เอาท์ดอร์ อินโนเวชั่นเตรียมรุกตลาดสินค้าแฟชั่นแนวผจญภัยหนักปีหน้า ล่าสุดส่งแบรนด์น้องใหม่ “แอดเวนเจอร์-อี” หวังขยายฐานลูกค้าสู่คนรุ่นใหม่ พร้อมเล็งขยายตลาดส่งออกในย่านเอเชีย คาดภายใน 3 ปีติดตลาดเหมือนอีควิกน็อกซ์ เผยภาวะเศรษฐกิจกระทบต่อบริษัทโดยตรง แก้เกมหันสู้เรื่องราคาและโปรโมชั่น ตั้งเป้าสิ้นปียอดขายทะลุ 100 ล้านบาท
นายวาสิต สิโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอาท์ดอร์ อินโนเวชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กลางแจ้ง ภายใต้แบรนด์คารานาและอีควิกน็อกซ์ เอ็กซ์ตรีม เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯ เตรียมรุกทำตลาดอย่างจริงจังในกลุ่มสินค้าแฟชั่นแนวแอดเวนเจอร์ ภายใต้แบรนด์ใหม่ “แอดเวนเจอร์ – อี” โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ ซึ่งระดับราคาของแบรนด์ใหม่จะเฉลี่ยประมาณ 750 บาทขึ้นไป ซึ่งถือว่ามีราคาถูกกว่าอีควิกน็อซ์ที่เป็นแบรนด์พรีเมี่ยมและเจาะกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่อยู่ 40-50%
บริษัทฯเตรียมใช้งบทางการตลาด 10% ของยอดขายในการสร้างแบรนด์และทำตลาดแอดเวนเจอร์-อีให้ติดตลาดเหมือนอีควิกน็อกซ์ภายใน 3 ปี แต่อาจจะติดตลาดเร็วหากภาครัฐสามารถควบคุมเศรษฐกิจได้เร็ว ขณะที่คู่แข่งของบริษัทฯจะเป็นแบรนด์อิมพอร์ตทั่วไป แต่ถ้าเป็นคู่แข่งโดยตรงยังไม่มีแบรนด์ใดที่โดดเด่นเรื่องแฟชั่นและนวัตกรรมที่เหมาะสมกับคนรุ่นใหม่อย่างของบริษัทฯ เช่น นวัตกรรม Dry Fast ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่ายอดขายแอดเวนเจอร์-อีในปีหน้าคิดเป็นสัดส่วน 50% ของยอดขายรวมบริษัทฯ
ประกอบกับปีหน้าบริษัทฯจะส่งออกแบรนด์แอดเวนเจอร์-อีไปทำตลาดต่างประเทศในย่านรีจีนอลเอเชีย เช่น ฮ่องกงและไต้หวัน ฯลฯ เนื่องจากสินค้าแบรนด์ใหม่นี้มีฟังก์ชั่นและดีไซน์ที่เหมาะกับคนเอเชีย ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อีควิกน็อกซ์ที่มีการส่งออกไปยังหลายประเทศ เช่น แคนาดา,เวเนซุเอล่า,สวีเดน,ออสเตรเลีย และฮ่องกง เป็นต้น
นางสาวอักษราลักษณ์ อมรชัยพฤกษ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทอินโนเวชั่นฯ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีสมาชิกประจำอยู่ 2,000-3,000 ราย แบ่งเป็นผู้ชาย 70% และผู้หญิง 30% ปีหน้าคาดว่าสัดส่วนจะเปลี่ยนไปเป็นผู้ชาย 50% และผู้หญิง 50% จากการที่บริษัทฯเตรียมออกสินค้าเสื้อผ้าในรูปแบบผู้หญิงมากขึ้นในแบรนด์แอดเวนเจอร์-อี
ขณะที่ช่องทางการขายสินค้าของบริษัทฯในปัจจุบันมีที่อีควิกน็อกซ์ชอป 2 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัล พระราม 3 และย่านสุขุมวิท โดยเตรียมเปิดสาขาที่ 3ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ในเดือนพฤษจิกายนนี้ และตั้งเป้าเปิดชอปให้ครบ 5 สาขาในปีหน้า นอกจากนี้ยังมีขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าทั่วไปกว่า 32 สาขา
สำหรับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันบริษัทฯได้รับผลกระทบโดยตรงจากการที่ราคาน้ำมันแพง , ต้นทุนการผลิตเพิ่ม และกำลังซื้อของลูกค้าลดลง ซึ่งหากคิดเป็นรายได้เฉลี่ยโดยรวมของบริษัทฯลดลงไป 30% โดยยอดรายได้ 9 เดือนที่ผ่านมาพบว่ายอดขายยังไม่ถึงเป้าเพราะกำไรหายไป ดังนั้นบริษัทฯจึงต้องเล่นเรื่องโปรโมชั่นและราคามากขึ้น เช่น ซื้อสินค้า 1 ตัวแถมอีก 1 ตัว ฯลฯ เพื่อให้สิ้นปียอดรายได้เป็นไปตามหรือทะลุ 100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแบรนด์คารานา 70% และที่เหลืออีก 30%
นายวาสิต สิโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอาท์ดอร์ อินโนเวชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กลางแจ้ง ภายใต้แบรนด์คารานาและอีควิกน็อกซ์ เอ็กซ์ตรีม เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯ เตรียมรุกทำตลาดอย่างจริงจังในกลุ่มสินค้าแฟชั่นแนวแอดเวนเจอร์ ภายใต้แบรนด์ใหม่ “แอดเวนเจอร์ – อี” โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ ซึ่งระดับราคาของแบรนด์ใหม่จะเฉลี่ยประมาณ 750 บาทขึ้นไป ซึ่งถือว่ามีราคาถูกกว่าอีควิกน็อซ์ที่เป็นแบรนด์พรีเมี่ยมและเจาะกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่อยู่ 40-50%
บริษัทฯเตรียมใช้งบทางการตลาด 10% ของยอดขายในการสร้างแบรนด์และทำตลาดแอดเวนเจอร์-อีให้ติดตลาดเหมือนอีควิกน็อกซ์ภายใน 3 ปี แต่อาจจะติดตลาดเร็วหากภาครัฐสามารถควบคุมเศรษฐกิจได้เร็ว ขณะที่คู่แข่งของบริษัทฯจะเป็นแบรนด์อิมพอร์ตทั่วไป แต่ถ้าเป็นคู่แข่งโดยตรงยังไม่มีแบรนด์ใดที่โดดเด่นเรื่องแฟชั่นและนวัตกรรมที่เหมาะสมกับคนรุ่นใหม่อย่างของบริษัทฯ เช่น นวัตกรรม Dry Fast ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่ายอดขายแอดเวนเจอร์-อีในปีหน้าคิดเป็นสัดส่วน 50% ของยอดขายรวมบริษัทฯ
ประกอบกับปีหน้าบริษัทฯจะส่งออกแบรนด์แอดเวนเจอร์-อีไปทำตลาดต่างประเทศในย่านรีจีนอลเอเชีย เช่น ฮ่องกงและไต้หวัน ฯลฯ เนื่องจากสินค้าแบรนด์ใหม่นี้มีฟังก์ชั่นและดีไซน์ที่เหมาะกับคนเอเชีย ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อีควิกน็อกซ์ที่มีการส่งออกไปยังหลายประเทศ เช่น แคนาดา,เวเนซุเอล่า,สวีเดน,ออสเตรเลีย และฮ่องกง เป็นต้น
นางสาวอักษราลักษณ์ อมรชัยพฤกษ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทอินโนเวชั่นฯ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีสมาชิกประจำอยู่ 2,000-3,000 ราย แบ่งเป็นผู้ชาย 70% และผู้หญิง 30% ปีหน้าคาดว่าสัดส่วนจะเปลี่ยนไปเป็นผู้ชาย 50% และผู้หญิง 50% จากการที่บริษัทฯเตรียมออกสินค้าเสื้อผ้าในรูปแบบผู้หญิงมากขึ้นในแบรนด์แอดเวนเจอร์-อี
ขณะที่ช่องทางการขายสินค้าของบริษัทฯในปัจจุบันมีที่อีควิกน็อกซ์ชอป 2 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัล พระราม 3 และย่านสุขุมวิท โดยเตรียมเปิดสาขาที่ 3ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ในเดือนพฤษจิกายนนี้ และตั้งเป้าเปิดชอปให้ครบ 5 สาขาในปีหน้า นอกจากนี้ยังมีขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าทั่วไปกว่า 32 สาขา
สำหรับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันบริษัทฯได้รับผลกระทบโดยตรงจากการที่ราคาน้ำมันแพง , ต้นทุนการผลิตเพิ่ม และกำลังซื้อของลูกค้าลดลง ซึ่งหากคิดเป็นรายได้เฉลี่ยโดยรวมของบริษัทฯลดลงไป 30% โดยยอดรายได้ 9 เดือนที่ผ่านมาพบว่ายอดขายยังไม่ถึงเป้าเพราะกำไรหายไป ดังนั้นบริษัทฯจึงต้องเล่นเรื่องโปรโมชั่นและราคามากขึ้น เช่น ซื้อสินค้า 1 ตัวแถมอีก 1 ตัว ฯลฯ เพื่อให้สิ้นปียอดรายได้เป็นไปตามหรือทะลุ 100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแบรนด์คารานา 70% และที่เหลืออีก 30%