คำว่า “ฉ้อราษฎร์บังหลวง” ในภาษาไทยนั้นมีความหมายค่อนข้างกว้าง คือหมายถึงการฉ้อราษฎรอย่างหนึ่ง และหมายถึงการบังหลวงหรือการโกงแผ่นดินอีกอย่างหนึ่ง
ความจริงถ้อยคำที่มีความหมายคล้ายคลึงกันในลักษณะนี้ยังมีอยู่อีก คือคำว่า “ทุจริต”, “คอรัปชั่น”, “การปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ” แต่คนโดยทั่วไปมักจะเรียกรวมกันว่าการคอรัปชั่นบ้าง หรือการทุจริตบ้าง ทั้ง ๆ ที่มีความหมายที่ต่างกัน
คำว่า “ทุจริต” เป็นถ้อยคำทั่วไปอย่างหนึ่ง และเป็นถ้อยคำในกฎหมายอีกอย่างหนึ่ง ถ้อยคำทั่วไปหมายความว่าโกง ไม่ว่าจะโกงใครก็ตาม แต่ถ้อยคำในกฎหมายนั้นหมายถึงการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ดังตัวอย่างเช่นกรณีของกรรมการ ป.ป.ช. ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองพิพากษาว่ากระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ซึ่งหมายความว่ามีการใช้อำนาจหน้าที่ในราชการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
คำว่า “คอรัปชั่น” เป็นภาษาต่างประเทศ แต่นำมาใช้กันในความหมายอย่างกว้าง ๆ ว่าหมายถึงการโกง ไม่ว่าจะเป็นการโกงกันในภาคเอกชน เช่น โกงเงินบริษัท หรือโกงแผ่นดินก็ตาม
คำว่า “ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ” เป็นถ้อยคำที่มักใช้กันในภาษากฎหมาย หมายถึงการมีอำนาจหน้าที่ในทางราชการอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ได้ใช้อำนาจหน้าที่นั้นในทางที่ไม่ถูกต้อง และยังคงหมายความรวมถึงการละเว้น ละเลย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดอีกด้วย
ดังตัวอย่างเช่นการปล่อยให้มีบ่อนการพนัน หรือการค้ายาเสพติดอยู่ในพื้นที่ โดยไม่มีการสืบสวนสอบสวนจับกุม ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบ เพราะเมื่อมีหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนปราบปรามอบายมุข บ่อนการพนัน และยาเสพติดแล้ว เมื่อไม่ปฏิบัติและปล่อยปละละเลยให้มีสิ่งเหล่านั้นในพื้นที่ที่รับผิดชอบก็ต้องถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบ
ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายและมีโทษทางอาญาต่างหากออกไปจากโทษทางวินัย ซึ่งมีแค่ว่ากล่าว ตักเตือน ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน พักงานหรือไล่ออก
ในเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบนั้นมีปัญหามากเพราะมักจะถือเอาแต่การปฏิบัติหน้าที่เป็นหลัก ไม่คำนึงถึงการละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นความผิดอย่างเดียวกัน เหมือนกัน และเมื่อมีความผิดแล้วก็มักจะมีการละเว้นไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษทางอาญา โดยเอาความผิดทางวินัยบังหน้า มีการโยกย้ายขอไปที เป็นต้น
ส่วนคำว่า “บังหลวง” นั้นก็คือการโกงแผ่นดิน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องโกงเงินงบประมาณจากการจัดซื้อจัดจ้าง หรือในการให้อนุญาต หรือให้สิทธิ์สัมปทานต่าง ๆ ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่ทำให้แผ่นดินเสียเปรียบเสียหาย โดยผู้กระทำการบังหลวงได้รับผลประโยชน์ตอบแทนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
ขบวนการบังหลวงเป็นเรื่องที่เป็นข่าวคราวแน่นหนาอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว จึงไม่อยากจะกล่าวย้ำซ้ำเติมกันอีก เพราะไม่ตรงกับเรื่องที่ตั้งเป็นชื่อบทความนี้อย่างหนึ่ง และหากกล่าวไปก็จะยืดยาว ทำให้สาระที่มุ่งหมายจะกล่าวตามที่ตั้งชื่อบทความไว้ขาดสารัตถะอันควรจะเป็นไปอีกอย่างหนึ่ง
การฉ้อราษฎร์นั้นเป็นการฉ้อเอากับราษฎรโดยตรง ทำให้ราษฎรเสียหายย่อยยับป่นปี้โดยตรง และทำให้ราษฎรเดือดร้อนโดยตรง แต่กลับเป็นเรื่องที่พูดถึงกันน้อย จนแทบจะลืมเรื่องฉ้อราษฎร์ไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่คู่กับเรื่องบังหลวงนั่นเอง
ดังตัวอย่างเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX นั่นเป็นไร ในอเมริกาเขามี กลต.ที่เอาการเอางาน เมื่อเห็นว่ามีการกระทำความผิดกฎหมายและอาจเกิดความเสียหายแก่นักลงทุน เขาก็ดำเนินการตรวจสอบไต่สวนดำเนินคดี การดำเนินการเช่นนั้นมีผลต่อการปราบปรามการฉ้อราษฎร์ คือการฉ้อนักลงทุนของเขาอย่างหนึ่ง และเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประเทศด้อยพัฒนาที่ถูกฉ้อโกงเอารัดเอาเปรียบอีกประการหนึ่ง
แต่น่าแปลกใจที่บ้านเรากลับไม่มีข่าวคราวในเรื่องนี้อย่างจริงจังเท่าใดนัก เคยปรากฏข่าวเล็ก ๆ ครั้งหนึ่งว่ามีการสอบถามเรื่องนี้ไปยังบริษัทที่เกี่ยวข้อง เหตุที่มีการสอบถามก็เพราะว่าทั้งบริษัทผู้ว่าจ้างก็ดี บริษัทผู้รับเหมาก็ดี ต่างก็เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น
ความจริงเรื่องนี้หากมีการจ่ายเงินที่แพงเกินสมควร หรือมีการกระทำที่มีลักษณะทำให้นักลงทุนได้รับความเสียหาย ก็ต้องถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้มีอำนาจหน้าที่นั้น ๆ ที่จะต้องดำเนินการเพื่อป้องกันการฉ้อราษฎร์ในตลาดหุ้นของประเทศไทย
นั่นเป็นตัวอย่างที่ฉายให้ดูเป็นหนังตัวอย่างเท่านั้น! เพราะเรื่องแบบนี้ยังมีอยู่มากมายก่ายกอง ในวงการสถาบันการเงินและในวงการตลาดหุ้นของประเทศไทย
เรื่องฉ้อราษฎร์ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาตินั้นเห็นจะไม่มีเรื่องใดยิ่งใหญ่เท่ากับการฉ้อราษฎร์ของรัฐบาลจีนเมื่อครั้งที่พรรคก๊กมินตั๋งนำโดยสี่ตระกูลใหญ่ครองอำนาจเหนือเมืองจีน ในยุคนั้นประเทศจีนปกครองด้วยสี่ตระกูลใหญ่ที่เรียกขานโดยทั่วไปว่าเจียง ซุง คุง เฉิน
นั่นคือประเทศจีนยุคนั้นปกครองและอยู่ในอำนาจของคนตระกูลเจียง ตระกูลซุง ตระกูลคุง และตระกูลเฉิน มีการใช้อำนาจรัฐทั้งฉ้อราษฎร์ ทั้งบังหลวง ทั้งข่มเหงรังแกอาณาประชาราษฎร์และขายชาติไปพร้อม ๆ กัน เป็นเหตุให้อาณาประชาราษฎรทั้งแผ่นดินต้องร่วมกันกำจัดรัฐบาลนั้น โดยพึ่งพาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนที่นำโดยเหมาเจ๋อตง
นับแต่เริ่มการต่อสู้ระหว่างทั้งสองพรรค พรรคก๊กมินตั๋งมีกำลังทหารและกำลังสนับสนุนร่วม 8 ล้านคน ในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์มีกำลังทหารและกำลังสนับสนุนแค่ 500,000 คน แต่พอสิ้นสุดสงครามโดยถือเอาวันสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นหลัก ปรากฏว่าพรรคก๊กมินตั๋งพ่ายแพ้ยับเยิน ถูกตีตกทะเลไปตั้งหลักอยู่ที่ไต้หวัน อำนาจรัฐ กองทัพ และดินแดนสูญเสียไปจนหมดสิ้น
ในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์มีกองกำลังทหารและกองกำลังสนับสนุนเพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตาถึง 24 ล้านคน และได้ครองอำนาจเหนือแผ่นดินจีนแต่นั้นมา
การฉ้อราษฎร์ที่ขึ้นชื่อลือชาของรัฐบาลก๊กมินตั๋งก็คือการออกพันธบัตรชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่าธนบัตรกวงหมิง ซึ่งแปลว่าธนบัตรแห่งความรุ่งโรจน์ของประชาชน
มีการนำธนบัตรนี้ออกใช้และจำหน่ายทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ คนจีนโพ้นทะเลจำนวนมากรวมทั้งคนเชื้อสายจีนในประเทศไทยต่างพากันส่งทองคำและเงินตราต่างประเทศไปซื้อธนบัตรกวงหมิงนี้อย่างล้นหลาม
แต่ในที่สุดรัฐบาลก๊กมินตั๋งก็ยกเลิกธนบัตรนั้นเสียดื้อ ๆ คนที่ถือธนบัตรนั้นทั้งในประเทศจีนและนอกประเทศจีนต่างพากันสิ้นเนื้อประดาตัวไปตาม ๆ กัน เพราะธนบัตรกวงหมิงที่ถือไว้นั้นกลายเป็นเศษกระดาษ หรือที่เขาเรียกว่าธนบัตรกงเต๊ก
คำว่า “ธนบัตรกงเต๊ก” ที่มักจะพูดกันเมื่อเวลาค่าเงินอ่อน มีที่มาจากธนบัตร กวงหมิงนี้เอง แต่คนที่เขารู้เรื่องจริง ๆ ก็จะเรียกธนบัตรนี้โดยอาศัยคำพ้องเสียงว่า กวงหมิงไปในความหมายอีกอย่างหนึ่ง เพราะสำเนียงที่ออกเสียงกวงหมิงนั้นนอกจากความหมายหนึ่งแปลว่าธนบัตรแห่งความรุ่งโรจน์ของประชาชนแล้ว อีกคำหนึ่งที่พ้องเสียงกันนั้นมีความหมายว่าต้มประชาชน หรือโกงประชาชนนั่นเอง
ดังนั้นธนบัตรกวงหมิงที่ตอนริเริ่มจำหน่ายขายและมีความหมายว่าธนบัตรแห่งความรุ่งโรจน์ของประชาชน พอถึงตอนจบก็มีความหมายว่าธนบัตรที่ต้มประชาชนหรือโกงประชาชน
การฉ้อราษฎร์แบบนี้ถูกรัฐบาลพม่ายุคหนึ่งนำมาใช้ โดยยกเลิกธนบัตรเงินจั๊ดแบบเดิม แล้วออกแบบใหม่เป็นฉบับละ 90 จั๊ดบ้าง 45 จั๊ดบ้าง ซึ่งนับว่าเป็นการกำหนดหน่วยนับธนบัตรที่พิลึกพิลั่นที่สุดของโลก
การฉ้อราษฎร์ในตลาดหุ้นไทยก็ไม่ต่างอะไรกันกับการออกธนบัตรกวงหมิงของพรรคก๊กมินตั๋งเมื่อครั้งสี่ตระกูลใหญ่ครองอำนาจเหนือแผ่นดินจีน
เป็นแต่วิธีการลึกลับซับซ้อน มีความซ่อนเงื่อน และมีการชักชวนจูงใจด้วยสรรพวิชาการ เพื่อให้ผู้คนทั้งปวงหลงเชื่อว่าหุ้นนั้นมีมูลค่าสูงและสูงกว่าความเป็นจริง แล้วพากันเข้าซื้อหุ้นนั้น
เช่น หุ้นราคาบาทเดียว แต่สมรู้กับนักบัญชีบ้าง นักกฎหมายบ้าง นักวิเคราะห์บ้าง สื่อมวลชนบ้าง นักการตลาดบ้าง บริษัทนายหน้าบ้าง แล้วพากันตีฆ้องร้องป่าวให้เป็นเสียงเดียวกันว่าหุ้นนี้เป็นหุ้นที่มีอนาคต จะมีราคาถึง 30-40 บาท และยังมีอนาคตอีกไกล เพราะมีโครงการใหญ่รออยู่เบื้องหน้าบ้าง เป็นธุรกิจที่จะสอดคล้องรองรับกับนโยบายสำคัญ ๆ ของประเทศบ้าง หรือกำลังทำสัญญาที่จะได้รับผลประโยชน์ก้อนใหญ่ ๆ บ้าง
เมื่อคนใส่สูทมากมายหลายอาชีพร่วมหัวจมท้ายสมรู้กันตีฆ้องร้องป่าวเป็นเสียงเดียวกันฉะนี้แล้ว ตามประสาคนไทยซึ่งเชื่อคนง่ายก็หลงเชื่อ พากันแย่งกันซื้อหุ้นนั้นในราคาถึง 15-20 บาท ซึ่งแพงกว่าความเป็นจริง 15-20 เท่า โดยหวังตั้งใจว่าไม่ช้าไม่นานก็จะได้กำไรอีก 15 เท่า หรือ 20 เท่า
แต่พอเอาเข้าจริงแทนที่ราคาจะขึ้นไป 30-40 บาท พอเปิดขายในตลาดหุ้นวันแรกหรือไม่ถึง 10 วัน ราคากลับตกลงมาเหลือเพียง 2-3 บาท นักลงทุนที่ตกเป็นเหยื่อก็พากันฉิบหายวายวอด แม้กระทั่งสิ้นเนื้อประดาตัว ถึงขนาดต้องไปฉ้อโกงหรือไปปล้นเขาก็เคยมีปรากฏ
ลองดูให้ดีเถิดในตลาดหุ้นบ้านเรามีปรากฏการณ์หรือเหตุการณ์เช่นนี้ถี่ห่างประการใด แล้วลองดูให้ดีเถิดใน 4-5 ปีมานี้ปรากฏการณ์เช่นนี้มีมากน้อยเพียงใด และมีใครเกี่ยวข้องอยู่ในขบวนการนี้
มันมีไม่กี่ตระกูลหรอก เพราะชาวบ้านอย่างเราท่านอย่าว่าแต่จะไปทำการเช่นนั้นเลย แม้จะคิดก็ยังคิดไม่เป็น
นี่คือกระบวนการฉ้อราษฎร์ที่ปล้นอาณาประชาราษฎรอย่างอำมหิตและเลือดเย็น ซึ่งถึงแม้ว่าน้ำใจหนึ่งจะสมน้ำหน้าพวกมักโลภที่หลงเชื่อขบวนการฉ้อราษฎร์ แต่ในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน มีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นไทยด้วยกัน ทำมาหากินอยู่ในแผ่นดินนี้ด้วยกัน ก็อดที่จะทุกข์ร้อนด้วยไม่ได้
วันนี้ผู้มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องการป้องกันปราบปรามการฉ้อราษฎร์ในตลาดหุ้นไทยจึงต้องเร่งแสดงท่าทีให้เห็นว่าไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ แล้วร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อกระชากหน้ากากแล้วเอาขบวนการฉ้อราษฎร์มาลงโทษตามกฎหมาย เพื่อรักษาคุ้มครองประโยชน์ของชาติและผู้ลงทุนทั้งปวงไม่ให้ย่อยยับมากไปกว่าที่เป็นอยู่นี้
ผู้บริหารธนาคารและสถาบันการเงินรวมทั้งกองทุนบางแห่งนั่นแหละตัวดีนัก เพราะหากพวกนี้ไม่สุมหัวร่วมได้เสียด้วยแล้วก็ฉ้อราษฎร์กันแบบนี้ไม่ได้!
ความจริงถ้อยคำที่มีความหมายคล้ายคลึงกันในลักษณะนี้ยังมีอยู่อีก คือคำว่า “ทุจริต”, “คอรัปชั่น”, “การปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ” แต่คนโดยทั่วไปมักจะเรียกรวมกันว่าการคอรัปชั่นบ้าง หรือการทุจริตบ้าง ทั้ง ๆ ที่มีความหมายที่ต่างกัน
คำว่า “ทุจริต” เป็นถ้อยคำทั่วไปอย่างหนึ่ง และเป็นถ้อยคำในกฎหมายอีกอย่างหนึ่ง ถ้อยคำทั่วไปหมายความว่าโกง ไม่ว่าจะโกงใครก็ตาม แต่ถ้อยคำในกฎหมายนั้นหมายถึงการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ดังตัวอย่างเช่นกรณีของกรรมการ ป.ป.ช. ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองพิพากษาว่ากระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ซึ่งหมายความว่ามีการใช้อำนาจหน้าที่ในราชการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
คำว่า “คอรัปชั่น” เป็นภาษาต่างประเทศ แต่นำมาใช้กันในความหมายอย่างกว้าง ๆ ว่าหมายถึงการโกง ไม่ว่าจะเป็นการโกงกันในภาคเอกชน เช่น โกงเงินบริษัท หรือโกงแผ่นดินก็ตาม
คำว่า “ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ” เป็นถ้อยคำที่มักใช้กันในภาษากฎหมาย หมายถึงการมีอำนาจหน้าที่ในทางราชการอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ได้ใช้อำนาจหน้าที่นั้นในทางที่ไม่ถูกต้อง และยังคงหมายความรวมถึงการละเว้น ละเลย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดอีกด้วย
ดังตัวอย่างเช่นการปล่อยให้มีบ่อนการพนัน หรือการค้ายาเสพติดอยู่ในพื้นที่ โดยไม่มีการสืบสวนสอบสวนจับกุม ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบ เพราะเมื่อมีหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนปราบปรามอบายมุข บ่อนการพนัน และยาเสพติดแล้ว เมื่อไม่ปฏิบัติและปล่อยปละละเลยให้มีสิ่งเหล่านั้นในพื้นที่ที่รับผิดชอบก็ต้องถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบ
ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายและมีโทษทางอาญาต่างหากออกไปจากโทษทางวินัย ซึ่งมีแค่ว่ากล่าว ตักเตือน ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน พักงานหรือไล่ออก
ในเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบนั้นมีปัญหามากเพราะมักจะถือเอาแต่การปฏิบัติหน้าที่เป็นหลัก ไม่คำนึงถึงการละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นความผิดอย่างเดียวกัน เหมือนกัน และเมื่อมีความผิดแล้วก็มักจะมีการละเว้นไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษทางอาญา โดยเอาความผิดทางวินัยบังหน้า มีการโยกย้ายขอไปที เป็นต้น
ส่วนคำว่า “บังหลวง” นั้นก็คือการโกงแผ่นดิน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องโกงเงินงบประมาณจากการจัดซื้อจัดจ้าง หรือในการให้อนุญาต หรือให้สิทธิ์สัมปทานต่าง ๆ ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่ทำให้แผ่นดินเสียเปรียบเสียหาย โดยผู้กระทำการบังหลวงได้รับผลประโยชน์ตอบแทนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
ขบวนการบังหลวงเป็นเรื่องที่เป็นข่าวคราวแน่นหนาอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว จึงไม่อยากจะกล่าวย้ำซ้ำเติมกันอีก เพราะไม่ตรงกับเรื่องที่ตั้งเป็นชื่อบทความนี้อย่างหนึ่ง และหากกล่าวไปก็จะยืดยาว ทำให้สาระที่มุ่งหมายจะกล่าวตามที่ตั้งชื่อบทความไว้ขาดสารัตถะอันควรจะเป็นไปอีกอย่างหนึ่ง
การฉ้อราษฎร์นั้นเป็นการฉ้อเอากับราษฎรโดยตรง ทำให้ราษฎรเสียหายย่อยยับป่นปี้โดยตรง และทำให้ราษฎรเดือดร้อนโดยตรง แต่กลับเป็นเรื่องที่พูดถึงกันน้อย จนแทบจะลืมเรื่องฉ้อราษฎร์ไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่คู่กับเรื่องบังหลวงนั่นเอง
ดังตัวอย่างเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX นั่นเป็นไร ในอเมริกาเขามี กลต.ที่เอาการเอางาน เมื่อเห็นว่ามีการกระทำความผิดกฎหมายและอาจเกิดความเสียหายแก่นักลงทุน เขาก็ดำเนินการตรวจสอบไต่สวนดำเนินคดี การดำเนินการเช่นนั้นมีผลต่อการปราบปรามการฉ้อราษฎร์ คือการฉ้อนักลงทุนของเขาอย่างหนึ่ง และเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประเทศด้อยพัฒนาที่ถูกฉ้อโกงเอารัดเอาเปรียบอีกประการหนึ่ง
แต่น่าแปลกใจที่บ้านเรากลับไม่มีข่าวคราวในเรื่องนี้อย่างจริงจังเท่าใดนัก เคยปรากฏข่าวเล็ก ๆ ครั้งหนึ่งว่ามีการสอบถามเรื่องนี้ไปยังบริษัทที่เกี่ยวข้อง เหตุที่มีการสอบถามก็เพราะว่าทั้งบริษัทผู้ว่าจ้างก็ดี บริษัทผู้รับเหมาก็ดี ต่างก็เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น
ความจริงเรื่องนี้หากมีการจ่ายเงินที่แพงเกินสมควร หรือมีการกระทำที่มีลักษณะทำให้นักลงทุนได้รับความเสียหาย ก็ต้องถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้มีอำนาจหน้าที่นั้น ๆ ที่จะต้องดำเนินการเพื่อป้องกันการฉ้อราษฎร์ในตลาดหุ้นของประเทศไทย
นั่นเป็นตัวอย่างที่ฉายให้ดูเป็นหนังตัวอย่างเท่านั้น! เพราะเรื่องแบบนี้ยังมีอยู่มากมายก่ายกอง ในวงการสถาบันการเงินและในวงการตลาดหุ้นของประเทศไทย
เรื่องฉ้อราษฎร์ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาตินั้นเห็นจะไม่มีเรื่องใดยิ่งใหญ่เท่ากับการฉ้อราษฎร์ของรัฐบาลจีนเมื่อครั้งที่พรรคก๊กมินตั๋งนำโดยสี่ตระกูลใหญ่ครองอำนาจเหนือเมืองจีน ในยุคนั้นประเทศจีนปกครองด้วยสี่ตระกูลใหญ่ที่เรียกขานโดยทั่วไปว่าเจียง ซุง คุง เฉิน
นั่นคือประเทศจีนยุคนั้นปกครองและอยู่ในอำนาจของคนตระกูลเจียง ตระกูลซุง ตระกูลคุง และตระกูลเฉิน มีการใช้อำนาจรัฐทั้งฉ้อราษฎร์ ทั้งบังหลวง ทั้งข่มเหงรังแกอาณาประชาราษฎร์และขายชาติไปพร้อม ๆ กัน เป็นเหตุให้อาณาประชาราษฎรทั้งแผ่นดินต้องร่วมกันกำจัดรัฐบาลนั้น โดยพึ่งพาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนที่นำโดยเหมาเจ๋อตง
นับแต่เริ่มการต่อสู้ระหว่างทั้งสองพรรค พรรคก๊กมินตั๋งมีกำลังทหารและกำลังสนับสนุนร่วม 8 ล้านคน ในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์มีกำลังทหารและกำลังสนับสนุนแค่ 500,000 คน แต่พอสิ้นสุดสงครามโดยถือเอาวันสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นหลัก ปรากฏว่าพรรคก๊กมินตั๋งพ่ายแพ้ยับเยิน ถูกตีตกทะเลไปตั้งหลักอยู่ที่ไต้หวัน อำนาจรัฐ กองทัพ และดินแดนสูญเสียไปจนหมดสิ้น
ในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์มีกองกำลังทหารและกองกำลังสนับสนุนเพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตาถึง 24 ล้านคน และได้ครองอำนาจเหนือแผ่นดินจีนแต่นั้นมา
การฉ้อราษฎร์ที่ขึ้นชื่อลือชาของรัฐบาลก๊กมินตั๋งก็คือการออกพันธบัตรชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่าธนบัตรกวงหมิง ซึ่งแปลว่าธนบัตรแห่งความรุ่งโรจน์ของประชาชน
มีการนำธนบัตรนี้ออกใช้และจำหน่ายทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ คนจีนโพ้นทะเลจำนวนมากรวมทั้งคนเชื้อสายจีนในประเทศไทยต่างพากันส่งทองคำและเงินตราต่างประเทศไปซื้อธนบัตรกวงหมิงนี้อย่างล้นหลาม
แต่ในที่สุดรัฐบาลก๊กมินตั๋งก็ยกเลิกธนบัตรนั้นเสียดื้อ ๆ คนที่ถือธนบัตรนั้นทั้งในประเทศจีนและนอกประเทศจีนต่างพากันสิ้นเนื้อประดาตัวไปตาม ๆ กัน เพราะธนบัตรกวงหมิงที่ถือไว้นั้นกลายเป็นเศษกระดาษ หรือที่เขาเรียกว่าธนบัตรกงเต๊ก
คำว่า “ธนบัตรกงเต๊ก” ที่มักจะพูดกันเมื่อเวลาค่าเงินอ่อน มีที่มาจากธนบัตร กวงหมิงนี้เอง แต่คนที่เขารู้เรื่องจริง ๆ ก็จะเรียกธนบัตรนี้โดยอาศัยคำพ้องเสียงว่า กวงหมิงไปในความหมายอีกอย่างหนึ่ง เพราะสำเนียงที่ออกเสียงกวงหมิงนั้นนอกจากความหมายหนึ่งแปลว่าธนบัตรแห่งความรุ่งโรจน์ของประชาชนแล้ว อีกคำหนึ่งที่พ้องเสียงกันนั้นมีความหมายว่าต้มประชาชน หรือโกงประชาชนนั่นเอง
ดังนั้นธนบัตรกวงหมิงที่ตอนริเริ่มจำหน่ายขายและมีความหมายว่าธนบัตรแห่งความรุ่งโรจน์ของประชาชน พอถึงตอนจบก็มีความหมายว่าธนบัตรที่ต้มประชาชนหรือโกงประชาชน
การฉ้อราษฎร์แบบนี้ถูกรัฐบาลพม่ายุคหนึ่งนำมาใช้ โดยยกเลิกธนบัตรเงินจั๊ดแบบเดิม แล้วออกแบบใหม่เป็นฉบับละ 90 จั๊ดบ้าง 45 จั๊ดบ้าง ซึ่งนับว่าเป็นการกำหนดหน่วยนับธนบัตรที่พิลึกพิลั่นที่สุดของโลก
การฉ้อราษฎร์ในตลาดหุ้นไทยก็ไม่ต่างอะไรกันกับการออกธนบัตรกวงหมิงของพรรคก๊กมินตั๋งเมื่อครั้งสี่ตระกูลใหญ่ครองอำนาจเหนือแผ่นดินจีน
เป็นแต่วิธีการลึกลับซับซ้อน มีความซ่อนเงื่อน และมีการชักชวนจูงใจด้วยสรรพวิชาการ เพื่อให้ผู้คนทั้งปวงหลงเชื่อว่าหุ้นนั้นมีมูลค่าสูงและสูงกว่าความเป็นจริง แล้วพากันเข้าซื้อหุ้นนั้น
เช่น หุ้นราคาบาทเดียว แต่สมรู้กับนักบัญชีบ้าง นักกฎหมายบ้าง นักวิเคราะห์บ้าง สื่อมวลชนบ้าง นักการตลาดบ้าง บริษัทนายหน้าบ้าง แล้วพากันตีฆ้องร้องป่าวให้เป็นเสียงเดียวกันว่าหุ้นนี้เป็นหุ้นที่มีอนาคต จะมีราคาถึง 30-40 บาท และยังมีอนาคตอีกไกล เพราะมีโครงการใหญ่รออยู่เบื้องหน้าบ้าง เป็นธุรกิจที่จะสอดคล้องรองรับกับนโยบายสำคัญ ๆ ของประเทศบ้าง หรือกำลังทำสัญญาที่จะได้รับผลประโยชน์ก้อนใหญ่ ๆ บ้าง
เมื่อคนใส่สูทมากมายหลายอาชีพร่วมหัวจมท้ายสมรู้กันตีฆ้องร้องป่าวเป็นเสียงเดียวกันฉะนี้แล้ว ตามประสาคนไทยซึ่งเชื่อคนง่ายก็หลงเชื่อ พากันแย่งกันซื้อหุ้นนั้นในราคาถึง 15-20 บาท ซึ่งแพงกว่าความเป็นจริง 15-20 เท่า โดยหวังตั้งใจว่าไม่ช้าไม่นานก็จะได้กำไรอีก 15 เท่า หรือ 20 เท่า
แต่พอเอาเข้าจริงแทนที่ราคาจะขึ้นไป 30-40 บาท พอเปิดขายในตลาดหุ้นวันแรกหรือไม่ถึง 10 วัน ราคากลับตกลงมาเหลือเพียง 2-3 บาท นักลงทุนที่ตกเป็นเหยื่อก็พากันฉิบหายวายวอด แม้กระทั่งสิ้นเนื้อประดาตัว ถึงขนาดต้องไปฉ้อโกงหรือไปปล้นเขาก็เคยมีปรากฏ
ลองดูให้ดีเถิดในตลาดหุ้นบ้านเรามีปรากฏการณ์หรือเหตุการณ์เช่นนี้ถี่ห่างประการใด แล้วลองดูให้ดีเถิดใน 4-5 ปีมานี้ปรากฏการณ์เช่นนี้มีมากน้อยเพียงใด และมีใครเกี่ยวข้องอยู่ในขบวนการนี้
มันมีไม่กี่ตระกูลหรอก เพราะชาวบ้านอย่างเราท่านอย่าว่าแต่จะไปทำการเช่นนั้นเลย แม้จะคิดก็ยังคิดไม่เป็น
นี่คือกระบวนการฉ้อราษฎร์ที่ปล้นอาณาประชาราษฎรอย่างอำมหิตและเลือดเย็น ซึ่งถึงแม้ว่าน้ำใจหนึ่งจะสมน้ำหน้าพวกมักโลภที่หลงเชื่อขบวนการฉ้อราษฎร์ แต่ในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน มีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นไทยด้วยกัน ทำมาหากินอยู่ในแผ่นดินนี้ด้วยกัน ก็อดที่จะทุกข์ร้อนด้วยไม่ได้
วันนี้ผู้มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องการป้องกันปราบปรามการฉ้อราษฎร์ในตลาดหุ้นไทยจึงต้องเร่งแสดงท่าทีให้เห็นว่าไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ แล้วร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อกระชากหน้ากากแล้วเอาขบวนการฉ้อราษฎร์มาลงโทษตามกฎหมาย เพื่อรักษาคุ้มครองประโยชน์ของชาติและผู้ลงทุนทั้งปวงไม่ให้ย่อยยับมากไปกว่าที่เป็นอยู่นี้
ผู้บริหารธนาคารและสถาบันการเงินรวมทั้งกองทุนบางแห่งนั่นแหละตัวดีนัก เพราะหากพวกนี้ไม่สุมหัวร่วมได้เสียด้วยแล้วก็ฉ้อราษฎร์กันแบบนี้ไม่ได้!