เอเอฟพี - เพียงแค่สองสัปดาห์ที่ผ่านมา สิงคโปร์ได้ทุ่มเงินไปแล้วกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยผ่านองค์การเพื่อการลงทุนในสังกัด คือ เทมาเซค โฮลดิ้งส์ และ กัฟเวอร์นเมนต์ ออฟ สิงคโปร์ อินเวสเมนต์ คอร์ป. (จีไอซี) เที่ยวซื้อทรัพย์สินในพื้นที่ต่างๆ รวมไปถึงจีน ทำให้พอร์ตทรัพย์สินในทั่วโลกของสิงคโปร์ยิ่งทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดคือ การที่จีไอซีทุ่มเงินสด 392 ล้านดอลลาร์เข้าซื้อโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัล โฮเต็ล ปารีส จากกลุ่มธุรกิจโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัลของอังกฤษเมื่อวันพฤหัสฯ (8) ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านั้นเพียงแค่ 1 สัปดาห์ ก็ได้ประกาศลงทุนเป็นมูลค่า 600 ล้านดอลลาร์ในโปรโลจิส กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของศูนย์โกดังเก็บสินค้าและศูนย์จัดจำหน่ายรายใหญ่อันดับ 1 ของโลก
ด้านเทมาเซคก็ไม่น้อยหน้าโดยได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า มีแผนจะเข้าซื้อหุ้น 10% ในแบงก์ ออฟ ไชน่า ด้วยเงินทุน 3,100 ล้านดอลลาร์ ตามแผนยุทธศาสตร์การรุกเข้าสู่ตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตดีในภูมิภาคเอเชีย
การทำสัญญาซื้อขายกับแบงก์ ออฟ ไชน่าของเทมาเซคครั้งนี้ ถือเป็นการขยายเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ 4 ธนาคารใหญ่ของแดนมังกรเป็นครั้งที่สอง หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม เทมาเซคได้ลงนามในข้อตกลงซื้อหุ้นเป็นมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ระหว่างการทำไอพีโอของไชน่า คอนสตรักชั่น แบงก์
"การลงทุนในจีนเป็นส่วนหนึ่งของแผนคาดการณ์การเติบโตระยะยาวในภูมิภาคเอเชีย" อีวา โฮ โฆษกของเทมาเซคกล่าว
เทมาเซคเวลานี้มีทรัพย์สินในครอบครองรวมทั้งสิ้น 54,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีหุ้นอยู่ในธุรกิจหลากหลายประเภทตั้งแต่ธนาคารไปจนถึงบริษัทโทรคมนาคม สายการบิน และบริษัทพลังงาน ตลอดจนยังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังๆ ของสิงคโปร์มากมายรวมไปถึงสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส
กระแสการทุ่มเงินลงทุนในต่างประเทศของสิงคโปร์นั้น ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด เมื่อพิจารณาถึงตลาดภายในประเทศของสิงโปร์ที่อยู่ในช่วงอิ่มตัว บรรดานักวิเคราะห์จึงมองกันว่า การที่สิงคโปร์ใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ไปลงทุนในประเทศต่างๆ ที่มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนดีนั้น เป็นเรื่องสมเหตุผลแล้ว
ทั้งนี้ ขณะที่เทมาเซคมุ่งเน้นการลงทุนในภาคธุรกิจการเงินเอเชีย จีไอซีก็มุ่งเน้นในด้านการเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ชั้นเยี่ยมในเมืองพาณิชย์สำคัญๆ ทั่วโลก นอกเหนือจากอินเตอร์คอนติเนนทัล โฮเต็ล ปารีสแล้ว จีไอซียังมีธุรกิจโรงแรมอื่นอีกหลายแห่งรวมไปถึงโรงแรมเวสติน ซิดนีย์, ปาร์ค ไฮแอตต์ เมลเบิร์น และอินเตอร์คอนติเนนทัล ปราก โฮเต็ล
นอกจากนี้ ในช่วง 9 เดือนที่มา จีไอซียังได้ขยายอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์เข้าไปในเมืองหลวงสำคัญๆ เกือบทุกแห่งทั่วโลก ด้วยการเข้าซื้อเป็นจำนวนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ชอปปิ้ง มอลล์ในอังกฤษไปจนถึงอพาร์ทเมนต์ให้เช่าในกรุงโตเกียว
ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดคือ การที่จีไอซีทุ่มเงินสด 392 ล้านดอลลาร์เข้าซื้อโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัล โฮเต็ล ปารีส จากกลุ่มธุรกิจโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัลของอังกฤษเมื่อวันพฤหัสฯ (8) ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านั้นเพียงแค่ 1 สัปดาห์ ก็ได้ประกาศลงทุนเป็นมูลค่า 600 ล้านดอลลาร์ในโปรโลจิส กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของศูนย์โกดังเก็บสินค้าและศูนย์จัดจำหน่ายรายใหญ่อันดับ 1 ของโลก
ด้านเทมาเซคก็ไม่น้อยหน้าโดยได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า มีแผนจะเข้าซื้อหุ้น 10% ในแบงก์ ออฟ ไชน่า ด้วยเงินทุน 3,100 ล้านดอลลาร์ ตามแผนยุทธศาสตร์การรุกเข้าสู่ตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตดีในภูมิภาคเอเชีย
การทำสัญญาซื้อขายกับแบงก์ ออฟ ไชน่าของเทมาเซคครั้งนี้ ถือเป็นการขยายเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ 4 ธนาคารใหญ่ของแดนมังกรเป็นครั้งที่สอง หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม เทมาเซคได้ลงนามในข้อตกลงซื้อหุ้นเป็นมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ระหว่างการทำไอพีโอของไชน่า คอนสตรักชั่น แบงก์
"การลงทุนในจีนเป็นส่วนหนึ่งของแผนคาดการณ์การเติบโตระยะยาวในภูมิภาคเอเชีย" อีวา โฮ โฆษกของเทมาเซคกล่าว
เทมาเซคเวลานี้มีทรัพย์สินในครอบครองรวมทั้งสิ้น 54,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีหุ้นอยู่ในธุรกิจหลากหลายประเภทตั้งแต่ธนาคารไปจนถึงบริษัทโทรคมนาคม สายการบิน และบริษัทพลังงาน ตลอดจนยังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังๆ ของสิงคโปร์มากมายรวมไปถึงสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส
กระแสการทุ่มเงินลงทุนในต่างประเทศของสิงคโปร์นั้น ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด เมื่อพิจารณาถึงตลาดภายในประเทศของสิงโปร์ที่อยู่ในช่วงอิ่มตัว บรรดานักวิเคราะห์จึงมองกันว่า การที่สิงคโปร์ใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ไปลงทุนในประเทศต่างๆ ที่มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนดีนั้น เป็นเรื่องสมเหตุผลแล้ว
ทั้งนี้ ขณะที่เทมาเซคมุ่งเน้นการลงทุนในภาคธุรกิจการเงินเอเชีย จีไอซีก็มุ่งเน้นในด้านการเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ชั้นเยี่ยมในเมืองพาณิชย์สำคัญๆ ทั่วโลก นอกเหนือจากอินเตอร์คอนติเนนทัล โฮเต็ล ปารีสแล้ว จีไอซียังมีธุรกิจโรงแรมอื่นอีกหลายแห่งรวมไปถึงโรงแรมเวสติน ซิดนีย์, ปาร์ค ไฮแอตต์ เมลเบิร์น และอินเตอร์คอนติเนนทัล ปราก โฮเต็ล
นอกจากนี้ ในช่วง 9 เดือนที่มา จีไอซียังได้ขยายอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์เข้าไปในเมืองหลวงสำคัญๆ เกือบทุกแห่งทั่วโลก ด้วยการเข้าซื้อเป็นจำนวนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ชอปปิ้ง มอลล์ในอังกฤษไปจนถึงอพาร์ทเมนต์ให้เช่าในกรุงโตเกียว