xs
xsm
sm
md
lg

ลองดูไอ้เฉิ่มกันสักหน่อย!

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

ก็ต้องขอรับสารภาพกันตรง ๆ ว่าในวันนี้จะต้องเชียร์ให้ผู้คนทั้งปวงลองดูหนังกันสักเรื่องหนึ่งคือเรื่องเฉิ่ม ซึ่งความจริงควรจะชื่อว่าไอ้เฉิ่มเสียด้วยซ้ำไป หนังเรื่องนี้สร้างโดยสหมงคลฟิล์มของเสี่ยงเจียง โดยมีหม่ำ จ๊กมก เป็นพระเอก และนุ่นหรือวรนุช วงษ์สวรรค์ เป็นนางเอก

ตั้งแต่รู้จักเขียนหนังสือหนังหาเป็นตัวตนมาถึงวันนี้กว่าสามสิบปีแล้วยังไม่เคยวิจารณ์หนังละครเลยแม้แต่สักเรื่องเดียว และไม่เคยเชียร์หรือตำหนิติเตียนหนังละครใด ๆ เลย

เหตุที่ต้องมาเชียร์หนังเรื่องไอ้เฉิ่มหรือเฉิ่มในวันนี้ก็เพราะมีแรงบันดาลใจจริง ๆ ซึ่งเชื่อว่ามิตรรักแฟนเพลงทั้งหลายหากได้ฟังเหตุฟังผลดังที่จะกล่าวต่อไปนี้แล้วก็อาจเห็นพ้องต้องกัน

เหตุผลบันดาลใจข้อแรกก็คือ ในทุกวันนี้ทั้งวงการหนังโทรทัศน์ หนังโรง และหนังแผ่นล้วนแต่เป็นเรื่องน้ำเน่า เป็นเรื่องเพ้อฝัน เหลวไหลไร้สาระ ที่ส่งผลให้ผู้คนเหินห่างออกไปจากความเป็นจริง เร่เข้าไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการแบบลม ๆ แล้ง ๆ

แล้วในที่สุดก็กลายเป็นคนแบบน้ำเน่า หรือไม่ก็ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมที่สร้างความเดือดร้อนให้กับตนเองและผู้อื่น หรือไม่ก็บ้าสิ่งที่เรียกว่าความหรูเริดหรือค่านิยมใหม่ ๆ ที่ทำให้คนกลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน

การที่เสี่ยเจียงมาทำหนังเรื่องนี้โดยแหวกว่ายออกมาจากกระแสนิยมบ้า ๆ บอ ๆ เช่นนั้นจึงเป็นแรงบันดาลใจทำให้ต้องอยากเชียร์เพื่อให้ผู้สร้างหนังหรือละครอื่นๆ รวมทั้งนักจัดรายการอื่น ๆ ได้ถือเป็นแง่คิดสะกิดใจ

และถ้ามีอานิสงส์ทำให้นายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา และนายกนก รัตนวงศ์สกุล กลับมาเป็นคนเดิมที่กล้าหาญชาญชัยในการนำความจริงมาบอกกล่าวกับชาวบ้าน กล้าหาญชาญชัยที่จะชี้ประเด็นสำคัญ ๆ ของบ้านเมืองดังแต่ก่อนได้แล้ว ก็ต้องถือว่าบทความนี้มีอานิสงส์มาก

ก็ต้องบอกว่า 3-4 เดือนมานี้รู้สึกผิดหวังกับสองยอดพิธีกรดังกล่าวจนต้องเลิกดูรายการไปแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นแฟนกันมาช้านานตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มเป็นแน่นและเพิ่งเริ่มต้นอาชีพพิธีกรใหม่ ๆ ในขณะที่ยังไม่ดังด้วยซ้ำ อย่าให้ใครเขาหมิ่นได้ว่าประชาชนสนับสนุนให้ดังแล้วกลับมาทอดทิ้งประชาชนเสียในภายหลัง

แรงบันดาลใจข้อถัดมาก็คือ หนังเรื่องนี้กล้าหาญชาญชัยที่จะกำหนดให้คนมีอาชีพขับรถแท็กซี่เป็นพระเอกของเรื่อง และกำหนดให้คนที่มีอาชีพหมอนวดเป็นนางเอกของเรื่อง ทั้งๆที่อาชีพทั้งสองนี้ในกระแสสังคมปัจจุบันนี้พากันดูหมิ่นดูแคลน จนจะไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว

ในทุกวันนี้คนขับแท็กซี่ถูกคนบางกลุ่มบางเหล่าถือว่าเป็นพลเมืองชั้นแปด ไม่มีปากไม่มีเสียง รีดได้ไถได้ ข่มเหงได้ตีหัวได้ จะเช่ารถก็ต้องเสียค่าคิว จะจอดที่ไหนก็ต้องเสียค่าจอด ขับรถไปตามถนนก็ต้องเสียค่าด่านทั้งรีดทั้งไถสารพัด จับเมื่อใดไถเมื่อนั้น

ทั้งๆ ที่เป็นอาชีพหาเช้ากินค่ำที่สุจริต ไม่คด ไม่โกง ไม่เบียดเบียนใคร มีแต่อำนวยความสะดวกให้กับคนอื่นกลับถูกเหยียบย่ำดูหมิ่นดูแคลน

ส่วนอาชีพหมอนวดนั้นเป็นอาชีพที่คนถูกทำให้เป็นสินค้าบำรุงบำเรอกาม โดยลูกหลานชาวบ้านกลายเป็นสินค้า ในขณะที่ผู้อวดอ้างว่าเป็นคนมีหน้ามีตามีฐานะในสังคมเสพสุขอยู่บนหยาดเหงื่อน้ำกามของลูกหลานชาวบ้าน

ถูกเอาเปรียบรีดไถข่มขี่ข่มเหงดูถูกดูแคลนสารพัด จัดเป็นพลเมืองชั้นที่แปดเหมือนกัน แต่นั่นก็เป็นลูกหลานชาวบ้านเราท่านนั่นแหละ

การที่เสี่ยเจียงแห่งสหมงคลฟิล์มกล้าหาญชาญชัยทำให้คนมีอาชีพขับรถแท็กซี่เป็นพระเอก คนมีอาชีพหมอนวดเป็นนางเอกเช่นนี้ก็ต้องถือว่าเป็นความกล้าที่กล้าเชิดชูผู้ใช้แรงงานที่สุจริต ที่ถูกกดขี่ข่มเหงรีดไถเอารัดเอาเปรียบดูหมิ่นดูแคลน

ดังนั้นบรรดาผู้มีอาชีพขับรถแท็กซี่ หมอนวด ผู้ขายบริการ และผู้ใช้แรงงานทั้งประเทศจึงควรจะได้ดูหนังเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ต้องถือว่าเป็นการช่วยพวกและยกย่องพวกกันเอง

ก็ทีบรรดากลุ่มทุนผูกขาดเขาเล่นกันแต่พวกแต่พ้องยังทำได้ แล้วทำไมบรรดาผู้ใช้แรงงาน ผู้ขายบริการทั้งหลาย หรือคนยากคนจนทั้งหลายจะเล่นพรรคเล่นพวกกันบ้างไม่ได้เล่า!

แม้พวกวัยรุ่นหรือผู้มีฐานะอันจะกินหรือผู้มีการศึกษาก็ตามก็น่าจะได้ดูหนังเรื่องนี้กันเพราะอย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าเกิดมาเป็นคนแล้วไม่ว่าอาชีพใดก็ต้องเป็นคนอยู่ร่ำไป และคนแต่ละอาชีพต่างก็มีวิถีชีวิต มีความทุกข์ ความโศก ความสุข ความเศร้าเคล้าคละกันไปเหมือนกันทั้งสิ้น

คนที่ผิดหวังชอกช้ำระกำใจก็น่าจะได้ไปดูเพราะจะได้เห็นชีวิตของคนว่าที่ทุกข์ยากโศกเศร้าผิดหวังเคล้าน้ำตาอยู่นั้นหาใช่มีแต่เราไม่ เพื่อนมนุษย์ที่ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันในสังคมไทยทุกวันนี้อย่างพระเอกนางเอกในหนังเรื่องนี้ก็มีความโศกเศร้า มีความทุกข์ มีความระทมขมขื่นใจมากกว่าเราเสียอีก

จะได้เป็นกำลังใจในการเผชิญหน้ากับปัญหาและในการดำเนินชีวิต จะได้ไม่ท้อแท้ผิดหวังหรือคิดสั้น อย่างนี้ก็ต้องถือว่าหนังเรื่องนี้มีอานิสงส์มาก

เหตุผลบันดาลใจต่อมาก็คือ ตัวตลกแบบหม่ำ จ๊กมก ก็สามารถเป็นพระเอกได้ ไม่จำเป็นต้องเอาพวกลูกครึ่งหรือดารานำลูกครึ่งที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเสมอไป

คนอีสานบ้านนอกท่าทางเชย ๆ ไม่รู้ประสีประสา พูดจาก็ไม่เป็น แต่เมื่อมีความซื่อสัตย์สุจริต มีความจริงใจต่อเพื่อนมนุษย์และมีความเป็นอยู่ที่พอเพียงตามอัตภาพ ไม่ฟุ้งเฟ้อเพ้อฝันก็สามารถดำรงชีวิตอย่างมีความสุขตามอัตภาพได้

ไฟแห่งความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่เผาผลาญคนยากคนจนที่รู้จักความพอเพียง ตรงกันข้ามหากไม่รู้จักความพอเพียงแล้ว เมื่อนั้นไฟของความโลภ ความโกรธ ความหลง ไฟแห่งพยาบาท ไฟแห่งตัณหาราคะ ไฟแห่งความฟุ้งเฟ้อฟุ้งซ่าน ไฟแห่งความหดหูห่อเหี่ยวและความระแวงสงสัยคนทั้งปวงจนกระทั่งเสียสติก็ย่อมมาถึงตัว

ถึงจะมีอำนาจวาสนาสักเท่าใด ถึงจะมีความรู้สูงส่งสักเท่าใด ถึงจะร่ำรวยมหาศาลสักเท่าใด ถึงจะมีผู้คนประดับบารมีมากมายสักเท่าใด แต่ไหนเลยจะมีความสุขกาย สุขใจทั้งส่วนตน ส่วนท่านได้ เพราะแรงไฟที่ประดังกันเข้ามานั้นจะต่างอะไรกันเล่ากับไฟประลัยกัลป์หรือไฟนรก

เพราะเหตุนี้พระอริยเจ้าท่านจึงสอนสั่งให้คนทั้งหลายรู้จักความพอเพียง รู้จักความสันโดษ ก็จะถึงซึ่งความมงคลแก่ชีวิต ถึงซึ่งความเจริญในธรรม และจะไม่พ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง คือไม่พ่ายแพ้ต่ออำนาจแห่งกิเลสและเหล่ามารทั้งหลาย

ชีวิตของพระเอกที่ยากจนแสนเข็ญแต่มีความพอเพียง แม้จะเผชิญหน้ากับการเอารัดเอาเปรียบ การกดขี่ข่มเหงรังแกบ้าง ก็ยังสามารถมีความสุขกายสุขใจได้ตามอัตภาพ ผิดกับมหาเศรษฐีที่มาซื้อหาบริการจากนางเอกแล้วในที่สุดก็ถูกยิงตาย

ชีวิตแบบพระเอกของเราจึงเป็นชีวิตที่ประเสริฐกว่ามหาเศรษฐีที่ถูกยิงตายเป็นไหน ๆ !

แรงบันดาลใจต่อมาก็คือตลอดทั้งเรื่องของหนังเรื่องนี้บรรเลงด้วยเพลงสุนทราภรณ์ที่เป็นอมตะ กินใจ ไพเราะเสนาะโสต เท่ากับเป็นการโปรโมทเพลงอมตะของบ้านเมืองให้เลื่องลือชาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ศิลปินของชาติและวีรกวีหลายคนของชาติเคยกล่าวไว้ว่า เพลงสุนทราภรณ์นั้นคือคลังสมบัติของดนตรีไทย เพราะทำนองเพลงไทยเดิมเป็นทำนองเพลงที่ละเอียดอ่อนและยากลำบากในการฟังการเรียน แต่ได้ครูเอื้อ สุนทรสนาน หรือผู้มีฉายาว่า “สุนทราภรณ์” นักร้องชั้นบรมครูผู้อมตะ และคณะชาวสุนทราภรณ์ได้บรรจงเรียงร้อยถ้อยทำนองของเพลงไทยเดิมมาเป็นเพลงไทยสากล ทำให้คนไทยในรุ่นก่อน ๆ ต่อเนื่องมาจนถึงรุ่นปัจจุบันนี้มีโอกาสสัมผัส มีโอกาสรับรู้ และมีโอกาสรับฟังทำนองเพลงไทยเดิมในลักษณะของเพลงสากลโดยไม่ยากไม่ลำบาก

นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง เคยกล่าวถึงเรื่องเดียวกันนี้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยมีกระแสพระราชดำรัสว่าวงดนตรีสุนทราภรณ์เป็นสมบัติของชาติ และคุณอติพร สุนทรสนาน บุตรสาวคนเดียวของครูเอื้อ สุนทรสนาน ก็เคยกล่าวว่าสิ่งที่ครูเอื้อห่วงหวงแหนมากที่สุดก็คือวงดนตรีสุนทราภรณ์และเพลงสุนทราภรณ์

ยามป่วยหนักใกล้จะลาโลกนั้นครูเอื้อเคยสั่งเสียเอาไว้ว่า หากวันข้างหน้ารักษาสุนทราภรณ์ไว้ไม่ได้แล้วก็ให้นำขึ้นน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ความทั้งนี้ยังมีปรากฏร่องรอยอยู่ในเพลงพระเจ้าทั้งห้า เพราะครูเอื้อเชื่อและถือว่าพระเจ้าของท่านมี 5 พระองค์ ซึ่งเป็นบทเพลงสุดท้ายที่ครูเอื้อ สุนทรสนาน แต่งทำนองและขับร้องด้วยตนเองในขณะที่ลิ้นก็แข็งเพราะความป่วยเจ็บนั้นแล้ว

บทเพลงบางตอนที่สะท้อนถึงเรื่องนี้เช่นที่ระบุว่า

“สองชาติศาสนามหาทรงธรรม์ พระเจ้าอยู่หัวมิ่งขวัญราชันย์ภูมิพล”

“พระที่ห้ามีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สิน ซอสุดรัก ไวโอลิน เหนือสินใด ๆ

ขอฝากเพลงร้องให้เสียงนั้นก้องตลอดไป อนุสรณ์สุดท้ายจากหัวใจสุนทราภรณ์”

พระเอกของเรื่องนี้ชอบฟังเพลงสุนทราภรณ์เป็นชีวิตจิตใจ เมื่อเข้าไปในร้านแผ่นเสียงเห็นรูปครูเอื้อ สุนทรสนาน ติดอยู่ที่ผนังร้านก็จ้องมองด้วยความเคารพรักและศรัทธา เป็นอาการที่กินใจและสะเทือนใจเป็นอันมาก

นอกจากชอบเพลงสุนทราภรณ์แล้ว พระเอกบ้านนอกของเรายังชอบกินยาอมโบตันและด้วยอำนาจของความซื่อตรง ความมั่นคงแห่งจิตใจ จึงส่งผลสะเทือนใจให้นางเอกซึ่งมีอาชีพกรำอยู่กับแสงสีและเสียงเพลงแบบคนบ้าคนเมาต้องหันกลับมานิยมเพลงสุนทราภรณ์และยาอมโบตันไปด้วย

แฟนเพลงสุนทราภรณ์ทั้งหลายก็ควรจะดูหนังเรื่องนี้

แต่ที่ไม่เข้าท่าก็เห็นจะอยู่ที่ความขัดกันของเรื่อง ที่จับเอาพระเอกบ้านนอกมาเป็นนักฟังเพลงสุนทราภรณ์ เพราะเพลงสุนทราภรณ์นั้นไม่จำกัดอยู่เฉพาะคนเชย คนเฉิ่ม หรือคนบ้านนอกเท่านั้น

ใครก็ตามที่มีความละเอียดอ่อนในจิตใจ มีความสุนทรีย์ในจิตใจ รักพื้นเพภาษาไทย รักความเป็นไทย รักศิลปวัฒนธรรมไทย และมีความรักอยู่ในใจแล้ว ย่อมเหมาะที่จะฟังเพลงสุนทราภรณ์ทั้งสิ้น ตรงนี้แหละที่คนสร้างหนังเฉิ่มแล้วควรเรียกว่าไอ้เฉิ่ม
กำลังโหลดความคิดเห็น