xs
xsm
sm
md
lg

ช่อง3ทุ่ม200ล.ปรับสู่UHF

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – ช่อง 3 เดินหน้าต่อ ทุ่ม 200 ล้านบาท ปรับระบบส่งสัญญาณภาพเป็นยูเอชเอฟจากสถานีฐานที่เหลืออีก 4 แห่ง ให้เสร็จปีหน้า เผยโค้งสุดท้ายวงการทีวียังต้องเหนื่อย เหตุเม็ดเงินโฆษณาหายไป ทำใจขอให้โตเท่าเดิมก็เก่งแล้ว พร้อมปรับผังรายการใหญ่ดีเดย์ตุลาคมนี้ เร่งเพิ่มสัดส่วนรายได้ช่วงนอนไพร์มไทม์

นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 กล่าวว่า ในช่วงปีนี้ถึงปีหน้า ช่อง 3 มีแผนที่จะปรับเปลี่ยนระบบการส่งสัญญาณภาพจากระบบวีเอชเอฟโลว์แบนด์ ให้เป็นระบบยูเอชเอฟให้หมดทุกสถานีทั่วประเทศ ซึ่งมีทั้งหมด 5 สถานี โดยจะใช้งบประมาณในการปรับเปลี่ยนสถานีละ 40-50 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 200 กว่าล้านบาท ทั้งนี้ในช่วงต้นปีได้เริ่มปรับเปลี่ยนระบบของสถานีฐานในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ทำให้ผู้ชมในเขตกรุงเทพฯและอีก 19 จังหวัด ในเขตภาคกลางสามารถรับชมภาพได้ชัดเจนขึ้น

หลังจากนี้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้จะเริ่มขยายพื้นที่การปรับเปลี่ยนสัญญาณเดิมสู่สัญญาณระบบยูเอชเอฟ เพิ่มเติมอีก 4 สถานีคือ สถานีจังหวัดเชียงใหม่ สงขลา สุโขทัย และนครราชสีมา ซึ่งจะมีผลทำให้ผู้ชมโทรทัศน์ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ สงขลา สุโขทัย นครราชสีมา และอีก 8 จังหวัดใกล้เคียงได้แก่ ลำพูน พัทลุง ปัตตานี พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร บุรีรัมย์ และ ชัยภูมิ รับภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นายฉัตรชัยกล่าวต่อว่า ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีนี้คาดว่าผู้ประกอบการทีวีแต่ละช่องคงต้องแข่งกันหนักมากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่มีปัจจัยลบมาก มูลค่าตลาดโฆษณาผ่านทีวีโดยรวมก็ชะลอตัว โดยช่วง 8 เดือนแรกปีนี้มูลค่าเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อทีวีโตแค่ 4-5% นั้น ขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วเติบโตถึง 14% จากมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท

“โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่า อยู่ที่ทีวีแต่ละค่ายว่าเขาจะมีทัศนคติอย่างไร เพราะว่าคนวงการทีวีบอบช้ำกับเม็ดเงินโฆษณาที่หายไป กำไรหดตัวลง จะมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน บางคนไม่เชื่อมั่นก็อาจจะรีรอ แต่ช่อง 3 ของเราเชื่อว่า สัญญาณเริ่มบอกว่าสภาพเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว ซึ่งปีนี้เราตั้งเป้าที่อยากจะเติบโตกว่าปีที่แล้ว โดยปีที่แล้วมีรายได้รวม 6,000 กว่าล้านบาทและมีกำไร 1,600 ล้านบาท” นายฉัตรชัยกล่าว

ช่อง 3 ยังคงพยายามเน้นการสร้างรายได้จากช่วงเวลาที่ไม่ใช่ไพร์มคือ นอนไพร์มไทม์ (Non Primetime) ที่เริ่มมาประมาณ 2 ปีแล้ว โดยขณะนี้สามารถสร้างรายได้ในสัดส่วน 10-15% แล้วจากรายได้รวม และตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 15-20% จากรายได้รวม นอกจากนั้นในส่วนช่วงเวลาอื่นก็จะมีการพัฒนารูปแบบรายการและปรับผังรายการตลอดเวลาเพื่อรับมือกับการแข่งขัน แต่หลักๆยังคงมุ่งเน้นความหลากหลายเพราะช่อง 3 จะจับกลุ่มเป้าหมายรวมด้วยรายการที่หลากหลาย โดยมีละครเป็นตัวนำและสร้างรายได้หลัก ซึ่งหากสถานีโทรทัศน์ใดที่ต้องการจะเป็นสถานียอดนิยมแล้วหลีกหนีไม่พ้นที่ต้องมีรายการประเภทละครให้มากและต้องเป็นที่นิยมมีเรตติ้งสูงด้วย
ล่าสุดช่อง 3 ได้จัดงาน POWER 3 POWER TIME เพิ่มเปิดตัวผังรายการใหม่ที่มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่อีกครั้งของปีนี้ หลงจากล่าสุดเมื่อไม่นานนี้ได้เปิดตัว “ครอบครัวข่าว” กับสโลแกน “คุยข่าวตลอดวัน อยู่ด้วยกันตลอดเวลา” ไปแล้ว รวมทั้งรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ที่ได้สร้างกระแสรายการข่าวด้วยวิธีการเล่าข่าวจนครองแชมป์รายการประเภทนี้แล้ว

สำหรับรายการในผังใหม่นี้ที่เด่นๆเช่น ทันโลกกีฬา ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00 และทุกวันเสาร์-อาทิตย์เวลา 07.40 น. กับ 6 ผู้ประกาศที่มีความชำนาญทางด้านนี้เฉพาะ ขยายเวลารายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง วันจันทร์-ศุกร์ จากเดิม ชั่วโมงครึ่งเป็น 2 ชั่วโมงเต็ม เช่นเดียวกับรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิงสวย ที่มีวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนรายการใหม่อื่นๆเช่น สวยหารสอง วันศุกร์ 10.50 น. , รายการ Wherever รายการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ มีเสาร์เว้นเสาร์ เวลา 08.05 น. รายการ M Thailand การค้นหาสุดยอดนางแบบของเมืองไทย วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 22.30 น.

ขณะที่ละครใหม่นั้น จะมี 4 เรื่องในสัปดาห์เดียวกันคือ “ราชินีหมอลำ” จันทร์-อังคาร เวลา 20.30น. , เรื่อง “สองเรานิรันดร” วันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. , เรื่อง “รักของนายดอกไม้” วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30.และเรื่อง “บาปรักทะเลฝัน” วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 19.15 น. จะเริ่มทยอยออกอากาศในช่วงเดือนตุลาคมนี้ และรายการ Return of Magic Three ทุกวันตลอดสัปดาห์

อย่างไรก็ตามมีบางรายการที่ย้ายเวลาเพื่อเปิดทางให้มีการปรับค่าโฆษณาในเวลาเดิมได้โดยการนำเสนอรายการใหม่เช่น รายการ “กล่องดำ” จากเดิมวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงบ่าย มาอยู่ที่เวลา 22.00 น. วันจันทร์ แทนรายการ “ดีลออร์โนดีล เอาหรือไม่เอา” ที่เลิกไปแล้ว โดยเวลาเดิมของกล่องดำจะนำไปเพิ่มให้กับ “เรื่องเด่นเย็นนี้” ส่วนรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ที่มีนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา เป็นตัวนำนั้นจะมีการเพิ่มข่าวบันเทิงเข้าไปด้วย สำหรับอัตราค่าโฆษณาของช่อง 3 นั้น สูงที่สุดยังคงเป็นละครหลังข่าว ราคา 420,000 บาท โดยยังไม่ได้ปรับเพิ่มแต่อย่างใด แต่มีการปรับเพิ่มในช่วงเวลาอื่นเล็กน้อย
กำลังโหลดความคิดเห็น