xs
xsm
sm
md
lg

จับแล้ว 2 มือฆ่านย. สั่งไล่ล่าที่เหลืออีก 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกฯยันลงพื้นที่ลุยไฟใต้แน่ แต่ขอเคลียร์งานก่อน ขณะที่ "ธรรมรักษ์"เผยจับได้แล้ว 2 ผู้ต้องหาฆ่า 2 ทหารนาวิกโยธินคาหมู่บ้าน"ตันหยงลิมอ"ขณะซักเสื้อล้างคราบเลือด หลังขออนุมัติหมายจับทั้งหมด 11 คน แฉพฤติกรรมสุดโหด รุมเหมือน"หมาหมู่" สั่งล่าอีก 9 คน ชี้ล้วนเป็นคนในพื้นที่ทั้งชาย-หญิง วางกำลังเข้มเข้า-ออกหมู่บ้าน แนวชายแดนป้องกันหนี "กอส."อัด"ทักษิณ"สติแตก ใช้อารมณ์แก้ปัญหา ปกปิดปมด้อย ผู้นำฝ่ายค้านฯแนะแนวทางดับไฟใต้ รัฐต้องชัดเจนด้านนโยบาย "นราธิวาส"ยังร้อนแรง วางระเบิดอีกหลายลูกตำรวจตาย 2 เจ็บระนาว

ภายหลังการประชุมร่วมอย่างเป็นทางการระหว่างไทย-จีน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อเช้าวานนี้ (23 ก.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ได้เดินทางกลับเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลทันที พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีทหารนาวิกโยธิน 2 นาย คือ ร.ต.วินัย นาคะบุตร และ จ.อ.คำธร ทองเอียด ที่ถูกชาวบ้านจับเป็นตัวประกัน และถูกฆ่าเสียชีวิต ภายในหมู่บ้านตันหยงลิมอ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวเพียงว่า "ขณะนี้การติดตาม มีความคืบหน้าพอสมควรและเป็นที่น่าพอใจ แต่รายละเอียดยังพูดไม่ได้ และผมจะลงพื้นที่แน่นอน แต่ขณะนี้ขอเคลียร์งานให้เสร็จก่อน ขณะนี้ให้เจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่ แต่ยังไม่ลงวันเสาร์-อาทิตย์นี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำงานคืบหน้าไปมาก คิดว่าคงต้องมีการออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุอีกหลายคน"

***ธรรมรักษ์"เผยจับแล้ว2จาก11คน

ขณะที่เวลาประมาณ 19.00 น.พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบกถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีคนร้ายฆ่า 2 ทหารนาวิกโยธินภายหลังเดินทางไปหารือกับกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) ว่า วันนี้ (23) ได้สั่งการให้ ผบช.ภ.9 ไปขออนุมัติหมายจับจากศาลเพื่อดำเนินการจับกุมผู้ก่อความไม่สงบที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่นาวิกโยธิน 2 นายจนเสียชีวิต ซึ่งมีทั้งหมด 11 คน

พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวต่อว่า หลังจากได้หมายศาลแล้วเมื่อเวลา 14.00 น.ตนจึงได้ตัดสินใจใช้กำลังเจ้าหน้า ฉก.นย.34 บุกเข้าตรวจค้นหาผู้ต้องหาตามหมายศาลทั้งหมด 11 คน จนสามารถจับผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน คือ นายสิงห์ชัย สาแระ กับ นายอัลอินซาน นิกะจิ โดยจับได้ภายในหมู่บ้านตันหยงลิมอ อ.ระแง สำหรับนายอัลอินซาน จับได้ขณะที่กำลังซักเสื้อที่เปื้อนรอยเลือดของผู้เสียชีวิตอยู่ ซึ่งจะนำเสื้อเปื้อนเลือดมาเป็นหลักฐานพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ถือว่าเป็นหลักฐานที่มัดตัวผู้ต้องสงสัย

พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวอีกว่า ชาวบ้านไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ในการนำกำลังเข้าไปควบคุมตัว เนื่องจากมีชุดปฏิบัติการทางจิตวิทยาเพื่อทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่รู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่เห็นด้วยกับการทำร้ายเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นาย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ซึ่งคิดว่าเป็นการควบคุมตัวไว้เพื่อต่อรองเฉยๆ ต่อมามีการฆ่ากันอย่างทารุณและชาวบ้านก็ได้กลับมาให้ข่าว โดยเฉพาะผู้หญิงส่วนใหญ่บอกว่าจะไปทำร้ายเขาทำไม และกระซิบบอกเจ้าหน้าที่ว่ากลุ่มคนร้ายมีใครบ้าง ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นหลักฐานแวดล้อมจึงได้ขอหมายศาลดำเนินการจับกุม 11 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นอายุประมาณ 20 กว่าปีและอยู่ใน อ.ระแงะ

พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า ได้พบกับนายแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ได้เล่าว่าการเสียชีวิตของทหารนาวิกโยธินทั้ง 2 นายถูกทรมานก่อนเสียชีวิต ถูกมัดมือมัดเท้า โดยใช้เทียนหยด เอามดแดงกัดตั้งแต่เช้าเพื่อให้สารภาพว่า เป็นคนยิงชาวบ้าน และถูกตีเข้าที่บริเวณที่สำคัญ ซึ่งถูกตีหลายครั้ง จากนั้นก็ใช้ของมีคมแทงจนเสียชีวิต รวมถึงใช้มีดปลอกมะพร้าวทำร้าย ซึ่งเป็นการกระทำของกลุ่มคนกว่า 10 คน โดยเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่กระทำการในลักษณะเฮไหนเฮด้วยเหมือน "หมาหมู่" ส่วนคนที่ทำร้ายจนเสียชีวิตมีเพียง 4-5 คนเท่านั้น

"เหตุการณ์ในลักษณะนี้ต่อไปเราคงไม่ยอม เพราะมิฉะนั้นเราจะเสียเปรียบปล่อยให้เขาทำร้าย เราจะต้องมีแผนเผชิญเหตุหากเกิดเรื่องขึ้นมาต่อไปนี้เราจะไม่ยอมง่าย ๆ" พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าว

***วัยรุ่น"ตันหยงลิมอ"ยกพวกหนี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่จะมีการเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนจาก 11 คนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ระแงะ ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้เชิญตัวชาวบ้านในหลายพื้นที่ทั้งในหมู่บ้าน ต.ตันหยงลิมอ และบริเวณใกล้เคียงมาให้ข้อมูล เพื่อขอความร่วมมือ และหาเบาะแส เกี่ยวกับกลุ่มแนวร่วมก่อเหตุที่บ้านตันหยงลิมอเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบกลุ่มชายฉกรรจ์และวัยรุ่นกว่า 30 คนในพื้นที่หมู่ 7 บ้านตันหยงลิมอ ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ ส่วนชาวบ้านที่เป็นผู้หญิงที่ร่วมกันชุมนุมกางเต็นท์บนสะพานเพื่อปิดกั้นเส้นทางไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปในวันเกิดเหตุต่างหลบหนีไปอยู่บ้านเครือญาติต่างถิ่น เนื่องจากกลัวความผิด ทำให้บรรยากาศภายในหมู่บ้านเต็มไปด้วยความเงียบเหงา

***เผย11ผู้ต้องหาเป็นคนในหมู่บ้าน

ขณะที่มีรายงานจากพนักงานสอบสวน สภ.อ.ระแงะเปิดเผยว่า จากการรวบรวมประจักษ์พยานและหลักฐานที่จะมัดตัวกลุ่มคนร้ายที่ต้องสงสัยว่าได้ร่วมกันทำร้ายร่างกาย 2 นาวิกโยธินจนเสียชีวิตภายในหมู่บ้านตันหยงลิมอของ ร.ต.ต.ศรเพชร ตันติอมรชัยกุล ร้อยเวรเจ้าของคดีและ พ.ต.อ.มาโนช อนันฤทธิกุล รอง ผกก.(ส ) สภ.อ.ระแงะ พบว่าส่วนใหญ่รูปถ่าย และสำเนารายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงประมาณ 11 คน โดยบุคคลทั้งหมดเป็นคนในพื้นที่บ้านตันหยงลิมอ แต่เจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันกลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุไหวตัวทันหลบหนีออกจากพื้นที่

ขณะเดียวกัน พ.อ.สุทธิ จันทร์สมบูรณ์ ผบ.ฉก.43 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารกว่า 100 นายเข้าไปในพื้นที่ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ เพื่อตั้งจุดตรวจจุดสกัดเส้นทางเข้า-ออกหมู่บ้านตันหยงลิมอ ทุกเส้นทาง เพื่อป้องกันกลุ่มบุคคลที่มีรายชื่อ ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่จะออกหมายจับที่ร่วมกันก่อเหตุรุมประชาทัณฑ์ 2 นาวิกโยธินจนเสียชีวิต และทำการตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะอย่างเอียดที่จะเดินทางเข้าออกในพื้นที่

เช่นเดียวกับนายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ตรวจค้นเข้าเมือง ด่านศุลกากร อ.ตากใบ และ อ.สุไหงโก-ลก ให้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจตราและตรวจสอบบุคคลเข้าออกร่วมถึงยานพาหนะและสัมภาระ บุคคลที่เข้า-ออกระหว่างชายแดนฝั่งไทย-มาเลเซียเพื่อป้องกันกลุ่มคนร้ายที่รุมทำร้าย 2 นาวิกโยธินจนเสียชีวิต ฉวยโอกาสหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน และป้องกันกลุ่มคนร้ายและบุคคลต้องห้ามเล็ดลอดแอบแฝงเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

***ผบ.สส.คุยรู้ตัวกลุ่มที่หนีหมดแล้ว

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการจับกุมผู้ที่ร่วมก่อเหตุฆ่านาวิกโยธิน 2 นายภายในหมู่บ้านตันหยงลิมอว่า ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่คงจะต้องมีการกดดันต่อไป ถึงเวลาแล้วที่จะต้องปฏิบัติการให้เด็ดขาดและหวังว่าคงจะไม่มีเสียงนกเสียงกาออกมากระแหนะกระแหนอีก ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าผู้ชายในหมู่บ้านตันหยงลิมอหายตัวไปจำนวนมากนั้นเรารู้ตัวแล้วว่ามีใครบ้าง แต่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ และทหารไม่ได้ ทุกส่วนราชการ รวมทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จะต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราการเข้า - ออกชายแดนให้มากขึ้น

"ส่วนจะเป็นการหายตัวไป เพื่อไปรวมตัวกันเคลื่อนไหวต่อหรือไม่นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนที่มีการก่อเหตุในไทย แล้วหลบหนีเข้าไปในมาเลเซีย เป็นเรื่องปกติ เพราะแม้แต่รัฐบาลอินโดนีเซียก็พบปัญหาเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ต้องการให้เร่งแก้ปัญหาบุคคลสองสัญชาติให้ได้ข้อยุติโดยเร็วนั้น ถือเป็นเรื่องดี เพื่อเรื่องจะได้ยุติ รัฐบาลของสองประเทศก็เห็นตรงกันจะได้ทราบชัดเจนว่า เป็นคนสัญชาติใดเพราะจะมีผลต่อการเลือกตั้งของสองประเทศด้วย" พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าว

***"นัจมุดีน"โต้"ผมเสี่ยงเพื่อชาติ"

นายนัจมุดีน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส พรรคไทยรักไทย แถลงตอบโต้นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ที่ตั้งกระทู้ถามในสภาฯกล่าวหาว่ามีคดีเกี่ยวกับปัญหาควมไม่สงบในพื้นที่ติดตัวแต่กลับเข้ามาต่อรองเพื่อช่วยเหลือตัวประกันในกรณีเหตุการณ์ฆ่านายทหาร 2 นายที่หมู่บ้านตันหยงลิมอว่า แม้ตนจะมีคดีติดตัวแต่ก็มีสำนึกในความเป็นไทย ไม่เคยคิดจะทำผิดกฎหมาย ที่เข้าไปช่วยเหลือเพื่อคลี่คลายสภานการณ์ เนื่องจากได้รับการร้องขอจากผู้ว่าฯและนายอำเภอ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องจนจบเรื่องประมาณ 20 ชม ไม่มี ส.ส.ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่เลย

"ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งลงไปช่วยมันผิดตรงไหน คนที่เป็นนักการเมืองจะพูดจากกล่าวหาคนอื่นไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ประชาชนต้องการคนเป็นกลางให้ความช่วยเหลือ และคนที่กล่าวหาผมก็ไม่ลงไปในพื้นที่ ยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวของผมไม่ได้หวังผลทางการเมือง เพราะยังเหลือระยะเวลาการเลือกตั้งอีกนาน ผมขอร้องให้สื่อให้นำเสนอข่างอย่างเป็นกลางตรงไปตรงมาและเรียกร้อง ส.ส.ในพื้นที่ปัจจุบันลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องด้วย"

***ฉะ"ทักษิณ"สติแตกใช้อารมณ์แก้

ส่วนนายไพศาล พรหมยงค์ หนึ่งในคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) กล่าวถึงท่าทีทีแข็งกร้าวของนายกรัฐมนตรีที่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัวผู้ที่ฆ่า 2 นายกวิกโยธินว่า ทุกคนชินแล้วกับท่าทีของนายกฯที่แสดงความยิ่งใหญ่ว่าปัญหาแต่ละปัญหานั้นแก้ได้ เป็นการลดปมด้อยของตัวเอง เพื่อให้คนเห็นว่าไม่กลัวใครทั้งที่ความจริงไม่จำเป็นต้องประกาศ หรือแสดงออกถึงความยิ่งใหญ่ เพราะถึงอย่างไรเจ้าหน้าที่ก็ต้องจับให้ได้อยู่แล้วตามหน้าที่ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดอ่อนของนายกฯที่อยากจะปกปิดปมด้อยของตัวเอง สิ่งที่ตนกังวลมากที่สุดคือ จะทำให้เกิดการพาดพิงไปถึงผู้ที่บริสุทธิ์และไม่เกี่ยวข้อง

"ผมไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ นายกฯ ถึงมาพูดเรื่องเขตปลดปล่อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูด บางคนไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย พอนายกฯมาพูดตอนนี้ก็เริ่มคิดกันไปไกลแล้ว เราต้องมาให้สโลแกนนายกฯใหม่ว่า นายกฯคิดเองพูดเอง ไม่ใช่คิดใหม่ทำใหม่ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่านายกฯแก้ไขปัญหาด้วยอารมณ์ ใช้ความรู้สึกมากว่าสติปัญญา ที่ผ่านมาทุกคนมีความรู้สึกทั้งนั้น แต่ไม่แสดงออก แต่นายกฯแสดงออกมาหมด ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อย่างสื่อมาเลเชีย ไปพูดถึงทำไม่ ไม่ควรไปยุ่งกะเขาเลย พอพูดออกมามันกลับไปดูถูกเขา ไปตำหนิเขา ทั้งที่เขาไม่ได้ตีข่าวให้ไทยเสียหายเลย และที่เขาเข้ามาก็เพราะประชาชนเรียกร้อง ไม่ได้มาเอง ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเชียไม่ดีอยู่แล้ว นายกฯยิ่งไปพูดแบบนี้ยิ่งไม่ดีใหญ่"

***ผู้นำฝ่ายค้านแนะแนวทางดับไฟใต้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีความรุนแรงมากขึ้นว่า สิ่งที่เริ่มเห็นชัดเจนคือสภาพความรุนแรงในแต่ละพื้นที่ดูแตกต่างกัน ซึ่งได้เสนอไปแล้วว่าต้องดูความแตกต่างแต่ละพื้นที่ในการจัดกำลังเพื่อให้สอดคล้องกับรายละเอียดในพื้นที่นั้น ๆ เพราะไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะมีมากเท่าใดก็ตาม แต่หากจะต้องดูแลครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดที่เป็นพื้นที่กว้าง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นว่าบางพื้นที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถวางแผนและมีเครือข่าย

ดังนั้น ต้องช่วยกันดูแลให้เจ้าหน้าที่ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ได้รับการสนับสนุนด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันในแง่ขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องสำคัญ รวมทั้งนโยบายภาครัฐต้องมีความชัดเจนในแง่ประสิทธิภาพ สิ่งที่ช่วยได้ คือ หลักนิติวิทยาศาสตร์และการขจัดความหวาดระแวงในหมู่ประชาชน โดยต้องช่วงชิงใจของมวลชนในพื้นที่ให้ได้

"การแก้ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ว่าเราสร้างความมั่นใจให้ทุกฝ่ายว่าการปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามกฎกติกา ความสงบเรียบร้อย ชาวบ้านก็สามารถช่วยเจ้าหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องหวาดระแวงอะไร สิ่งที่เราเน้นคือ ต้องขจัดข้อสงสัยของประชาชนที่มีต่อภาครัฐทั้งหมด หากทำตรงนี้ได้ จะได้รับความร่วมมือ ทั้งเรื่องการข่าว การแจ้งเหตุต่าง ๆ หรือการติดตามผู้กระทำผิดที่เกิดขึ้น" ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าว

ส่วนที่นายกฯจะให้คนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มี 2 สัญชาติ เลือกถือเพียงสัญชาติเดียวนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในแง่การออกเอกสารของฝ่ายไทย โดยเฉพาะบัตรประจำตัวประชาชนคงทำได้ แต่คงต้องประสานกับทางการมาเลเซีย เพราะทางการมาเลเซียมีข้อมูลของคนถือสัญชาติมาเลเซียอีกชุด ดังนั้น ตรงนี้ทำฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องประสานการทำงานร่วมกัน

**วางระเบิดชุดรปภ.ครูตร.ตาย2

ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จ.นราธิวาสเมื่อเวลา 08.10 น.ได้เกิดเหตุลอบวางระเบิดทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคุ้มครองครู ที่บริเวณถนนภายในหมู่บ้าน บ.ต้นไม้สูง ม.2 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ส่งผลให้รถยนต์ของตำรวจ ทะเบียน 5 ฉ-2500 กรุงเทพฯ และรถจักรยานยนต์อีก 2 คันได้รับความเสียหายและมีตำรวจเสียชีวิต 2 นาย คือ ส.ต.ต.สมคิด ร่วมทอง และ ส.ต.ต.สมชาย ไข่สะ และบาดเจ็บอีก 1 นาย คือ ส.ต.ต.วิชิต มรรคโช ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า ถูกนำส่ง รพ.สุไหงโก-ลก

ต่อมาเวลา 11.20 น.คนร้ายได้ลอบวางระเบิดอีกที่ถนนสายสุไหงปาดี-เปาะเจะเต็ง บริเวณหมู่ 1 ต.กาว๊ะ อ.สุไหงปาดี มีทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย คือ จ.ส.อ.ชวัฒน์ พึ่งเจริญ ถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกายหลายแห่ง บาดเจ็บสาหัส ส่วน ส.อ.นัฐพร ศรีฐาน และ ส.อ.ศิริศักดิ์ ภูแกดำ ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ตรวจสอบพบว่า คนร้ายนำระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม มาผูกไว้กับต้นไม้ข้างทาง อาศัยหญ้าคาที่รกทึบเป็นที่กำบัง เมื่อทหารชุดคุ้มครองครูโรงเรียนไทยรัฐวิทยา บ้านโคกสยา ต.กาว๊ะ ผ่านมา จึงจุดชนวนระเบิดเพื่อหมายสังหาร
กำลังโหลดความคิดเห็น