xs
xsm
sm
md
lg

ทบทวนแปรรูปกฟน.-กฟภ. คลังชี้รายได้อนาคตยังไม่ชัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างการเสวนาเรื่อง" 45 ปีกฟภ.เส้นทางสู่ผู้นำธุรกิจจำหน่ายไฟอาเซียน" ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) สำนักงานใหญ่วานนี้(27ก.ย.) ว่า กฟภ. และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ต้องให้บริการไฟฟ้ากับประชาชน ซึ่งฝ่ายนโยบายกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานจะต้องพิจารณาว่าการบริการที่ดีต้องเป็นราคาต้นทุนที่ต่ำสุดเพราะไฟฟ้าถือเป็นต้นทุนของเศรษฐกิจไทย ดังนั้นการแปรรูปกฟภ.และกฟน.อาจจะต้องมีการทบทวนใหม่ เพราะยังมีหลายประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน เช่น ค่าไฟสาธารณะจะดูแลอย่างไร รายได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของฝ่ายจำหน่ายจะเป็นอย่างไร
" มีหลายประเด็นที่ยังตอบคำถามประชาชนไม่ได้เช่น ไฟสาธารณะจะทำอย่างไรล่าสุดก็มีไอเดียว่าจะตั้งกองทุนสาธารณะเข้ามาดู แต่เมื่อแปลงเป็นบริษัทก็จะต้องตอบคำถามนักลงทุนอีกว่ามีกลไกรายได้อย่างไร ก็ยังไม่เคลียร์ ดังนั้นทิศทางการเข้าตลาดฯคงจะต้องมาดูแล โดยมีโจทย์ใหญ่คือการบริการจะต้องดีขึ้นแต่จะต้องไม่ก่อหนี้สาธารณะและมีผลให้ค่าไฟแพง" นายอารีพงศ์กล่าว
ทั้งนี้รูปแบบของการแปรรูปมีหลายวิธีที่กำลังดูอยู่ได้แก่ การนำกฟภ.และกฟน.เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ดังเดิมเหมือนกฟผ.แต่จะต้องมีการดูแลเรื่องการลงทุนและรายได้ที่แน่นอน หรืออาจจะมีการให้บริษัทลูกเข้าไประดมทุนแทน ซึ่งเรื่องดังกล่าวกำลังพิจารณา เพราะยอมรับว่ากฟน.และกฟภ.เองก็ได้ลงทุนวางระบบการบริการไฟฟ้าครอบคลุมพื้นที่ที่ดูแลเกือบ 100% แล้วซึ่งหากพิจารณาอัตราเติบโตก็จะเติบโตตามระบบเศรษฐกิจประมาณ 5-6% ต่อปี หากไม่มีธุรกิจอื่นๆ เข้ามาเสริมมากพอเมื่อ 2 การไฟฟ้าเข้าตลาดฯผลตอบแทนก็คงจะมีลักษณะเช่นเดียวกับพันธบัตรของรัฐบาล
นายไมตรี ลักษณโกเศศ รองผู้ว่าการวางแผนและพัฒนาระบบไฟฟ้า กฟภ. กล่าวว่า ผลการศึกษาของไพรส์ วอเตอร์เฮ้าส์เกี่ยวกับการเกลี่ยรายได้ของการจำหน่ายไฟฟ้า 3 การไฟฟ้านั้นระบุชัดเจนว่าฝ่ายจำหน่ายควรจะมีผลตอบแทนที่ระดับ 7.24% แต่มีเงื่อนไขที่ต้องปรับราคาขายปลีกค่าไฟ 10% ซึ่งรัฐบาลคงไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้นเมื่อการเจรจาล่าสุดกฟผ.ยืนยันที่จะให้ผลตอบแทนกฟผ.อยู่ที่ระดับ 8.7% ก็จะฉุดให้ผลตอบแทนของกฟน.และกฟภ.อยู่ที่ 4.5 % ซึ่งถือว่าต่ำมากก็จะไม่สามารถทำให้ 2 การไฟฟ้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯได้แน่ ดังนั้นผลตอบแทนกฟภ.ที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ระดับ 6.5%
ทั้งนี้กฟภ.มีแผนต้องลงทุนในอีก 5 ปีข้างหน้า(ปี 49-53 ) วงเงินประมาณ 1.2 แสนล้านบาทเพื่อดูแลระบบสายส่ง ศูนย์ควบคุม และศูนย์สั่งการจ่ายไฟฟ้าระยะ 2 หรือเฉลี่ยต้องใช้เงินลงทุน 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ เป้าหมายจะแปลงสภาพกฟภ.เป็นบริษัทมหาชนเม.ย. 49 เข้าระดมทุนในตลาดฯปลายปี 2549 แต่ก่อนที่จะแปลงสภาพช่วงต.ค.-พ.ย.นี้จะดูจังหวะในการทำประชาพิจารณ์เสียก่อน
อย่างไรก็ตามกฟภ. เตรียมจัดตั้งบริษัทลูก 6 บริษัท เพื่อปรับโครงสร้างองค์กรรองรับการแข่งขันในอนาคต ได้แก่ บริษัทจัดหาจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่พิเศษ บริษัทร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมแบบ Distributed Generator บริษัทสารสนเทศและสื่อสาร บริษัทจัดหาผู้ปฏิบัติงานให้ กฟภ. บริษัทวิศวกรรมและบริษัทก่อสร้างและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า โดยจะให้บริการทั้งในและต่างประเทศ
เจรจามหาดไทยเกลี่ยรายได้ไร้ข้อยุติ
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวหลังการหารือกับกระทรวงมหาดไทยวานนี้(27ก.ย.) เกี่ยวกับการเกลี่ยฐานะการเงินของ 3 การไฟฟ้าว่า ได้หารือกันในหลักการกว้างๆ กับมหาดไทยยังไม่ได้มีข้อสรุปที่ชัดเจน โดยเรื่องดังกล่าวคงจะต้องให้ทางคณะกรรมการระดมทุนกฟผ.ที่มีนายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานเพื่ออพิจารณาเรื่องดังกล่าว
แหล่งข่าวจากกฟภ.กล่าวว่า การหารือกับมหาดไทยยังไม่ได้ข้อสรุปโดยมหาดไทยยังยืนยันที่จะให้การเกลี่ยรายได้ของกฟน.และกฟภ.ต้องมากกว่า 4.5% และกฟผ.ควรต่ำกว่า 8.7% ซึ่งกระทรวงการคลังจะขอไปพิจารณาตัวเลขรายละเอียดอีกรอบ
กำลังโหลดความคิดเห็น