ตลาดวอดก้านำเข้าปีนี้ส่อเค้าสะดุด เศรษฐกิจพ่นพิษตลาดอย่างดีได้แค่ทรงตัว “ฟินแลนเดีย” ส่งลูกฮึด ดึงแชมป์ค็อกเทลโอลิมปิก“นายมาร์กุ เรตติเนน”ปั้นเป็นแอมบาสเดอร์แบรนด์ฟินแลนเดีย เดินสายจัดโรดโชว์-อบรมบาร์เทนเดอร์ทั่วเอเชียครั้งแรก พร้อมปลุก 2 รสชาติเดิมทำตลาดเต็มสูบ หวังขยายฐานลูกค้าใหม่ สิ้นปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 10,000 ลัง
นายภาวิน พงศ์พันธุ์ภักดี ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมส่งเสริมการขาย ตัวแทน บริษัท บราวน์-ฟอร์แมน ไทย แลนด์ แอล.แอล.ซี.เป็นผู้นำเข้าวอดก้าฟินแลนเดีย เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดวอดก้านำเข้ามูลค่า 70,000 ลัง หรือคิดเป็น 1-2% จากมูลค่าเหล้านำเข้า ปีนี้คาดว่าสภาพตลาดจะทรงตัว เนื่องจากได้รับผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ และตลาดท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่ภาคใต้ ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดโตเป็นตัวเลขหลักเดียว ล่าสุดบริษัทจึงได้เตรียมแผนรองรับกับสภาพตลาดในเชิงรุกในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ เพื่อกระตุ้นการเติบโตให้ได้ตามเป้าหมาย
ประเดิมด้วยการดึง“นายมาร์กุ เรตติเนน”จากประเทศฟินแลนด์ แชมป์ค็อกเทลโอลิมปิก มาเป็นแอมบาสเดอร์หรือฑูตวอดก้าแบรนด์ฟินแลนเดีย โดยบริษัทจะจัดโรดโชว์รวมทั้งเป็นวิทยากรอบรมการผสมวอดก้าให้กับบาร์เทนเดอร์ร่วม 15-20 ประเทศ นำร่องที่ยุโรปและอเมริกา และล่าสุดเป็นการโรดโชว์ในเอเชียเป็นครั้งแรก ที่ ประเทศ ฮ่องกง จีน ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และไทย ซึ่งมีบาร์เทนเดอร์เข้าร่วมอบรม 25 คน นอกจากนี้บริษัทยังได้เตรียมจัดกิจกรรมครั้งใหญ่ในเทศกาลคริตส์มาส โดยงบการตลาดทั้งปีวางไว้ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
“พฤติกรรมคนในเอเชีย โดยเฉพาะคนไทยเริ่มที่จะยอมรับการดื่มในลักษณะค็อกเทลหรือเป็นฉอดมากขึ้น แต่เมื่อเทียบกับยุโรป อเมริกาค็อกเทลเป็นเครื่องดื่มที่แพร่หลายมากกว่า ในขณะที่คนไทยยังนิยมดื่มเบียร์และเหล้าเป็นหลัก เราจึงจัดโรดโชว์ด้วยการผ่านฑูตของแบรนด์ฟินแลนเดียเป็นครั้งแรกในเอเชีย เพื่อสร้างแบรนด์ การรับรู้-จดจำรวมทั้งแนะนำสินค้าในกลุ่มบาร์เทนเดอร์ในเอเชีย”
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้วางแผนทำตลาดฟินแลนเดีย 2 รสชาติ ได้แก่ ไลม์ และแคนเบอร์รี่ ซึ่งเป็นรสชาติเดิมที่มีอยู่ในตลาดมากกว่า 5 ปีในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เน้นทำตลาดฟินแลนเดีย คลาสสิกเพียงอย่างเดียว โดยในเบื้องต้นเตรียมผลักดันสินค้าเข้าช่องทางออนพรีมิสและโรงแรมเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันทั้งสองรสชาติเข้าถึงช่องทางจำหน่ายได้เพียง 20% เท่านั้น เพราะด้วยข้อจำกัดของรสชาติ ที่ไม่สามารถทำค็อกเทลได้หลากหลาย ทำให้บริษัทยังไม่ได้ทำตลาดอย่างจริงจัง เมื่อเทียบกับฟินแลนเดีย คลาสสิกสามารถผสมได้หลากหลายกว่า
ทั้งนี้ ฟินแลนเดีย ไลม์และแคนเบอร์รี่ วางกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิง 70% ผู้ชาย 30% โดยได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาดตามสถานบันเทิง ผับ บาร์ จัดบูธชงชิม เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคทดลองสินค้า อย่างไรก็ตามการทำตลาดในเชิงรุกทั้งสองรสชาตินี้ บริษัทต้องการขยายฐานลูกค้าใหม่
สำหรับผลประกอบการปีที่ผ่านมา ฟินแลนเดีย วอดก้า มียอดขาย 8,000 ลัง แบ่งเป็น คลาสสิก 6,000ลัง ไลม์ 1,000 ลัง และแคนเบอร์รี่ 1,000 ลัง โดยปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น10,000 ลัง ขณะที่ส่วนแบ่งตั้งเป้าเพิ่มเป็น 15% จากปัจจุบันมี 12-13% เป็นอันดับสองหรืออันดับสามของตลาด ส่วนผู้นำตลาดเป็นสเมอร์นอฟ ครองส่วนแบ่ง 20%
นายภาวิน พงศ์พันธุ์ภักดี ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมส่งเสริมการขาย ตัวแทน บริษัท บราวน์-ฟอร์แมน ไทย แลนด์ แอล.แอล.ซี.เป็นผู้นำเข้าวอดก้าฟินแลนเดีย เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดวอดก้านำเข้ามูลค่า 70,000 ลัง หรือคิดเป็น 1-2% จากมูลค่าเหล้านำเข้า ปีนี้คาดว่าสภาพตลาดจะทรงตัว เนื่องจากได้รับผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ และตลาดท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่ภาคใต้ ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดโตเป็นตัวเลขหลักเดียว ล่าสุดบริษัทจึงได้เตรียมแผนรองรับกับสภาพตลาดในเชิงรุกในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ เพื่อกระตุ้นการเติบโตให้ได้ตามเป้าหมาย
ประเดิมด้วยการดึง“นายมาร์กุ เรตติเนน”จากประเทศฟินแลนด์ แชมป์ค็อกเทลโอลิมปิก มาเป็นแอมบาสเดอร์หรือฑูตวอดก้าแบรนด์ฟินแลนเดีย โดยบริษัทจะจัดโรดโชว์รวมทั้งเป็นวิทยากรอบรมการผสมวอดก้าให้กับบาร์เทนเดอร์ร่วม 15-20 ประเทศ นำร่องที่ยุโรปและอเมริกา และล่าสุดเป็นการโรดโชว์ในเอเชียเป็นครั้งแรก ที่ ประเทศ ฮ่องกง จีน ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และไทย ซึ่งมีบาร์เทนเดอร์เข้าร่วมอบรม 25 คน นอกจากนี้บริษัทยังได้เตรียมจัดกิจกรรมครั้งใหญ่ในเทศกาลคริตส์มาส โดยงบการตลาดทั้งปีวางไว้ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
“พฤติกรรมคนในเอเชีย โดยเฉพาะคนไทยเริ่มที่จะยอมรับการดื่มในลักษณะค็อกเทลหรือเป็นฉอดมากขึ้น แต่เมื่อเทียบกับยุโรป อเมริกาค็อกเทลเป็นเครื่องดื่มที่แพร่หลายมากกว่า ในขณะที่คนไทยยังนิยมดื่มเบียร์และเหล้าเป็นหลัก เราจึงจัดโรดโชว์ด้วยการผ่านฑูตของแบรนด์ฟินแลนเดียเป็นครั้งแรกในเอเชีย เพื่อสร้างแบรนด์ การรับรู้-จดจำรวมทั้งแนะนำสินค้าในกลุ่มบาร์เทนเดอร์ในเอเชีย”
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้วางแผนทำตลาดฟินแลนเดีย 2 รสชาติ ได้แก่ ไลม์ และแคนเบอร์รี่ ซึ่งเป็นรสชาติเดิมที่มีอยู่ในตลาดมากกว่า 5 ปีในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เน้นทำตลาดฟินแลนเดีย คลาสสิกเพียงอย่างเดียว โดยในเบื้องต้นเตรียมผลักดันสินค้าเข้าช่องทางออนพรีมิสและโรงแรมเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันทั้งสองรสชาติเข้าถึงช่องทางจำหน่ายได้เพียง 20% เท่านั้น เพราะด้วยข้อจำกัดของรสชาติ ที่ไม่สามารถทำค็อกเทลได้หลากหลาย ทำให้บริษัทยังไม่ได้ทำตลาดอย่างจริงจัง เมื่อเทียบกับฟินแลนเดีย คลาสสิกสามารถผสมได้หลากหลายกว่า
ทั้งนี้ ฟินแลนเดีย ไลม์และแคนเบอร์รี่ วางกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิง 70% ผู้ชาย 30% โดยได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาดตามสถานบันเทิง ผับ บาร์ จัดบูธชงชิม เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคทดลองสินค้า อย่างไรก็ตามการทำตลาดในเชิงรุกทั้งสองรสชาตินี้ บริษัทต้องการขยายฐานลูกค้าใหม่
สำหรับผลประกอบการปีที่ผ่านมา ฟินแลนเดีย วอดก้า มียอดขาย 8,000 ลัง แบ่งเป็น คลาสสิก 6,000ลัง ไลม์ 1,000 ลัง และแคนเบอร์รี่ 1,000 ลัง โดยปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น10,000 ลัง ขณะที่ส่วนแบ่งตั้งเป้าเพิ่มเป็น 15% จากปัจจุบันมี 12-13% เป็นอันดับสองหรืออันดับสามของตลาด ส่วนผู้นำตลาดเป็นสเมอร์นอฟ ครองส่วนแบ่ง 20%