ฝ่ายค้านออกโรงเตือนรัฐบาล อย่าทำชาวโลกสับสน สนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้จริง หรือแค่ให้นายกฯบินเล่นๆ วันที่ 29 นี้ จี้ให้ประกาศวันเปิดใช้-ขั้นตอนการโยกย้ายจากดอนเมืองให้ชัดๆ เพราะสายการบินมีปัญหา วางแผนไม่ได้ "หมอเปรม"เตือนคณะนายกฯ หวั่นพายุ"ดอมเรย "ผ่านสนามบินอาจเกิดอันตรายได้ "ชัยนันท์"ยอมรับอีก 2 เดือนงานก่อสร้างจึงจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมรับการทดสอบเหมือนจริง
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุม ได้หารือกันถึงการดำเนินการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเห็นว่าแม้รัฐบาลจะมีการทดลองบินในวันที่ 29 ก.ย. แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้ ดังนั้นวิปฝ่ายค้านจึงมีมติตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามการก่อสร้าง การบริหารสัญญา การจัดการภายใน รวมถึงเรื่องที่ต่อเนื่องในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่ผ่านมา ซึ่งมีการแจ้งความร้องทุกข์ด้วย โดยมีนายเกียรติ สิทธิอมร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายนิกร จำนง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทย ร่วมเป็นคณะทำงาน
ทั้งนี้ การทำงานดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้า โดยอาจจะมีการลงพื้นที่ สนามบินด้วย และจะมีการรายงานผลการทำงานมายังวิปฝ่ายค้าน เพื่อดำเนินการ ตรวจสอบรัฐบาลตามกระบวนการ เช่นการตั้งกระทู้ถาม เป็นต้น
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะทำงาน ติดตามตรวจสอบการทุจริตในสนามบินหนองงูเห่า กล่าวว่า ขอเรียกร้องรัฐบาลใน 2 ประเด็นคือ 1. ขอให้รัฐบาลประกาศให้ชัดเจนว่าจะเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ ในเชิงพาณิชย์ได้เมื่อใด เพื่อให้ธุรกิจการบินให้เตรียมความพร้อม และ 2. ในการเปิด เที่ยวบินรอบปฐมฤกษ์วันที่ 29 ก.ย.นี้ อยากให้นายกรัฐมนตรีเชิญสมาคมที่เชี่ยวชาญ ด้านการบิน อาทิ สมาคมการบินนานาชาติ IATA และICAOได้มาร่วมทดสอบ เชิงเทคนิคด้วย เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนผู้ที่ใช้บริการสนามบินทุกประเภท
**จี้รัฐบาลแจงให้ชัด เปิดเมื่อไรแน่
นายเกียรติ สิทธิอมร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรสร้างความสับสนให้ประชาคมโลกว่า การทดสอบทางการบินในวันที่ 29 ก.ย.นี้ ที่จะมีเครื่องบินเอฟ 16 บินผ่านสนามบิน จะเป็นการเปิดสนามบินอย่างเป็น ทางการ ทั้งนี้จากการพูดคุยกับสายการบินหลายสายพบว่ามีปัญหาอยู่หลายประเด็น อาทิ การย้ายครัวสายการบินต่าง ๆ ที่ขณะนี้สายการบินหลายสาย ให้ยกเลิกการเช่า สถานที่สนามบินดอนเมืองแล้ว แต่กลับมีปัญหาว่าจะต้องทำครัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขนอาหารมายังดอนเมืองทุกวัน เป็นการเพิ่มปัญหาการลงทุนซ้ำซ้อน
นอกจากนี้ยังมีปัญหาระบบขนส่งมวลชนที่เชื่อมไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเสร็จเมือใด จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลระบุให้ชัดเจนว่าขั้นตอน การโยกย้ายเป็นอย่างไร เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับทราบจะได้ไม่เกิดความสับสน และเพื่อการจัดการที่ชัดเจนและโปร่งใส โดยจะต้องให้ทุกสายการบินให้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติเฉพาะสายการบินสายใดสายหนึ่ง ที่สำคัญคือ เรื่องระบบการรักษาความปลอดภัย ที่ขณะที่การติดตั้งเครื่องซีทีเอ็กซ์ ยังไม่เสร็จสิ้น โดยคาดว่าจะเสร็จเดือนก.พ.-พ.ค. รัฐบาลจึงน่าจะประกาศให้ทราบอย่างชัดเจน
**หวั่นปัญหาสิ่งแวดล้อม-นก-ขยะ
นายนพดล พลเสน ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร แถลงกล่าวถึงกรณีการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 29 ก.ย.นี้ว่าคณะกรรมาธิการฯรู้สึกเป็นห่วงในเรื่องผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม ว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน และได้มีการปรับปรุงเพื่อรองรับปัญหาสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับนก ขยะ และเสียงต่างๆอย่างไรบ้าง ซึ่งอยากฝากไปยังคณะผู้บริหาร สนามบินสุวรรณภูมิ ให้ช่วยดูในเรื่องนี้และทางคณะกรรมาธิการฯจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง จากกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรฯมาชี้แจงเป็นระยะ ว่าได้มีการดำเนินการ แก้ไขปัญหาสิ่งเหล่านี้ไปถึงไหนแล้ว ซึ่งคณะกรรมาธิการฯอยากให้มีการเตรียมการ แก้ปัญหาอย่างถาวรเอาไว้ด้วยว่าจะทำอย่างไร
นายนริศ ขำนุรักษ์ โฆษกคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า จากการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯพบว่า การออกแบบเพื่อดูแลด้านสิ่งแวดล้อมค่อนข้างน้อย และไม่ให้ ความสำคัญ รวมทั้งไม่มีหลักประกันว่าการเปิดสนามบินจะดูแลผลกระทบด้าน สิ่งแวดล้อมให้ครบถ้วนหรือไม่ การที่จะใช้เครื่องบิน ซี 130 ไล่นกก่อนที่จะทำการบินนั้นจะทำให้เกิดปัญหา เพราะในช่วง เดือน ก.ย.ถึง พ.ย. นกจะบินผ่านสนามบินดังกล่าวมานับ 100 ปีแล้ว โดยเพราะนกอพยพมาจากประเทศไซบีเรีย ผ่านบึงบอระเพ็ด สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อไปยังทะเลน้อย จ.พัทลุง ซึ่งการบินผ่านของนกต่อปีจะมีจำนวนเป็นแสนตัวและนกก็จะบินกลับในช่วงเดือนมี.ค.ถึงเม.ย.อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้กระทบทัศนวิสัยในการบิน อีกทั้ง ยังมีนกอีกจำนวนหมื่นตัวที่อาศัยอยู่บริเวณสนามบินดังกล่าว ถ้ามีการ สร้างความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่อื่น เช่น จ.สุพรรณบุรี ก็จะทำให้นกย้ายไปอยู่ที่นั่นได้
ด้านน.พ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ กรรรมาธิการสิงแวดล้อม กล่าวว่า เมื่อสนามบิน เปิดใช้จะมีการขึ้น-ลงของเครื่องบินจำนวนหลายเที่ยว ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบ สนามบิน ก็จะได้รับผลกระทบก่อให้เกิดความเสียหายต่อสุขภาพ ทั้งเรื่องขยะ ฝุ่นละออง ได้มีการหามาตรการมารองรับหรือไม่
อีกทั้งในวันที่ 29 ก.ย.นี้พายุ "ดอมเรย" จะพัดเข้ามาในเขตกทม.และปริมณฑล ซึ่งจะพัดผ่านบริเวณสนามบินสุวรณภูมิด้วย จึงอยากฝากไปยังคณะที่ทำการเตรียมการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บินไปสนามบิน สุวีรรณภูมิ เที่ยวปฐมฤกษ์ ว่าบางทีทัศนวิสัยอาจจะไม่เป็นใจก็อาจจะเป็นอันตราย ต่อนายกฯได้และถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมา จะประเมินค่าไม่ได้
**"ชัยนันท์"ยอมรับอีก 2 เดือนเสร็จสมบูรณ์
พลเอกชัยนันท์ เจริญศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า งานก่อสร้างหลักของสนามบินสุวรรณภูมิส่วนใหญ่จะแล้วเสร็จในวันที่ 29 ก.ย.2548 นี้ เพื่อให้สามารถทดสอบทางเทคนิคได้ โดยต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 เดือนหรือภายในพ.ย. 2548 งานก่อสร้างทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ได้ และหลังจากนั้นจะต้องมีการประสานงานเพื่อเร่งรัดให้เริ่มดำเนินการตามแผน ORAT ได้ทันทีเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อการเปิดใช้สนามบินจริงในเดือนมิ.ย.2549 นี้ ซึ่งต้องยอมรับว่างานก่อสร้างมีรายละเอียดมาก สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือขั้นตอนการทดสอบการทำงานที่จะต้องเชื่อมต่อทุกระบบเข้าด้วยกัน ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีอุปสรรคปัญหาอะไรอีก แต่ในขณะนี้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือในการดำเนินการอย่างเต็มที่และมีการเร่งรัดติดตามงานอย่างใกล้ชิด
แหล่งข่าวจาก บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่จำกัด (บทม.) กล่าวยอมรับว่า ทุกฝ่ายได้พยายามเร่งรัดงานก่อสร้างอย่างเต็มที่ เชื่อว่าทุกอย่างจะแล้วเสร็จเรียบร้อย ก็คงเกือบจะวินาทีสุดท้ายของกำหนดเปิดเที่ยวบินทดสอบเพราะงานหลักส่วนใหญ่จะแล้วเสร็จรวมทั้งได้มีการทดสอบการทำงานไปแล้วแต่งานเก็บรายละเอียดยังมีอีกมากอยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินการอยู่
จากข้อมูลความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการ สิ้นสุด ณ วันที่ 25 ก.ย. 2548 พบว่างานด้านอาคารที่พักผู้โดยสาร คืบหน้าไปแล้ว 97.50 % งานอาคารสะพานเทียบเครื่องบินคืบหน้า 96 % ซึ่งตามแผนต้องแล้วเสร็จภายใน 28 ก.ย.2548 ส่วนงานอื่น Airfield Pavement คืบหน้า 94.31% - 82.51% แล้วเสร็จภายใน ต.ค. - พ.ย.2548 ส่วนงาน Elevated Frontage Road คืบหน้า 84.70 % แล้วเสร็จ ธ.ค.2548 งานระบบ AIMS คืบหน้า 90.14 % แล้วเสร็จ ธ.ค.2548
**พาสื่อไทย-เทศชมสุวรรณภูมิ
วานนี้ (27 ก.ย.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้นำสื่อมวลชนทั้งไทยและสื่อต่างประเทศ ประมาณ 200 -300 คน เข้าชมบรรยากาศภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อดูความพร้อม ก่อนเปิดทดสอบระบบทางเทคนิค (Technical First Flight) ในวันที่ 29 ก.ย. นี้ โดยผู้แทน ทอท.และบทม. บรรยายสรุปเกี่ยวกับงานก่อสร้างและการเตรียมงานในวันที่ 29 ก.ย. ทั้งหมด บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) บรรยายเกี่ยวกับเครื่องบินทดสอบทั้ง 2 ลำ และความคืบหน้า 6 กิจกรรม ที่อยู่ในความรับผิดชอบของการบินไทย และบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ยืนยันความพร้อมของหอบังคับการบินที่สูงที่สุดในโลก
โดยได้นำสื่อมวลชนทั้งหมดชมโดยรอบพื้นที่ อาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบิน แต่ไม่สามารถเข้าไปภายในอาคารได้ โดยทอท.อ้างว่า มีการทำความสะอาดพื้นที่ไว้รองรับวันที่ 29 ก.ย.แล้วเกรงว่าคนจำนวนมากเข้าไปอีกอาจจะทำให้เกิดความไม่เรียบร้อยได้
ในเวลา 09.19 น. บริษัท การบินไทย ได้ทดลองนำเครื่องบินแอร์บัส เอ 340-500 นามพระราชทาน "เชียงคำ" ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ซึ่งการบินไทยใช้บินในเส้นทางกรุงเทพ-นิวยอร์ค บินขึ้น-ลง เพื่อทดสอบการลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทางรันเวย์ฝั่งตะวันออก โดยมีนายวันชัย ศารทูลทัต ปลัดกระทรวงคมนาคม และประธานคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายกิจการพิเศษ การบินไทย นายกอบชัย ศรีวิลาศ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายวางแผนและงานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ การบินไทย ร่วมเดินทาง หลังจากนำเครื่องบินแอร์บัส เอ 340-500 ทดสอบแล้ว การบินไทยได้นำเครื่องบินแบบโบอิ้ง 747-400 นามพระราชทาน "ปทุมมาวดี" มาลงจอดทดสอบ โดยเครื่องบินทดสอบทั้ง 2 ลำนี้ได้บินกลับสู่ท่าอากาศยานกรุงเทพ เวลา 11.30 น. ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดการทดสอบ
**เครื่องบินทดสอบไม่มีปัญหา
พลอากาศเอก ณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า การนำเครื่องบินขึ้น-ลงเมื่อวานนี้ จะทดสอบเพื่อดูระบบความพร้อมตั้งแต่การออกเดินทางจากท่าอากาศยานกรุงเทพ การได้รับสัญญาณจากหอบังคับการการบิน การได้รับสัญญาณนำร่องอากาศยาน ระบบวิทยุสื่อสารและเรดาร์ ระบบรักษาความปลอดภัย การลงจอด การแท็กซี่เวย์เข้าเทียบอาคารเทียบเครื่องบิน ซึ่งได้พยายามทดสอบให้เหมือนกับการปฏิบัติจริงในวันที่ 29 ก.ย. มากที่สุด ซึ่งถือว่าดีมาก ไม่มีปัญหา
**เตรียมจนท.700 นายรักษาความปลอดภัย
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในวันที่ 29 ก.ย. นั้น จะมีเจ้าหน้าที่รวมกว่า 700 นาย เป็นเจ้าหน้าที่จาก ทอท. 200 คน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ 100 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 400 นายได้รับการประสานจากพล.ต.ต.สุวีระ ทรงเมตตา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สมุทรปราการ โดยจะมีการปิดกั้นพื้นที่ทางวิ่ง ทางขับ ตามเส้นทางเดินทางของนายกรัฐมนตรี และวางกำลังในอาคารผู้โดยสาร จัดแผนเผชิญเหตุการณ์ต่างๆ มีอปุกรณ์ภาคพื้นดินอาทิ รถสายตรวจ รถดับเพลิงกู้ภัย รถพยาบาล รถนำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรือยางกู้ภัย นอกจากนี้ทอท.ได้จัดเจ้าหน้าที่ประมาณ 100 คนเพื่อต้อนรับและอำนวยความสะดวกตามขั้นตอนของผู้โดยสารขาเข้าและขาออกในอาคารผู้โดยสาร
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุม ได้หารือกันถึงการดำเนินการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเห็นว่าแม้รัฐบาลจะมีการทดลองบินในวันที่ 29 ก.ย. แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้ ดังนั้นวิปฝ่ายค้านจึงมีมติตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามการก่อสร้าง การบริหารสัญญา การจัดการภายใน รวมถึงเรื่องที่ต่อเนื่องในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่ผ่านมา ซึ่งมีการแจ้งความร้องทุกข์ด้วย โดยมีนายเกียรติ สิทธิอมร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายนิกร จำนง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทย ร่วมเป็นคณะทำงาน
ทั้งนี้ การทำงานดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้า โดยอาจจะมีการลงพื้นที่ สนามบินด้วย และจะมีการรายงานผลการทำงานมายังวิปฝ่ายค้าน เพื่อดำเนินการ ตรวจสอบรัฐบาลตามกระบวนการ เช่นการตั้งกระทู้ถาม เป็นต้น
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะทำงาน ติดตามตรวจสอบการทุจริตในสนามบินหนองงูเห่า กล่าวว่า ขอเรียกร้องรัฐบาลใน 2 ประเด็นคือ 1. ขอให้รัฐบาลประกาศให้ชัดเจนว่าจะเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ ในเชิงพาณิชย์ได้เมื่อใด เพื่อให้ธุรกิจการบินให้เตรียมความพร้อม และ 2. ในการเปิด เที่ยวบินรอบปฐมฤกษ์วันที่ 29 ก.ย.นี้ อยากให้นายกรัฐมนตรีเชิญสมาคมที่เชี่ยวชาญ ด้านการบิน อาทิ สมาคมการบินนานาชาติ IATA และICAOได้มาร่วมทดสอบ เชิงเทคนิคด้วย เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนผู้ที่ใช้บริการสนามบินทุกประเภท
**จี้รัฐบาลแจงให้ชัด เปิดเมื่อไรแน่
นายเกียรติ สิทธิอมร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรสร้างความสับสนให้ประชาคมโลกว่า การทดสอบทางการบินในวันที่ 29 ก.ย.นี้ ที่จะมีเครื่องบินเอฟ 16 บินผ่านสนามบิน จะเป็นการเปิดสนามบินอย่างเป็น ทางการ ทั้งนี้จากการพูดคุยกับสายการบินหลายสายพบว่ามีปัญหาอยู่หลายประเด็น อาทิ การย้ายครัวสายการบินต่าง ๆ ที่ขณะนี้สายการบินหลายสาย ให้ยกเลิกการเช่า สถานที่สนามบินดอนเมืองแล้ว แต่กลับมีปัญหาว่าจะต้องทำครัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขนอาหารมายังดอนเมืองทุกวัน เป็นการเพิ่มปัญหาการลงทุนซ้ำซ้อน
นอกจากนี้ยังมีปัญหาระบบขนส่งมวลชนที่เชื่อมไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเสร็จเมือใด จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลระบุให้ชัดเจนว่าขั้นตอน การโยกย้ายเป็นอย่างไร เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับทราบจะได้ไม่เกิดความสับสน และเพื่อการจัดการที่ชัดเจนและโปร่งใส โดยจะต้องให้ทุกสายการบินให้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติเฉพาะสายการบินสายใดสายหนึ่ง ที่สำคัญคือ เรื่องระบบการรักษาความปลอดภัย ที่ขณะที่การติดตั้งเครื่องซีทีเอ็กซ์ ยังไม่เสร็จสิ้น โดยคาดว่าจะเสร็จเดือนก.พ.-พ.ค. รัฐบาลจึงน่าจะประกาศให้ทราบอย่างชัดเจน
**หวั่นปัญหาสิ่งแวดล้อม-นก-ขยะ
นายนพดล พลเสน ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร แถลงกล่าวถึงกรณีการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 29 ก.ย.นี้ว่าคณะกรรมาธิการฯรู้สึกเป็นห่วงในเรื่องผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม ว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน และได้มีการปรับปรุงเพื่อรองรับปัญหาสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับนก ขยะ และเสียงต่างๆอย่างไรบ้าง ซึ่งอยากฝากไปยังคณะผู้บริหาร สนามบินสุวรรณภูมิ ให้ช่วยดูในเรื่องนี้และทางคณะกรรมาธิการฯจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง จากกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรฯมาชี้แจงเป็นระยะ ว่าได้มีการดำเนินการ แก้ไขปัญหาสิ่งเหล่านี้ไปถึงไหนแล้ว ซึ่งคณะกรรมาธิการฯอยากให้มีการเตรียมการ แก้ปัญหาอย่างถาวรเอาไว้ด้วยว่าจะทำอย่างไร
นายนริศ ขำนุรักษ์ โฆษกคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า จากการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯพบว่า การออกแบบเพื่อดูแลด้านสิ่งแวดล้อมค่อนข้างน้อย และไม่ให้ ความสำคัญ รวมทั้งไม่มีหลักประกันว่าการเปิดสนามบินจะดูแลผลกระทบด้าน สิ่งแวดล้อมให้ครบถ้วนหรือไม่ การที่จะใช้เครื่องบิน ซี 130 ไล่นกก่อนที่จะทำการบินนั้นจะทำให้เกิดปัญหา เพราะในช่วง เดือน ก.ย.ถึง พ.ย. นกจะบินผ่านสนามบินดังกล่าวมานับ 100 ปีแล้ว โดยเพราะนกอพยพมาจากประเทศไซบีเรีย ผ่านบึงบอระเพ็ด สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อไปยังทะเลน้อย จ.พัทลุง ซึ่งการบินผ่านของนกต่อปีจะมีจำนวนเป็นแสนตัวและนกก็จะบินกลับในช่วงเดือนมี.ค.ถึงเม.ย.อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้กระทบทัศนวิสัยในการบิน อีกทั้ง ยังมีนกอีกจำนวนหมื่นตัวที่อาศัยอยู่บริเวณสนามบินดังกล่าว ถ้ามีการ สร้างความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่อื่น เช่น จ.สุพรรณบุรี ก็จะทำให้นกย้ายไปอยู่ที่นั่นได้
ด้านน.พ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ กรรรมาธิการสิงแวดล้อม กล่าวว่า เมื่อสนามบิน เปิดใช้จะมีการขึ้น-ลงของเครื่องบินจำนวนหลายเที่ยว ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบ สนามบิน ก็จะได้รับผลกระทบก่อให้เกิดความเสียหายต่อสุขภาพ ทั้งเรื่องขยะ ฝุ่นละออง ได้มีการหามาตรการมารองรับหรือไม่
อีกทั้งในวันที่ 29 ก.ย.นี้พายุ "ดอมเรย" จะพัดเข้ามาในเขตกทม.และปริมณฑล ซึ่งจะพัดผ่านบริเวณสนามบินสุวรณภูมิด้วย จึงอยากฝากไปยังคณะที่ทำการเตรียมการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บินไปสนามบิน สุวีรรณภูมิ เที่ยวปฐมฤกษ์ ว่าบางทีทัศนวิสัยอาจจะไม่เป็นใจก็อาจจะเป็นอันตราย ต่อนายกฯได้และถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมา จะประเมินค่าไม่ได้
**"ชัยนันท์"ยอมรับอีก 2 เดือนเสร็จสมบูรณ์
พลเอกชัยนันท์ เจริญศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า งานก่อสร้างหลักของสนามบินสุวรรณภูมิส่วนใหญ่จะแล้วเสร็จในวันที่ 29 ก.ย.2548 นี้ เพื่อให้สามารถทดสอบทางเทคนิคได้ โดยต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 เดือนหรือภายในพ.ย. 2548 งานก่อสร้างทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ได้ และหลังจากนั้นจะต้องมีการประสานงานเพื่อเร่งรัดให้เริ่มดำเนินการตามแผน ORAT ได้ทันทีเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อการเปิดใช้สนามบินจริงในเดือนมิ.ย.2549 นี้ ซึ่งต้องยอมรับว่างานก่อสร้างมีรายละเอียดมาก สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือขั้นตอนการทดสอบการทำงานที่จะต้องเชื่อมต่อทุกระบบเข้าด้วยกัน ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีอุปสรรคปัญหาอะไรอีก แต่ในขณะนี้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือในการดำเนินการอย่างเต็มที่และมีการเร่งรัดติดตามงานอย่างใกล้ชิด
แหล่งข่าวจาก บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่จำกัด (บทม.) กล่าวยอมรับว่า ทุกฝ่ายได้พยายามเร่งรัดงานก่อสร้างอย่างเต็มที่ เชื่อว่าทุกอย่างจะแล้วเสร็จเรียบร้อย ก็คงเกือบจะวินาทีสุดท้ายของกำหนดเปิดเที่ยวบินทดสอบเพราะงานหลักส่วนใหญ่จะแล้วเสร็จรวมทั้งได้มีการทดสอบการทำงานไปแล้วแต่งานเก็บรายละเอียดยังมีอีกมากอยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินการอยู่
จากข้อมูลความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการ สิ้นสุด ณ วันที่ 25 ก.ย. 2548 พบว่างานด้านอาคารที่พักผู้โดยสาร คืบหน้าไปแล้ว 97.50 % งานอาคารสะพานเทียบเครื่องบินคืบหน้า 96 % ซึ่งตามแผนต้องแล้วเสร็จภายใน 28 ก.ย.2548 ส่วนงานอื่น Airfield Pavement คืบหน้า 94.31% - 82.51% แล้วเสร็จภายใน ต.ค. - พ.ย.2548 ส่วนงาน Elevated Frontage Road คืบหน้า 84.70 % แล้วเสร็จ ธ.ค.2548 งานระบบ AIMS คืบหน้า 90.14 % แล้วเสร็จ ธ.ค.2548
**พาสื่อไทย-เทศชมสุวรรณภูมิ
วานนี้ (27 ก.ย.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้นำสื่อมวลชนทั้งไทยและสื่อต่างประเทศ ประมาณ 200 -300 คน เข้าชมบรรยากาศภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อดูความพร้อม ก่อนเปิดทดสอบระบบทางเทคนิค (Technical First Flight) ในวันที่ 29 ก.ย. นี้ โดยผู้แทน ทอท.และบทม. บรรยายสรุปเกี่ยวกับงานก่อสร้างและการเตรียมงานในวันที่ 29 ก.ย. ทั้งหมด บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) บรรยายเกี่ยวกับเครื่องบินทดสอบทั้ง 2 ลำ และความคืบหน้า 6 กิจกรรม ที่อยู่ในความรับผิดชอบของการบินไทย และบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ยืนยันความพร้อมของหอบังคับการบินที่สูงที่สุดในโลก
โดยได้นำสื่อมวลชนทั้งหมดชมโดยรอบพื้นที่ อาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบิน แต่ไม่สามารถเข้าไปภายในอาคารได้ โดยทอท.อ้างว่า มีการทำความสะอาดพื้นที่ไว้รองรับวันที่ 29 ก.ย.แล้วเกรงว่าคนจำนวนมากเข้าไปอีกอาจจะทำให้เกิดความไม่เรียบร้อยได้
ในเวลา 09.19 น. บริษัท การบินไทย ได้ทดลองนำเครื่องบินแอร์บัส เอ 340-500 นามพระราชทาน "เชียงคำ" ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ซึ่งการบินไทยใช้บินในเส้นทางกรุงเทพ-นิวยอร์ค บินขึ้น-ลง เพื่อทดสอบการลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทางรันเวย์ฝั่งตะวันออก โดยมีนายวันชัย ศารทูลทัต ปลัดกระทรวงคมนาคม และประธานคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายกิจการพิเศษ การบินไทย นายกอบชัย ศรีวิลาศ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายวางแผนและงานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ การบินไทย ร่วมเดินทาง หลังจากนำเครื่องบินแอร์บัส เอ 340-500 ทดสอบแล้ว การบินไทยได้นำเครื่องบินแบบโบอิ้ง 747-400 นามพระราชทาน "ปทุมมาวดี" มาลงจอดทดสอบ โดยเครื่องบินทดสอบทั้ง 2 ลำนี้ได้บินกลับสู่ท่าอากาศยานกรุงเทพ เวลา 11.30 น. ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดการทดสอบ
**เครื่องบินทดสอบไม่มีปัญหา
พลอากาศเอก ณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า การนำเครื่องบินขึ้น-ลงเมื่อวานนี้ จะทดสอบเพื่อดูระบบความพร้อมตั้งแต่การออกเดินทางจากท่าอากาศยานกรุงเทพ การได้รับสัญญาณจากหอบังคับการการบิน การได้รับสัญญาณนำร่องอากาศยาน ระบบวิทยุสื่อสารและเรดาร์ ระบบรักษาความปลอดภัย การลงจอด การแท็กซี่เวย์เข้าเทียบอาคารเทียบเครื่องบิน ซึ่งได้พยายามทดสอบให้เหมือนกับการปฏิบัติจริงในวันที่ 29 ก.ย. มากที่สุด ซึ่งถือว่าดีมาก ไม่มีปัญหา
**เตรียมจนท.700 นายรักษาความปลอดภัย
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในวันที่ 29 ก.ย. นั้น จะมีเจ้าหน้าที่รวมกว่า 700 นาย เป็นเจ้าหน้าที่จาก ทอท. 200 คน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ 100 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 400 นายได้รับการประสานจากพล.ต.ต.สุวีระ ทรงเมตตา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สมุทรปราการ โดยจะมีการปิดกั้นพื้นที่ทางวิ่ง ทางขับ ตามเส้นทางเดินทางของนายกรัฐมนตรี และวางกำลังในอาคารผู้โดยสาร จัดแผนเผชิญเหตุการณ์ต่างๆ มีอปุกรณ์ภาคพื้นดินอาทิ รถสายตรวจ รถดับเพลิงกู้ภัย รถพยาบาล รถนำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรือยางกู้ภัย นอกจากนี้ทอท.ได้จัดเจ้าหน้าที่ประมาณ 100 คนเพื่อต้อนรับและอำนวยความสะดวกตามขั้นตอนของผู้โดยสารขาเข้าและขาออกในอาคารผู้โดยสาร