งไปจับประเด็น เรื่อง “สงครามตัวแทน” ระหว่าง “นายหญิง” กับ “เจ๊ใหญ่”
อันที่จริงพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาก่อน และได้จุดประกายแนวทางการวิเคราะห์กันไปได้มากมาย !
อันที่จริงเรื่องสงครามตัวแทนระหว่างวีรสตรีสองคนนั้น อาจมีเค้าความจริงอยู่เหมือนกัน ! แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามบทบทและพฤติกรรมของคุณหมอสุชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไปเสียทีเดียว !
ขอให้สังเกตคำกล่าวของคุณหมอสุชัย เมื่อแถลงเรื่องยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ในคำแถลงตอนหนึ่งมีความว่า :
“ผมไม่ใช่นักการเมือง แต่ได้มานั่งตรงนี้ เพราะรัฐบาลต้องการให้เข้ามาทำงานให้บ้านเมือง ตามสายวิชาชีพที่ถนัด....”
แปลกจริงๆ ไม่รู้เลยหรือว่าตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่ใช่ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ ! แต่เป็นตำแหน่งการเมืองแท้ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ทีเดียว !
กระโดดลงจาก “หอคอยงาช้าง” ลงมาจมอยู่ในบ่อ “น้ำครำ”ของการเมืองจนมิดหัวอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือ ?
ผู้ที่ประสบความสำเร็จในทางวิชาการและทางวิชาชีพ มักมีความรังเกียจการเมือง เห็นว่าเป็นเรื่องสกปรกโสมม
แต่พอมีราชรถมาเกย อัญเชิญให้เป็นรัฐมนตรี ก็หน้าบานรับตำแหน่งทีเดียว !
อย่างนี้โบราณท่านเรียกว่า “เกลียดตัวกินไข่ ! เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง !”
คุณหมอสุชัย มีลักษณะหลายอย่างคล้ายกับ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และในที่สุดได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ได้อำลาวงการเมืองไป
ทั้งคุณหมอสุชัยและคุณปุระชัย ต่างมีตำแหน่งทางวิชาการเป็น ศาสตราจารย์ด้วยกันทั้งคู่
ทั้งสองคนต่างเชื่อมั่นในตนเองว่าสามารถทำงานการเมืองด้านการบริหารด้วยความเที่ยงตรงเป็นไม้บรรทัดทีเดียว
ทั้งสองคนเป็นคนประเภท “ยอมหัก ไม่ยอมงอ” เหมือนกัน !
คุณปุระชัย เมื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ก็ถูกห้อมล้อมด้วยที่ปรึกษา ! ถึงขนาดข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงจะเข้าพบรัฐมนตรี ต้องผ่านที่ปรึกษารัฐมนตรีเสียก่อน
คุณหมอสุชัยก็เช่นเดียวกัน มีที่ปรึกษามากมาย และนัยว่าที่ปรึกษาของคุณหมอสุชัยล้วนมาจากกระทรวงมหาดไทยทั้งนั้น
การมีที่ปรึกษามากมายนั้น มีผลส่วนหนึ่งคือ ทำให้รัฐมนตรีไม่ได้ออกมาสัมผัสความเป็นจริงในกระทรวง ถูกห้อมล้อมและได้แต่รับฟังแต่คำบอกเล่าของที่ปรึกษาเสียเป็นส่วนใหญ่ !
ในหนังสือร้องเรียนของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงสาธารณสุข ได้บอกว่ามีการอ้างถึงคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งเรื่องนี้คุณหมอสุชัยได้ปฏิเสธว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
เรื่องก็คงเป็นความจริง คุณหมอสุชัยคงไม่ได้เป็นคนกล่าวอ้างชื่อภริยานายกรัฐมนตรี เพราะเป็นการผิดวิสัยคนระดับรัฐมนตรีจะพูดจาเช่นนั้น
แต่คนที่ชอบกล่าวอ้างถึงคุณหญิงพจมาน คงเป็นพวกที่ปรึกษารัฐมนตรีเสียมากกว่า เพราะบริวารย่อมชอบคุยโอ้อวดเส้นสายโยงใยของผู้เป็นเจ้านาย !
ในการโยกย้ายครั้งนี้ คุณหมอสุชัย ได้เปลี่ยนแปลงบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขเกือบทั้งกระทรวง !
เอาปลัดกระทรวงไปแขวนไว้ที่สำนักนายกรัฐมนตรี แล้วสับเปลี่ยนตำแหน่งอธิบดีกรมต่างๆ อีกถึง 9 คน
เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายแบบ “ล้างบาง” ขนาดถอนรากถอนโคนกันทีเดียว !
ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐมนตรีกับข้าราชการประจำนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน !
รัฐมนตรี เป็นเพียงคนนอกที่ก้าวเข้าคุมกระทรวง แต่ข้าราชการประจำนั้นอยู่ด้วยกัน แบบ “กินข้าวหม้อเดียวกัน” มาช้านานแล้ว !
รัฐมนตรีจะใช้แต่ “พระเดช” สั่งโยกย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ตามใจชอบก็คงไปไม่รอด !
คนเป็นรัฐมนตรีต้องรู้จักใช้ “พระคุณ” เป็นการเสริมสร้างบารมีของตนบ้างเหมือนกัน ไม่ใช่จะใช้อำนาจโยกย้ายฝ่ายข้าราชการประจำอยู่เรื่อยไป
กรณีนี้รัฐมนตรีเปิดช่องให้ฝ่ายข้าราชการประจำสามารถรวมหัวกันทำหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรีถึงสองครั้งสองหน
เป็นกันถึงเพียงนี้แล้ว รัฐมนตรีจะนั่งคุมกระทรวง มองหน้าข้าราชการประจำชั้นผู้ใหญ่ได้อย่างไร ?
อีกประการหนึ่ง คุณหมอสุชัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เพียง 6 เดือน ครั้งนี้เป็นการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการเป็นครั้งแรกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนนี้ ก็ไปรื้อการบริหารงานบุคคลของเดิมเสียจนยุ่งเหยิงไปหมด
การโยกย้ายแบบ “หักพร้าด้วยหัวเข่า” เช่นนี้ ย่อมต้องกระเทือนถึงความรู้สึกของผู้เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ซึ่งถูกย้ายไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
คุณหญิงสุดารัตน์เป็นนักการเมืองที่ลุ่มลึกทีเดียว ! ผิดกับคุณหมอสุชัย ซึ่งเป็นผู้ไร้เดียงสาทางการเมือง !
คุณหมอสุชัยได้แสดงความไร้เดียงสาทางการเมืองอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องประกาศการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่ให้มีผลเมื่อถึงสิ้นเดือนนี้
ตามปกติรัฐมนตรีลาออกก็มีผลทันที แต่คุณหมอสุชัยประกาศลาออกล่วงหน้า ทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร?
ตามคำพูดของคุณหมอสุชัยเอง อ้างว่าต้องใช้เวลาทำงานที่คั่งค้างให้แล้วเสร็จเสียก่อน
ก็แปลกดี ! เมื่อรัฐมนตรียังมีงานที่คั่งค้างอยู่ ทำไมมาประกาศลาออกล่วงหน้าร่วมเดือนทีเดียว ?
เมื่อมาประกาศลาออกล่วงหน้าเช่นนี้เสียแล้ว จะมีข้าราชการประจำฝ่ายไหนที่จะสนองงานรัฐมนตรีที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งอยู่แล้ว ?
การลาออกล่วงหน้าเช่นนี้ มีทางให้คิดได้อีกทางหนึ่ง !
รัฐมนตรีไม่ได้คิดลาออกจริงจังอะไรหรอก ! ต้องการให้นายกรัฐมนตรีด้วยอิทธิพลของ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ง้องอนให้ดำรงตำแหน่งต่อไป !
ถ้าประกาศจะลาออก แล้วก็ถอนใบลาออก ตามเสียงอ้อนวอนของนายกรัฐมนตรี คุณหมอสุชัยจะเหลือศักดิ์ศรี พอจะดูหน้าคนทั้งกระทรวงและคนทั้งบ้านทั้งเมืองได้อย่างไร !
กรณีหมอสุชัยครั้งนี้ เป็นบทเรียนที่ชี้ให้เห็นว่า คนเป็นนายแพทย์ ขนาดเป็นอาจารย์โรงเรียนแพทย์มาแล้ว ใช่ว่าจะมีความเหมาะสมจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสมอไปหรอก !
คนเป็นรัฐมนตรีต้องมีความเป็นนักการเมือง ! รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว จึงเหมาะสมเป็นรัฐมนตรีได้ดีกว่า !
เรื่องคุณหมอสุชัยคราวนี้ย่อมมีผลกระเทือนถึงนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรอย่างแน่นอน !
คุณทักษิณเป็นคนส่งราชรถไปอัญเชิญคุณหมอสุชัยให้มาเป็นรัฐมนตรีอยู่กระทรวงสาธารณสุข ในชั้นแรกได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ แต่พอตั้งรัฐบาลทักษิณ 2 หลังเลือกตั้งใหญ่คราวที่แล้วคุณหญิงสุดารัตน์ ถูกโยกให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คุณหมอสุชัยก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
แสดงว่านายกรัฐมนตรีทักษิณไว้วางใจคุณหมอสุชัยเป็นอย่างยิ่ง !
ทั้งนี้จะเป็นด้วยเหตุผลใดก็ไม่กระจ่างชัด แต่ก็มีข้ออ้างว่าคุณหมอสุชัยเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคระบบทางเดินหายใจ นายกรัฐมนตรีจึงเชิญให้มาเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อควบคุมการระบาดของไข้หวัดนก
มีเรื่องกล่าวกันเป็นภูมิหลังอีกด้านหนึ่งว่า คุณหมอสุชัยได้ดิบได้ดีคราวนี้ก็เพราะเป็นแพทย์ประจำตัวของมารดาคุณหญิงภริยาท่านนายกรัฐมนตรี!
ถึงอย่างไรก็ตาม คุณหมอสุชัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เพียง 6 เดือนกว่าเท่านั้น ก็มาก่อเรื่องโยกย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เป็นเรื่องอื้อฉาวคราวนี้ขึ้น
เรื่องนี้ถึงอย่างไรๆ ก็คงไม่พ้นตัวนายกรัฐมนตรีไปได้!
นายกรัฐมนตรีอาจอ้อนวอนให้คุณหมอสุชัย นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต่อไป
ถ้าคุณหมอสุชัยยอมถอนใบลาออก คุณหมอจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรอีก ! นอกจากนั่งปั้นหน้าเป็นรัฐมนตรีว่าการไปวันๆ อย่างนั้นหรือ ?
ถ้าคุณหมอสุชัย ยังยืนยันลาออก ก็เป็นภาระของคุณทักษิณที่จะหาใครมานั่งเก้าอี้รํฐมนตรีว่าการกระะทรวงสาธารณสุข
พอดีพอร้ายจะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งตอนปลายเดือนนี้เสียก็ไม่รู้ !
การปรับคณะรัฐมนตรีของคุณทักษิณในยุคนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต่อไปแล้ว เพราะการปรับคณะรัฐมนตรีแต่ละครั้ง จะมีผลเป็นการกระทบกระเทือนถึงรากฐานของพรรคไทยรักไทยทีเดียว
ต้องยกให้คุณหมอสุชัยว่ามีความสามารถเป็นพิเศษ ที่เป็นชนวนทำให้ความเป็น “ขาลง” ของรัฐบาลทักษิณ เพิ่มอัตราความเร็วยิ่งขึ้น !
ยิ่งมีราชรถมาเกย พาให้ได้เป็นรัฐมนตรี โดยไม่ต้องลงทุนลงแรง “เล่น” การเมือง ยิ่งเป็นจุดเด่นในวงการวิชาชีพนั้นเป็นอย่างยิ่ง !
กรณีศาสตราจารย์ นายแพทย์ สุชัย เจริญรัตนกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีเรื่องวุ่นวายและอื้ออึงอยู่ในขณะนี้ สื่อมวลชนส่วนใหญ่มุ่งไปจับประเด็น เรื่อง “สงครามตัวแทน” ระหว่าง “นายหญิง” กับ “เจ๊ใหญ่”
อันที่จริงพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาก่อน และได้จุดประกายแนวทางการวิเคราะห์กันไปได้มากมาย !
อันที่จริงเรื่องสงครามตัวแทนระหว่างวีรสตรีสองคนนั้น อาจมีเค้าความจริงอยู่เหมือนกัน ! แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามบทบทและพฤติกรรมของคุณหมอสุชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไปเสียทีเดียว !
ขอให้สังเกตคำกล่าวของคุณหมอสุชัย เมื่อแถลงเรื่องยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ในคำแถลงตอนหนึ่งมีความว่า :
“ผมไม่ใช่นักการเมือง แต่ได้มานั่งตรงนี้ เพราะรัฐบาลต้องการให้เข้ามาทำงานให้บ้านเมือง ตามสายวิชาชีพที่ถนัด....”
แปลกจริงๆ ไม่รู้เลยหรือว่าตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่ใช่ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ ! แต่เป็นตำแหน่งการเมืองแท้ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ทีเดียว !
กระโดดลงจาก “หอคอยงาช้าง” ลงมาจมอยู่ในบ่อ “น้ำครำ”ของการเมืองจนมิดหัวอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือ ?
ผู้ที่ประสบความสำเร็จในทางวิชาการและทางวิชาชีพ มักมีความรังเกียจการเมือง เห็นว่าเป็นเรื่องสกปรกโสมม
แต่พอมีราชรถมาเกย อัญเชิญให้เป็นรัฐมนตรี ก็หน้าบานรับตำแหน่งทีเดียว !
อย่างนี้โบราณท่านเรียกว่า “เกลียดตัวกินไข่ ! เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง !”
คุณหมอสุชัย มีลักษณะหลายอย่างคล้ายกับ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และในที่สุดได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ได้อำลาวงการเมืองไป
ทั้งคุณหมอสุชัยและคุณปุระชัย ต่างมีตำแหน่งทางวิชาการเป็น ศาสตราจารย์ด้วยกันทั้งคู่
ทั้งสองคนต่างเชื่อมั่นในตนเองว่าสามารถทำงานการเมืองด้านการบริหารด้วยความเที่ยงตรงเป็นไม้บรรทัดทีเดียว
ทั้งสองคนเป็นคนประเภท “ยอมหัก ไม่ยอมงอ” เหมือนกัน !
คุณปุระชัย เมื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ก็ถูกห้อมล้อมด้วยที่ปรึกษา ! ถึงขนาดข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงจะเข้าพบรัฐมนตรี ต้องผ่านที่ปรึกษารัฐมนตรีเสียก่อน
คุณหมอสุชัยก็เช่นเดียวกัน มีที่ปรึกษามากมาย และนัยว่าที่ปรึกษาของคุณหมอสุชัยล้วนมาจากกระทรวงมหาดไทยทั้งนั้น
การมีที่ปรึกษามากมายนั้น มีผลส่วนหนึ่งคือ ทำให้รัฐมนตรีไม่ได้ออกมาสัมผัสความเป็นจริงในกระทรวง ถูกห้อมล้อมและได้แต่รับฟังแต่คำบอกเล่าของที่ปรึกษาเสียเป็นส่วนใหญ่ !
ในหนังสือร้องเรียนของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงสาธารณสุข ได้บอกว่ามีการอ้างถึงคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งเรื่องนี้คุณหมอสุชัยได้ปฏิเสธว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
เรื่องก็คงเป็นความจริง คุณหมอสุชัยคงไม่ได้เป็นคนกล่าวอ้างชื่อภริยานายกรัฐมนตรี เพราะเป็นการผิดวิสัยคนระดับรัฐมนตรีจะพูดจาเช่นนั้น
แต่คนที่ชอบกล่าวอ้างถึงคุณหญิงพจมาน คงเป็นพวกที่ปรึกษารัฐมนตรีเสียมากกว่า เพราะบริวารย่อมชอบคุยโอ้อวดเส้นสายโยงใยของผู้เป็นเจ้านาย !
ในการโยกย้ายครั้งนี้ คุณหมอสุชัย ได้เปลี่ยนแปลงบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขเกือบทั้งกระทรวง !
เอาปลัดกระทรวงไปแขวนไว้ที่สำนักนายกรัฐมนตรี แล้วสับเปลี่ยนตำแหน่งอธิบดีกรมต่างๆ อีกถึง 9 คน
เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายแบบ “ล้างบาง” ขนาดถอนรากถอนโคนกันทีเดียว !
ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐมนตรีกับข้าราชการประจำนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน !
รัฐมนตรี เป็นเพียงคนนอกที่ก้าวเข้าคุมกระทรวง แต่ข้าราชการประจำนั้นอยู่ด้วยกัน แบบ “กินข้าวหม้อเดียวกัน” มาช้านานแล้ว !
รัฐมนตรีจะใช้แต่ “พระเดช” สั่งโยกย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ตามใจชอบก็คงไปไม่รอด !
คนเป็นรัฐมนตรีต้องรู้จักใช้ “พระคุณ” เป็นการเสริมสร้างบารมีของตนบ้างเหมือนกัน ไม่ใช่จะใช้อำนาจโยกย้ายฝ่ายข้าราชการประจำอยู่เรื่อยไป
กรณีนี้รัฐมนตรีเปิดช่องให้ฝ่ายข้าราชการประจำสามารถรวมหัวกันทำหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรีถึงสองครั้งสองหน
เป็นกันถึงเพียงนี้แล้ว รัฐมนตรีจะนั่งคุมกระทรวง มองหน้าข้าราชการประจำชั้นผู้ใหญ่ได้อย่างไร ?
อีกประการหนึ่ง คุณหมอสุชัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เพียง 6 เดือน ครั้งนี้เป็นการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการเป็นครั้งแรกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนนี้ ก็ไปรื้อการบริหารงานบุคคลของเดิมเสียจนยุ่งเหยิงไปหมด
การโยกย้ายแบบ “หักพร้าด้วยหัวเข่า” เช่นนี้ ย่อมต้องกระเทือนถึงความรู้สึกของผู้เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ซึ่งถูกย้ายไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
คุณหญิงสุดารัตน์เป็นนักการเมืองที่ลุ่มลึกทีเดียว ! ผิดกับคุณหมอสุชัย ซึ่งเป็นผู้ไร้เดียงสาทางการเมือง !
คุณหมอสุชัยได้แสดงความไร้เดียงสาทางการเมืองอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องประกาศการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่ให้มีผลเมื่อถึงสิ้นเดือนนี้
ตามปกติรัฐมนตรีลาออกก็มีผลทันที แต่คุณหมอสุชัยประกาศลาออกล่วงหน้า ทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร?
ตามคำพูดของคุณหมอสุชัยเอง อ้างว่าต้องใช้เวลาทำงานที่คั่งค้างให้แล้วเสร็จเสียก่อน
ก็แปลกดี ! เมื่อรัฐมนตรียังมีงานที่คั่งค้างอยู่ ทำไมมาประกาศลาออกล่วงหน้าร่วมเดือนทีเดียว ?
เมื่อมาประกาศลาออกล่วงหน้าเช่นนี้เสียแล้ว จะมีข้าราชการประจำฝ่ายไหนที่จะสนองงานรัฐมนตรีที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งอยู่แล้ว ?
การลาออกล่วงหน้าเช่นนี้ มีทางให้คิดได้อีกทางหนึ่ง !
รัฐมนตรีไม่ได้คิดลาออกจริงจังอะไรหรอก ! ต้องการให้นายกรัฐมนตรีด้วยอิทธิพลของ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ง้องอนให้ดำรงตำแหน่งต่อไป !
ถ้าประกาศจะลาออก แล้วก็ถอนใบลาออก ตามเสียงอ้อนวอนของนายกรัฐมนตรี คุณหมอสุชัยจะเหลือศักดิ์ศรี พอจะดูหน้าคนทั้งกระทรวงและคนทั้งบ้านทั้งเมืองได้อย่างไร !
กรณีหมอสุชัยครั้งนี้ เป็นบทเรียนที่ชี้ให้เห็นว่า คนเป็นนายแพทย์ ขนาดเป็นอาจารย์โรงเรียนแพทย์มาแล้ว ใช่ว่าจะมีความเหมาะสมจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสมอไปหรอก !
คนเป็นรัฐมนตรีต้องมีความเป็นนักการเมือง ! รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว จึงเหมาะสมเป็นรัฐมนตรีได้ดีกว่า !
เรื่องคุณหมอสุชัยคราวนี้ย่อมมีผลกระเทือนถึงนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรอย่างแน่นอน !
คุณทักษิณเป็นคนส่งราชรถไปอัญเชิญคุณหมอสุชัยให้มาเป็นรัฐมนตรีอยู่กระทรวงสาธารณสุข ในชั้นแรกได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ แต่พอตั้งรัฐบาลทักษิณ 2 หลังเลือกตั้งใหญ่คราวที่แล้วคุณหญิงสุดารัตน์ ถูกโยกให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คุณหมอสุชัยก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
แสดงว่านายกรัฐมนตรีทักษิณไว้วางใจคุณหมอสุชัยเป็นอย่างยิ่ง !
ทั้งนี้จะเป็นด้วยเหตุผลใดก็ไม่กระจ่างชัด แต่ก็มีข้ออ้างว่าคุณหมอสุชัยเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคระบบทางเดินหายใจ นายกรัฐมนตรีจึงเชิญให้มาเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อควบคุมการระบาดของไข้หวัดนก
มีเรื่องกล่าวกันเป็นภูมิหลังอีกด้านหนึ่งว่า คุณหมอสุชัยได้ดิบได้ดีคราวนี้ก็เพราะเป็นแพทย์ประจำตัวของมารดาคุณหญิงภริยาท่านนายกรัฐมนตรี!
ถึงอย่างไรก็ตาม คุณหมอสุชัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เพียง 6 เดือนกว่าเท่านั้น ก็มาก่อเรื่องโยกย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เป็นเรื่องอื้อฉาวคราวนี้ขึ้น
เรื่องนี้ถึงอย่างไรๆ ก็คงไม่พ้นตัวนายกรัฐมนตรีไปได้!
นายกรัฐมนตรีอาจอ้อนวอนให้คุณหมอสุชัย นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต่อไป
ถ้าคุณหมอสุชัยยอมถอนใบลาออก คุณหมอจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรอีก ! นอกจากนั่งปั้นหน้าเป็นรัฐมนตรีว่าการไปวันๆ อย่างนั้นหรือ ?
ถ้าคุณหมอสุชัย ยังยืนยันลาออก ก็เป็นภาระของคุณทักษิณที่จะหาใครมานั่งเก้าอี้รํฐมนตรีว่าการกระะทรวงสาธารณสุข
พอดีพอร้ายจะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งตอนปลายเดือนนี้เสียก็ไม่รู้ !
การปรับคณะรัฐมนตรีของคุณทักษิณในยุคนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต่อไปแล้ว เพราะการปรับคณะรัฐมนตรีแต่ละครั้ง จะมีผลเป็นการกระทบกระเทือนถึงรากฐานของพรรคไทยรักไทยทีเดียว
ต้องยกให้คุณหมอสุชัยว่ามีความสามารถเป็นพิเศษ ที่เป็นชนวนทำให้ความเป็น “ขาลง” ของรัฐบาลทักษิณ เพิ่มอัตราความเร็วยิ่งขึ้น !