เอเอฟพี - เหล่ารัฐมนตรีคลังจากชาติสมาชิกกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) เห็นพ้องผนึกกำลังร่วมกันหาทางรับมือราคาน้ำมันแพง ระหว่างการประชุมประจำปีที่กำหนดแนวคิดหลักจะพูดถึง "การเคลื่อนไหวของทุนอย่างเป็นอิสระและมีเสถียรภาพ" และ "สิ่งท้าทายต่อระบบเศรษฐกิจชราภาพ" พร้อมกันนี้เกาหลีใต้ที่เป็นประเทศเจ้าภาพยังได้เรียกร้องให้มีการหารือกันเกี่ยวกับความโปร่งใสในตลาดน้ำมัน เพื่อต่อสู้กับกระแสการเก็งกำไร
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่เกาะเจจู ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวานนี้ (8) และวันนี้ (9) เผยว่า ที่ประชุมยังแสดงความวิตกกังวลในเรื่องตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ที่กำลังเติบโตร้อนแรงขึ้นทุกขณะ เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นในกรณีที่ฟองสบู่แตก อาจส่งผลรุนแรงต่อศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ ในคำปราศรัยวานนี้ของฮันดักซู รัฐมนตรีกระทรวงการคลังและเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ยังระบุว่า ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นกำลังเป็นปัญหากดดันอย่างหนักในหมู่ชาติสมาชิกเอเปกจำนวนมาก ส่งผลให้แนวโน้มทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมืดหม่นลง
"ความต้องการน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในภาวะที่ซัปพลายมีจำกัดเป็นสาเหตุหลักที่ถีบให้ราคาน้ำมันทะยานสูงก็จริง แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ อาทิ การเก็งกำไร และการขาดความโปร่งใสในด้านข้อมูลภายในตลาด ที่เป็นตัวการสำคัญในการบั่นทอนประสิทธิภาพของตลาดน้ำมัน ส่งผลให้ราคายิ่งเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง" ฮันกล่าว
เขาเสนอแนะว่า มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคน้ำมัน ต้องร่วมกันเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางการสื่อสาร เพื่อฉุดรั้งให้กลไกดีมานด์ซัปพลายกลับมามีสมดุล และช่วยส่งเสริมความมีประสิทธิภาพในตลาด
"ปัจจุบัน การสื่อสารระหว่างประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคนั้นขาดความเป็นระบบและไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน จึงน่าจะมีการหารือร่วมกันเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมและปฏิบัติได้จริง"
ทั้งนี้ สมาชิกของกลุ่มเอเปกทั้ง 21 ระบบเศรษฐกิจ บริโภคน้ำมันสูงถึงกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตโดยรวมทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้หมายรวมไปถึง สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ที่เป็น 4 ใน 5 ชาติผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกด้วย
ตามร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับที่กำหนดออกมาภายหลังการประชุมและสำนักข่าวเอเอฟพีได้รับมาก่อนนั้น ได้เน้นย้ำว่าจำเป็นต้องทุ่มเงินลงทุนมากขึ้นในด้านศักยภาพการผลิตและการกลั่นน้ำมัน นอกเหนือไปจากการถ่ายโอนเทคโนโลยีด้านการอนุรักษ์พลังงานระหว่างกัน พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกยุติการอุดหนุนเชื้อเพลิงและการเข้าควบคุมราคา ซึ่งส่งผลให้ดีมานด์น้ำมันผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
นอกเหนือจากเรื่องน้ำมัน ที่ประชุมยังวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ จีน อังกฤษ และประเทศอื่นๆ ที่กำลังทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับความไร้สมดุลทางการค้าระดับโลก ตลอดจนความยืดหยุ่นของการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่เกาะเจจู ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวานนี้ (8) และวันนี้ (9) เผยว่า ที่ประชุมยังแสดงความวิตกกังวลในเรื่องตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ที่กำลังเติบโตร้อนแรงขึ้นทุกขณะ เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นในกรณีที่ฟองสบู่แตก อาจส่งผลรุนแรงต่อศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ ในคำปราศรัยวานนี้ของฮันดักซู รัฐมนตรีกระทรวงการคลังและเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ยังระบุว่า ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นกำลังเป็นปัญหากดดันอย่างหนักในหมู่ชาติสมาชิกเอเปกจำนวนมาก ส่งผลให้แนวโน้มทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมืดหม่นลง
"ความต้องการน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในภาวะที่ซัปพลายมีจำกัดเป็นสาเหตุหลักที่ถีบให้ราคาน้ำมันทะยานสูงก็จริง แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ อาทิ การเก็งกำไร และการขาดความโปร่งใสในด้านข้อมูลภายในตลาด ที่เป็นตัวการสำคัญในการบั่นทอนประสิทธิภาพของตลาดน้ำมัน ส่งผลให้ราคายิ่งเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง" ฮันกล่าว
เขาเสนอแนะว่า มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคน้ำมัน ต้องร่วมกันเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางการสื่อสาร เพื่อฉุดรั้งให้กลไกดีมานด์ซัปพลายกลับมามีสมดุล และช่วยส่งเสริมความมีประสิทธิภาพในตลาด
"ปัจจุบัน การสื่อสารระหว่างประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคนั้นขาดความเป็นระบบและไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน จึงน่าจะมีการหารือร่วมกันเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมและปฏิบัติได้จริง"
ทั้งนี้ สมาชิกของกลุ่มเอเปกทั้ง 21 ระบบเศรษฐกิจ บริโภคน้ำมันสูงถึงกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตโดยรวมทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้หมายรวมไปถึง สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ที่เป็น 4 ใน 5 ชาติผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกด้วย
ตามร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับที่กำหนดออกมาภายหลังการประชุมและสำนักข่าวเอเอฟพีได้รับมาก่อนนั้น ได้เน้นย้ำว่าจำเป็นต้องทุ่มเงินลงทุนมากขึ้นในด้านศักยภาพการผลิตและการกลั่นน้ำมัน นอกเหนือไปจากการถ่ายโอนเทคโนโลยีด้านการอนุรักษ์พลังงานระหว่างกัน พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกยุติการอุดหนุนเชื้อเพลิงและการเข้าควบคุมราคา ซึ่งส่งผลให้ดีมานด์น้ำมันผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
นอกเหนือจากเรื่องน้ำมัน ที่ประชุมยังวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ จีน อังกฤษ และประเทศอื่นๆ ที่กำลังทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับความไร้สมดุลทางการค้าระดับโลก ตลอดจนความยืดหยุ่นของการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ