ผู้จัดการรายวัน - กระทรวงเกษตรฯ ทำวุ่นปั้นโครงการขุดสระเอื้ออาทร 300,000 บ่อ ไม่ได้ตามเป้าหมายขอโยกใช้เงินปีงบประมาณ2548 ไปโครงการอื่นก่อน 372 ล้านบาท “พินิจ” รู้ทันไม่อนุมัติ ระบุโครงการที่เสนอมาทดแทนไม่ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่อง เสนอ ครม. คณะที่ 6 ที่มีนายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ไม่เห็นชอบ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้เปลี่ยนแปลงการใช้งบประมาณโครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน (สระน้ำเอื้ออาทร) ปี 2548 ที่ได้รับจัดสรรแล้ว 599 ล้านบาทไปใช้ในโครงการส่งเสริมการใช้สารอินทรีย์ทดแทน สารเคมีทางการเกษตร การสนับสนุนการปรับโครงสร้างภาคเกษตร และการแก้ไขปัญหาความยากจน ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง วงเงิน 372 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เหลือวงเงินเดิม 226 ล้านบาทและขอขยายเวลาการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนดังกล่าวจนถึงธ.ค. 2548 โดยเหตุผลที่ไม่อนุมัติตามที่เสนอขอมาทั้งหมดเนื่องจากการจัดทำโครงการใหม่ยังไม่มีความชัดเจน
โดยโครงการที่จัดทำมาระบุว่า เพื่อส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกร อย่างมีการจัดการและช่วยเหลือพึ่งพากัน และรองรับการฟื้นฟูและจัดตั้งโรงงานผลิต ปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ ตลอดจนสร้างเครือข่ายอาสาสมัครเกษตรกรเพื่อสร้างค่านิยมใหม่ ในการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น มีเป้าหมายรณรงค์ให้เข้าถึงเกษตรกรไม่ต่ำกว่า 500,000 ราย และฝึกอบรมเกษตรกร 100,000 ราย และสนับสนุนการขับเคลื่อน วาระแห่งชาติเกษตรอินทรีย์และการใช้สารอินทรีย์ทดแทนสารเคมีทางการเกษตร ด้วยการผลิตสารเร่งจุลินทรีย์ 1.5 ล้านซอง ซึ่งฟื้นฟูบำรุงดินได้ 1.5 ล้านไร่ และส่งเสริมการใช้พืชปุ๋ยสด 187,500 ไร่
รวมทั้งปรับสภาพดินกรด 60,000 ไร่ ตลอดจนนำร่องแปรรูปขยะเป็นปุ๋ยอินทรีย์ สารชีวภาพ สารบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็นในเขตกรุงเทพฯ 40 เขต
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับเหตุผลที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องขอ เปลี่ยนแปลงการใช้งบประมาณเนื่องไม่สามารถใช้เงินที่ได้รับให้ดำเนินโครงการ แหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทานได้ทันในปีงบประมาณ2548ตามที่ ครม.ตั้งแต่ 17 ส.ค.2547เห็นชอบแผนการขุดสระน้ำ ตั้งแต่ปี 2548-2551 ปีละ100,000 บ่อ จากนั้น ครม. 14 ธ.ค.2547 ให้กรมพัฒนาที่ดินดำเนินการประกวดราคาจ้างเหมา ก่อสร้างสระเก็บน้ำขนาด 1,260 ลบ.ม. จำนวน 300,000 บ่อ ภายในวงเงิน 2,694ล้านบาท เป็นเงินงบประมาณ 1,944 ล้านบาท และเงินสมทบเกษตรกร 750 ล้านบาท ซึ่งในปีงบประมาณ 2548 กรมพัฒนาที่ดินได้รับจัดสรรงบแล้ว 599 ล้านบาท เพื่อดำเนินการขุดสระ 92,454 บ่อ ส่วนที่เหลืออีก207,546 บ่อ วงเงิน 1,345 ล้านบาทให้เสนอตั้งไว้ในงบประมาณปี 2549-2551 ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติปรากฏว่ายังไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ เพราะสำนักงานอัยการสูงสุดยังอยู่ระหว่างตรวจสอบสัญญา หรือหากมีการลงนาม ในสัญญาจะไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทั้งหมดภายในปีงบประมาณ2548 กระทรวงเกษตรฯ จึงมีแนวคิดเปลี่ยนแปลงการใช้วงเงินไปในโครงการอื่น
ส่วนวงเงินของปีงบประมาณ 2548 ที่เหลือ 226 ล้านบาท จะยังใช้ใน โครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทานคงเดิมแต่ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการและการใช้จ่ายงบประมาณต่อเนื่องไปในปี 2549 ในกรณีที่มีการ ลงนามในสัญญาภายใน 30 ก.ย.2548
รวมทั้งขอขยายเวลาดำเนินการ จากเดิม 2548-2550 ออกไปอีก 1 ปี โดยสิ้นสุดในปี 2551 นอกจากนั้น คงจะต้องทบทวนเป้าหมายรวมของทั้งโครงการ นี้ใหม่ รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นเช่นความเดือดร้อนของประชาชนอันเนื่องจาก ภาครัฐไม่สามารถจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคได้ทั่วถึง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่อง เสนอ ครม. คณะที่ 6 ที่มีนายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ไม่เห็นชอบ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้เปลี่ยนแปลงการใช้งบประมาณโครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน (สระน้ำเอื้ออาทร) ปี 2548 ที่ได้รับจัดสรรแล้ว 599 ล้านบาทไปใช้ในโครงการส่งเสริมการใช้สารอินทรีย์ทดแทน สารเคมีทางการเกษตร การสนับสนุนการปรับโครงสร้างภาคเกษตร และการแก้ไขปัญหาความยากจน ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง วงเงิน 372 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เหลือวงเงินเดิม 226 ล้านบาทและขอขยายเวลาการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนดังกล่าวจนถึงธ.ค. 2548 โดยเหตุผลที่ไม่อนุมัติตามที่เสนอขอมาทั้งหมดเนื่องจากการจัดทำโครงการใหม่ยังไม่มีความชัดเจน
โดยโครงการที่จัดทำมาระบุว่า เพื่อส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกร อย่างมีการจัดการและช่วยเหลือพึ่งพากัน และรองรับการฟื้นฟูและจัดตั้งโรงงานผลิต ปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ ตลอดจนสร้างเครือข่ายอาสาสมัครเกษตรกรเพื่อสร้างค่านิยมใหม่ ในการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น มีเป้าหมายรณรงค์ให้เข้าถึงเกษตรกรไม่ต่ำกว่า 500,000 ราย และฝึกอบรมเกษตรกร 100,000 ราย และสนับสนุนการขับเคลื่อน วาระแห่งชาติเกษตรอินทรีย์และการใช้สารอินทรีย์ทดแทนสารเคมีทางการเกษตร ด้วยการผลิตสารเร่งจุลินทรีย์ 1.5 ล้านซอง ซึ่งฟื้นฟูบำรุงดินได้ 1.5 ล้านไร่ และส่งเสริมการใช้พืชปุ๋ยสด 187,500 ไร่
รวมทั้งปรับสภาพดินกรด 60,000 ไร่ ตลอดจนนำร่องแปรรูปขยะเป็นปุ๋ยอินทรีย์ สารชีวภาพ สารบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็นในเขตกรุงเทพฯ 40 เขต
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับเหตุผลที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องขอ เปลี่ยนแปลงการใช้งบประมาณเนื่องไม่สามารถใช้เงินที่ได้รับให้ดำเนินโครงการ แหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทานได้ทันในปีงบประมาณ2548ตามที่ ครม.ตั้งแต่ 17 ส.ค.2547เห็นชอบแผนการขุดสระน้ำ ตั้งแต่ปี 2548-2551 ปีละ100,000 บ่อ จากนั้น ครม. 14 ธ.ค.2547 ให้กรมพัฒนาที่ดินดำเนินการประกวดราคาจ้างเหมา ก่อสร้างสระเก็บน้ำขนาด 1,260 ลบ.ม. จำนวน 300,000 บ่อ ภายในวงเงิน 2,694ล้านบาท เป็นเงินงบประมาณ 1,944 ล้านบาท และเงินสมทบเกษตรกร 750 ล้านบาท ซึ่งในปีงบประมาณ 2548 กรมพัฒนาที่ดินได้รับจัดสรรงบแล้ว 599 ล้านบาท เพื่อดำเนินการขุดสระ 92,454 บ่อ ส่วนที่เหลืออีก207,546 บ่อ วงเงิน 1,345 ล้านบาทให้เสนอตั้งไว้ในงบประมาณปี 2549-2551 ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติปรากฏว่ายังไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ เพราะสำนักงานอัยการสูงสุดยังอยู่ระหว่างตรวจสอบสัญญา หรือหากมีการลงนาม ในสัญญาจะไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทั้งหมดภายในปีงบประมาณ2548 กระทรวงเกษตรฯ จึงมีแนวคิดเปลี่ยนแปลงการใช้วงเงินไปในโครงการอื่น
ส่วนวงเงินของปีงบประมาณ 2548 ที่เหลือ 226 ล้านบาท จะยังใช้ใน โครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทานคงเดิมแต่ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการและการใช้จ่ายงบประมาณต่อเนื่องไปในปี 2549 ในกรณีที่มีการ ลงนามในสัญญาภายใน 30 ก.ย.2548
รวมทั้งขอขยายเวลาดำเนินการ จากเดิม 2548-2550 ออกไปอีก 1 ปี โดยสิ้นสุดในปี 2551 นอกจากนั้น คงจะต้องทบทวนเป้าหมายรวมของทั้งโครงการ นี้ใหม่ รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นเช่นความเดือดร้อนของประชาชนอันเนื่องจาก ภาครัฐไม่สามารถจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคได้ทั่วถึง