เกิดเหตุรถไฟด่วนยะลา-กรุงเทพฯพุ่งชนรถนักเรียนโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จ.ยะลา เป็นเหตุให้คนขับและนักเรียนเสียชีวิต 9 รายบาดเจ็บอีกนับ 10 ราย ส่งผลให้ผู้โดยสารใน 5 ขบวนรถไฟที่เกิดเหตุติดค้างระหว่างเส้นทางล่าช้ากว่า 1 ชั่วโมง เตรียมเสนอ ร.ฟ.ท.ติดตั้งเครื่องกั้นเนื่องจากพบว่าปัจจุบันจุเเกิดเหตุมีประชาชนใช้เส้นทางจำนวนมาก
วานนี้ (12 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ยะลาว่า เมื่อเวลา 15.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งเหตุรถไฟขบวนรถด่วนยะลา-กรุงเทพฯ หมายเลข 902 ชนกับรถปิกอัพ 2 ตอน ซึ่งดัดแปลงเป็นรถสำหรับรับส่งนักเรียนของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ
เหตุเกิดบริเวณถนนตัดผ่านเส้นทางรถไฟ บริเวณบ้านยุโป ม.1 ต.ยุโป อ.เมืองยะลา ระหว่างที่รถปิกอัพคันดังกล่าวขับข้ามรางรถไฟ และถูกรถไฟพุ่งชนและลากไปเป็นทางยางร่วมครึ่งกิโลเมตร เหตุที่เกิดขึ้นทำให้คนขับรถปิกอัพนักเรียนเสียชีวิตทันทีรวม 9 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 10 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันงัดร่างของผู้เสียชีวิตอีก 1 ศพ ที่ถูกอัดติดอยู่กับหัวรถจักร ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดทราบว่ามีอาการสาหัส แต่แพทย์ได้ทำการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว
ด้าน นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์รถไฟในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์รับส่งนักเรียนประสานงากับรถไฟสายยะลา-กรุงเทพฯ ขบวนที่ 38 เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังแก้ไขสถานการณ์ยังที่เกิดเหตุอย่างเร่งด่วนจนสามารถแยกเศษเหล็กออกจากตู้รถไฟได้แล้ว ซึ่งมีรถไฟจำนวน 4 ขบวนที่ยังไม่สามารถสัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าวได้ คือ (1.รถด่วน สุไหงโก-ลก ขบวนที่ 38 (2.รถธรรมดา สุไหงโก-ลก ขบวนที่ 47 (3. รถธรรมดา สุไหงโก-ลก-หาดใหญ่ และ (4.รถธรรมดา นครศรีธรรมราช-ยะลา
นายทนงศักดิ์ กล่าวต่อว่า คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้ การรถไฟฯจะสามารถเคลียร์พื้นที่เกิดอุบัติเหตุ และตรวจสภาพความเสียหายของเส้นทาง ซึ่งเบื้องต้นตู้โดยสารไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด และเปิดให้มีการวิ่งตามเส้นทางได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม จากอุบัติเหตุครั้งนี้ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการเดินทางสัญจรของรถไฟสายใต้เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง
"จุดที่เกิดเหตุมีเพียงป้ายสัญญาณเตือนให้หยุดเพื่อระวังรถไฟ แต่ไม่มีเครื่องกั้นเหมือนจุดที่มีการจราจรหนานแน่น ซึ่งหลังจากนี้เราก็จะต้องติดต่อไปทางร.ฟ.ท.เพื่อให้มีการพิจารณาติดตั้งเครื่องกั้น เพราะก่อนหน้านี้ จุดที่เกิดเหตุยังมีการจราจรไม่หนาแน่นมากนัก แต่ระยะหลัง มีประชาชนใช้เส้นทางดังกล่าวสัญจรไปมาจำนวนมาก ซึ่งจะมีการนำเสนอการป้องกันอุบัติเหตุต่อไป" นายทนงศักดิ์ กล่าว
วานนี้ (12 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ยะลาว่า เมื่อเวลา 15.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งเหตุรถไฟขบวนรถด่วนยะลา-กรุงเทพฯ หมายเลข 902 ชนกับรถปิกอัพ 2 ตอน ซึ่งดัดแปลงเป็นรถสำหรับรับส่งนักเรียนของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ
เหตุเกิดบริเวณถนนตัดผ่านเส้นทางรถไฟ บริเวณบ้านยุโป ม.1 ต.ยุโป อ.เมืองยะลา ระหว่างที่รถปิกอัพคันดังกล่าวขับข้ามรางรถไฟ และถูกรถไฟพุ่งชนและลากไปเป็นทางยางร่วมครึ่งกิโลเมตร เหตุที่เกิดขึ้นทำให้คนขับรถปิกอัพนักเรียนเสียชีวิตทันทีรวม 9 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 10 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันงัดร่างของผู้เสียชีวิตอีก 1 ศพ ที่ถูกอัดติดอยู่กับหัวรถจักร ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดทราบว่ามีอาการสาหัส แต่แพทย์ได้ทำการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว
ด้าน นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์รถไฟในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์รับส่งนักเรียนประสานงากับรถไฟสายยะลา-กรุงเทพฯ ขบวนที่ 38 เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังแก้ไขสถานการณ์ยังที่เกิดเหตุอย่างเร่งด่วนจนสามารถแยกเศษเหล็กออกจากตู้รถไฟได้แล้ว ซึ่งมีรถไฟจำนวน 4 ขบวนที่ยังไม่สามารถสัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าวได้ คือ (1.รถด่วน สุไหงโก-ลก ขบวนที่ 38 (2.รถธรรมดา สุไหงโก-ลก ขบวนที่ 47 (3. รถธรรมดา สุไหงโก-ลก-หาดใหญ่ และ (4.รถธรรมดา นครศรีธรรมราช-ยะลา
นายทนงศักดิ์ กล่าวต่อว่า คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้ การรถไฟฯจะสามารถเคลียร์พื้นที่เกิดอุบัติเหตุ และตรวจสภาพความเสียหายของเส้นทาง ซึ่งเบื้องต้นตู้โดยสารไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด และเปิดให้มีการวิ่งตามเส้นทางได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม จากอุบัติเหตุครั้งนี้ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการเดินทางสัญจรของรถไฟสายใต้เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง
"จุดที่เกิดเหตุมีเพียงป้ายสัญญาณเตือนให้หยุดเพื่อระวังรถไฟ แต่ไม่มีเครื่องกั้นเหมือนจุดที่มีการจราจรหนานแน่น ซึ่งหลังจากนี้เราก็จะต้องติดต่อไปทางร.ฟ.ท.เพื่อให้มีการพิจารณาติดตั้งเครื่องกั้น เพราะก่อนหน้านี้ จุดที่เกิดเหตุยังมีการจราจรไม่หนาแน่นมากนัก แต่ระยะหลัง มีประชาชนใช้เส้นทางดังกล่าวสัญจรไปมาจำนวนมาก ซึ่งจะมีการนำเสนอการป้องกันอุบัติเหตุต่อไป" นายทนงศักดิ์ กล่าว