ผบ.ตร.ระงับออกใบอนุญาตเปิดสถานบริการอาบอบนวด เอไลน่า ส่งเรื่องกลับบช.น.รับไปดำเนินการต่อ เอกสารคณะกรรมการทบทวนพิจารณาผลการอุทธรณ์ ระบุชัด ขัด พ.ร.บ.สถานบริการ มาตรา 7(1) (2) ที่สถานบริการเปิดใกล้โรงเรียนและที่อยู่อาศัย ขณะที่"โกลัก"บอกงงกับคำสั่ง พร้อมมอบทีมทนายเตรียมฟ้องผู้เกี่ยวข้อง
วานนี้ (19 ก.ย.) พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. กล่าวภายหลังการพิจารณาข้อเสนอคณะกรรมการทบทวนพิจารณาผลการอุทธรณ์การตั้งสถานบริการเอไลน่า ชุดที่มี พล.ต.อ.อำนวย เพชรศิริ รองผบ.ตร.เป็นประธานว่า เรื่องนี้ได้มีคำสั่งยกอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาต นั่นคือให้งดออกใบอนุญาตสถานบริการดังกล่าวแล้ว โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับไปดำเนินการ ถือว่าเรื่องนี้จบไปแล้ว โดยคำสั่งที่ออกไปยึดตามหลักของกฎหมายเป็นสำคัญ ส่วนจะมีการฟ้องร้องนั้นก็เป็นเรื่องที่ทำได้ ซึ่งตนก็โดนฟ้องทุกวันอยู่แล้ว ซึ่งในคดีนี้ก็ต้องนำหลักกฎหมายมาแก้ต่าง
ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ประสาทพร บุญเดช รักษาราชการแทน ผู้บังคับการสารนิเทศ (ผบก.สท.) ออกมาแจ้งต่อสื่อมวลชน ว่า ขณะนี้กองคดีกำลังพิจารณาข้อกฎหมายอยู่ โดยรายละเอียดนั้น พล.ต.อ.โกวิท จะเป็นผู้แถลงข่าวด้วยตัวเองอีกครั้ง พร้อมทั้งได้นำเอกสารที่ระบุถึงเหตุผลในการตั้งคณะกรรมการทบทวนพิจารณาผลการอุทธรณ์การตั้งสถานบริการเอไลน่า ชุดที่มี พล.ต.อ.อำนวย เพชรศิริ รองผบ.ตร. เป็นประธาน มาแจกจ่ายให้ผู้สื่อข่าวด้วย สำหรับเอกสารดังกล่าว ได้ลำดับขั้นตอนเรื่องราวตั้งแต่แรกถึงปัจจุบัน โดย เอกสารระบุว่า
"กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)ให้เหตุผลในการไม่อนุญาตว่า ในพื้นที่สน.ห้วยขวางมีสถานบริการมากแล้ว และต้องใช้กำลังในการตรวจตราดูแลเป็นจำนวนมาก อาจทำให้การบริการประชาชนด้านอื่นเสียหาย จากนั้นผู้ขอใบอนุญาต จึงยื่นอุทธรณ์ต่อ คณะกรรมการพิจารณาสถานบริการฯ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)ที่มี พล.ต.ท.ธวัชชัย จุลสุคนธ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่า คำขออุทธรณ์ฟังขึ้น เพราะเหตุผลของ บช.น. เป็นการใช้ดุลยพินิจ ไม่ใช่ข้อกฎหมาย
จากนั้น บช.น.นำมติของกรรมการพิจารณาฯ ไปเขียนใบอนุญาต แต่ใบอนุญาตที่เขียนขึ้นมาจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อ บช.น.ส่งให้ สน.ห้วยขวาง เพื่อแจ้งผู้ขออนุญาตมาเสียค่าธรรมเนียม และรับใบอนุญาตไป แต่ขณะนี้เอกสารดังกล่าวยังเป็นเพียงเอกสารทางราชการอยู่ที่ บช.น.ยังไม่เป็นใบอนุญาต ตร.จึงเรียกเรื่องเดิมทั้งหมดมาให้คณะกรรมการทบทวนฯ พิจารณา ซึ่งคณะกรรมการทบทวนได้รายงานผลมาให้ทราบตั้งแต่ วันที่ 16 ก.ย. โดยได้นำข้อกฎหมายมาพิจารณา คือ พ.ร.บ.สถานบริการ มาตรา 7(1) (2) ที่สถานบริการเปิดใกล้โรงเรียนและที่อยู่อาศัย กับ มาตรา 8 เรื่องการยินยอมของผู้ให้เช่าที่ คือการรถไฟแห่งประเทศไทย ในการขอเป็นสถานบริการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อความถูกต้องรอบคอบในการพิจารณาสั่งการ" เอกสารระบุ
ด้าน นายกุลประเสริฐ สุขี หรือโกลัก เจ้าของกิจการอาบอบนวดเอไลน่า กล่าวถึงคำสั่งดังกล่าว ว่ารู้สึกงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่ผ่านมาได้ดำเนินการถูกต้องทุกอย่าง ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ขณะนี้ได้มอบหมายให้ทีมทนายความ ไปรวบรวมข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ว่าจะยื่นฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายต่อไปอย่างไร
นายกุลประเสริฐ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของสถานบริการว่า ขณะนี้มีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยตามกำหนดเดิมจะเปิดให้บริการ ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ แต่เมื่อถูกคำสั่งห้ามเปิด ก็คงจะต้องมาคิดอีกครั้ง ว่าจะทำอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของคดีที่หุ้นส่วนเอไลน่ายื่นฟ้อง ผบช.น.และ สตช.เมื่อวันที่ 21 ก.ย.47 กรณีไม่พิจารณาตั้งสถานบริการอาบอบนวด ตามระยะเวลาที่กำหนด ศาลปกครองมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.48
วานนี้ (19 ก.ย.) พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. กล่าวภายหลังการพิจารณาข้อเสนอคณะกรรมการทบทวนพิจารณาผลการอุทธรณ์การตั้งสถานบริการเอไลน่า ชุดที่มี พล.ต.อ.อำนวย เพชรศิริ รองผบ.ตร.เป็นประธานว่า เรื่องนี้ได้มีคำสั่งยกอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาต นั่นคือให้งดออกใบอนุญาตสถานบริการดังกล่าวแล้ว โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับไปดำเนินการ ถือว่าเรื่องนี้จบไปแล้ว โดยคำสั่งที่ออกไปยึดตามหลักของกฎหมายเป็นสำคัญ ส่วนจะมีการฟ้องร้องนั้นก็เป็นเรื่องที่ทำได้ ซึ่งตนก็โดนฟ้องทุกวันอยู่แล้ว ซึ่งในคดีนี้ก็ต้องนำหลักกฎหมายมาแก้ต่าง
ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ประสาทพร บุญเดช รักษาราชการแทน ผู้บังคับการสารนิเทศ (ผบก.สท.) ออกมาแจ้งต่อสื่อมวลชน ว่า ขณะนี้กองคดีกำลังพิจารณาข้อกฎหมายอยู่ โดยรายละเอียดนั้น พล.ต.อ.โกวิท จะเป็นผู้แถลงข่าวด้วยตัวเองอีกครั้ง พร้อมทั้งได้นำเอกสารที่ระบุถึงเหตุผลในการตั้งคณะกรรมการทบทวนพิจารณาผลการอุทธรณ์การตั้งสถานบริการเอไลน่า ชุดที่มี พล.ต.อ.อำนวย เพชรศิริ รองผบ.ตร. เป็นประธาน มาแจกจ่ายให้ผู้สื่อข่าวด้วย สำหรับเอกสารดังกล่าว ได้ลำดับขั้นตอนเรื่องราวตั้งแต่แรกถึงปัจจุบัน โดย เอกสารระบุว่า
"กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)ให้เหตุผลในการไม่อนุญาตว่า ในพื้นที่สน.ห้วยขวางมีสถานบริการมากแล้ว และต้องใช้กำลังในการตรวจตราดูแลเป็นจำนวนมาก อาจทำให้การบริการประชาชนด้านอื่นเสียหาย จากนั้นผู้ขอใบอนุญาต จึงยื่นอุทธรณ์ต่อ คณะกรรมการพิจารณาสถานบริการฯ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)ที่มี พล.ต.ท.ธวัชชัย จุลสุคนธ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่า คำขออุทธรณ์ฟังขึ้น เพราะเหตุผลของ บช.น. เป็นการใช้ดุลยพินิจ ไม่ใช่ข้อกฎหมาย
จากนั้น บช.น.นำมติของกรรมการพิจารณาฯ ไปเขียนใบอนุญาต แต่ใบอนุญาตที่เขียนขึ้นมาจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อ บช.น.ส่งให้ สน.ห้วยขวาง เพื่อแจ้งผู้ขออนุญาตมาเสียค่าธรรมเนียม และรับใบอนุญาตไป แต่ขณะนี้เอกสารดังกล่าวยังเป็นเพียงเอกสารทางราชการอยู่ที่ บช.น.ยังไม่เป็นใบอนุญาต ตร.จึงเรียกเรื่องเดิมทั้งหมดมาให้คณะกรรมการทบทวนฯ พิจารณา ซึ่งคณะกรรมการทบทวนได้รายงานผลมาให้ทราบตั้งแต่ วันที่ 16 ก.ย. โดยได้นำข้อกฎหมายมาพิจารณา คือ พ.ร.บ.สถานบริการ มาตรา 7(1) (2) ที่สถานบริการเปิดใกล้โรงเรียนและที่อยู่อาศัย กับ มาตรา 8 เรื่องการยินยอมของผู้ให้เช่าที่ คือการรถไฟแห่งประเทศไทย ในการขอเป็นสถานบริการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อความถูกต้องรอบคอบในการพิจารณาสั่งการ" เอกสารระบุ
ด้าน นายกุลประเสริฐ สุขี หรือโกลัก เจ้าของกิจการอาบอบนวดเอไลน่า กล่าวถึงคำสั่งดังกล่าว ว่ารู้สึกงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่ผ่านมาได้ดำเนินการถูกต้องทุกอย่าง ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ขณะนี้ได้มอบหมายให้ทีมทนายความ ไปรวบรวมข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ว่าจะยื่นฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายต่อไปอย่างไร
นายกุลประเสริฐ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของสถานบริการว่า ขณะนี้มีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยตามกำหนดเดิมจะเปิดให้บริการ ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ แต่เมื่อถูกคำสั่งห้ามเปิด ก็คงจะต้องมาคิดอีกครั้ง ว่าจะทำอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของคดีที่หุ้นส่วนเอไลน่ายื่นฟ้อง ผบช.น.และ สตช.เมื่อวันที่ 21 ก.ย.47 กรณีไม่พิจารณาตั้งสถานบริการอาบอบนวด ตามระยะเวลาที่กำหนด ศาลปกครองมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.48