xs
xsm
sm
md
lg

แผ่วเพลงเดือนตุลา : 2548 , คนโลภ และพลังใจ...

เผยแพร่:   โดย: สำราญ รอดเพชร

samr_rod@hotmail.com

คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อฟังเสียงบทความนี้โดยเจ้าของคอลัมน์


-1-

พรุ่งนี้ก็ 6 ตุลาคม อีกแล้ว...ครบรอบ 29 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 และถัดไปอีกไม่กี่วันก็จะครบรอบ 32 ปีเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516...

สองเหตุการณ์ใหญ่ล้วนแต่เป็นหน้าประวัติศาสตร์แห่งความเป็นไปและเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ถูกบันทึกเอาไว้แล้วในแผ่นดิน...

แม้ยังมีคนรุ่นหลังมากมายที่รู้สึกแปลกหน้า แปลกแยกกับสองเหตุการณ์ แต่ก็มีเรื่องราวให้ค้นหามาอ่านได้อย่างง่ายดายและมากมาย ทั้งตามสถาบันศึกษาหรือแม้แต่ทางอินเตอร์เน็ตในยุค..คิดอะไรไม่ออกบอก google

คนรุ่นหลัง รุ่นใหม่ที่มีพ่อแม่ลุงป้าน้าอาที่ผูกพันหรือรู้และพอจะเข้าใจสองเรื่องราว ก็สามารถแคะความทรงจำจากคนเหล่านั้นได้...

ผมมีลูกสาวเรียนหนังสืออยู่ ม.6 เมื่อตอนที่เธอเรียนอยู่ม.3 ผมก็เคยถูกถาม...14 ตุลา 6 ตุลา มันยังไงล่ะพ่อ ..?

คนถูกถามดีใจจนขนลุก นึกในใจ..จะต้องเล่าให้ฟังเสียให้เข็ด....แต่เอาเข้าจริงเพราะเล่าไม่สนุกหรือเพราะคุณลูกเธอสมาธิสั้นหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เล่าไปได้ร่วมๆ สิบนาทีเธอก็บอกว่า...ค่อยเล่าต่อฉบับหน้าเถอะพ่อ...!!

ผ่านมา 3 ปีกว่าแล้ว “ฉบับหน้า” ที่ว่ายังไม่มีอะไรคืบ...แย่ทั้งคุณพ่อคุณลูก.. !!

-2-

ตุลาคม 2548 ปีนี้...ผมค่อนข้างรู้สึกดี และตื่นเต้นกับวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม ที่จะมาถึง...

“คาราวาน” วงดนตรีเพื่อชีวิตวงแรกในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลา จะไปกันเต็มวงเพื่อแสดงในรายการ “เมืองไทย รายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 3 ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2548 “น้าหงา”สุรชัย จันทิมาธร แห่งวงคาราวาน หอบกีตาร์ตัวเดียวพร้อมบทเพลงชื่อ “ 2548”ที่เขียนค้างเอาไว้..ไปแก้ไขเติมเต็มและใส่คอร์ดบรรเลงให้กำลังใจคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าสำนักเครือผู้จัดการ กันต่อหน้าต่อใจ...

ผมฟังไปคิดไป..ตื้นตันแต่ยอมรับว่าเกิดอาการตื้อต่อคำถามจากเนื้อหาของเพลงประมาณว่า....เราจะไปทางไหนกัน ระหว่างทางสายเดิม.. สาย “บริโภค” สะดวกสบายแต่หนี้สินบานตะไทอย่างปัจจุบัน กับทางสายป่า..สายที่ต้องพึ่งตนเองหรือสาย ”พอเพียง”…

ที่ออกอาการตื้อๆ ก็เพราะ..มองไปทางไหนในปัจจุบันก็ไม่เห็นหนทางที่เป็นไปได้ว่ารัฐบาลจะนำพาประเทศเดินทางไปบนถนนสาย “พอเพียง”

ที่เห็นและเป็นไป...มีหนี้ก็เอาหนี้ล้างหนี..ปลดล็อคหนี้นอกระบบ...เพื่อรักษารถยนต์ ตู้เย็นเอาไว้ใช้...จะได้มีเศษเสี้ยวแรงใจผ่อนหนี้ผ่อนสินกันต่อไป..ก็แค่นั้น..

แต่ถึงอย่างไรผมก็ยอมรับว่า กับระบบเศรษฐกิจพอเพียง ผม (และน่าจะมีใครอีกหลายคน) ก็ยังสัมผัสได้แต่เพียงพื้นผิวปรัชญา ยังไม่เข้าใจถึงแก่น..

วันพรุ่งนี้ (พฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม) ผมรอมานานที่จะไปฟังการสัมมนาเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่จัดโดยอนุกรรมการว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ฯ ซึ่งอนุกรรมการชุดนี้มีดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผอ.สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นประธาน

แต่สำหรับวันที่ 7 ตุลาคม ก็อยากย้ำซ้ำ... ใครอยากฟังเสียงแหบโหยแต่ไพเราะกินใจในบทกวีเสียงเพลง ของ “น้าหงา”และชาวคาราวาน..ต้องไปธรรมศาสตร์...

พูดถึง “2548” เพลงใหม่ล่าสุดของ น้าหงา คาราวาน ก็กระหวัดคิดถึงเพลงใหม่ อัลบั้มใหม่ของวงดังอย่างคาราบาวที่ชื่อ “ซึม เศร้า เหงา แฮ้งค์”ได้ข่าวว่าอัลบั้มนี้มีคุณทิวา สาระจูฑะ บก.นิตยสารสีสัน มาร่วมสร้างสรรค์ค์ แต่งเพลงอินเทรนด์คนรู้ทันชื่อ “คนโลภ” ให้แอ๊ด คาราบาว ร้องได้อารมณ์แสบสันต์ยิ่ง...
“ .....ฯลฯ.....
เป็นเพราะพ่อแม่สั่งสอนวิธีการ               หรือเป็นสันดานที่ติดตัวเฉพาะตน
อิ่มหมีพีมันด้วยเชิงชั้นทุรชน              เหยียบย่ำร่างที่ร่วงหล่นเป็นรายทาง
เพื่อเมียเพื่อลูกครอบครัวของตน              จึงข่มเหง ฉ้อฉลและฉกฉวย
หาช่องนำอำนาจมาอำนวย              ยิ่งร่ำรวยก็ยิ่งไม่รู้จักพอ
ระวังกรรมตามทัน              สักวันไม่มีแผ่นดินอยู่
ระวังกรรมจะตามทัน               แต่จะมาเมื่อไหร่ไม่รู้...”

อันที่จริงผมเพิ่งไปชมการแสดงสดคอนเสิร์ตเล็ก ๆ ของคาราบาวที่ผับแห่งหนึ่งเมื่อ 24 กันยายน ที่ผ่านมา นอกจากแอ๊ด และอ๊อด คาราบาวแล้ว เล็ก คาราบาว, เทียรี่ เมฆวัฒนา ก็ทยอยกันมา...

ตัดคำครหา ข้อคิดความเห็นเรื่องการทำธุรกิจและวิธีคิดเพื่อส่วนตัวออกไป ผมยอมรับว่า..แอ๊ดและคาราบาวนั้น “ยิ่งใหญ่” ในการสร้างสรรค์ดนตรีและเสียงเพลงที่ทะลุทะลวงเข้าไปถึงแทบทุกชั้นชนและรสนิยม...

แม้เสียงเพลงและดนตรีของคาราบาวจะออกไปทาง...มัน ได้อารมณ์มากกว่าที่จะได้ความดื่มด่ำ ความงดงามแห่งความรู้สึกแบบคาราวาน ก็ตาม...

ผมเข้าใจว่า...คำถามที่คนในสังคมบางส่วนที่คาดหวังต่อแอ๊ดและคาราบาว...เขาไม่ได้ติดใจเรื่องผลงานเพลงแม้แต่น้อย เพียงแต่คงจะเรียกร้องหรืออยากเห็นแอ๊ด คาราบาว...ที่ยืนอยู่ ณ จุดที่มีโอกาสทำงาน ทำเงินได้มากมายและเข้าถึงมวลชนอันไพศาลจะได้มีกิจกรรมที่เกี่ยวร้อยผดุงความเป็นธรรมสังคมมากกว่าที่เป็นอยู่...มากกว่าการผลิตบทเพลง ที่ได้ชื่อว่าเป็นบทเพลงเพื่อชีวิตเพียงอย่างเดียว...

แอ๊ด คาราบาว เป็นคนเก่งคนกล้าแน่นอน... แต่สำคัญว่าสุดท้ายแล้ว..กล้าเพื่อใคร..?

3.

สุดท้ายก็ขอร่วมไว้อาลัยการจากไปของ กิตติพงษ์ บุญประสิทธิ์ หรือ “ตี้ กรรมาชน” นักต่อสู้แนวรบวัฒนธรรมของประชาชนที่จากไปเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2548 ที่ผ่านมา...

“พลังใจ” คือบทเพลงล่าสุดเพลงหนึ่งที่ “ตี้ กรรมาชน”และภรรยาของเขา..นิตยา บุญประสิทธิ์ ร่วมกันรังสรรค์ให้วงดนตรี “กำลังใจ” ได้ขับขานอย่างงดงาม ไพเราะและมีพลัง...

“ดังสายลมที่พัดผ่าน ลานป่า    พาใบไม้พลัดถิ่น
ดังสายน้ำที่ไหลริน พัดพานำดวงใจฉันมาใกล้เธอ
ความหวังดีที่เธอให้ สังคม   ฉันชื่นชมเธอเสมอ
เพื่อพี่น้องผู้ยากไร้     รวมดวงใจของเราฟันฝ่า..”
........................

สู้กับปี “2548 “ สู้กับ “คนโลภ”.ต้องใช้ “พลังใจ” และความเสียสละความกล้าหาญสูง...

ในขณะที่บ้านเมืองเรายามนี้ดูเหมือนจะมีคนดี คนเก่งเป็นจำนวนมาก แต่ใช่หรือไม่ว่า..เราขาดแคลน “คนกล้า” !!??
กำลังโหลดความคิดเห็น