ศาลสั่งอายัดศพ"ห้างทอง ธรรมวัฒนะ"ห้ามเผาทำลาย ตามคำร้องขอของ"นพดล"จำเลย ในคดีร่วมฆ่า เชื่อศพยังเป็นพยานวัตถุสำคัญในคดี เตรียมยื่นขอผ่าพิสูจน์อีกครั้ง
วานนี้ (5 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 805 ศาลอาญานัดสอบถามคู่ความ ในคดีที่พนักงานอัยการกองคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายนพดล ธรรมวัฒนะ เป็นจำเลยในคดีร่วมกันฆ่า นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ อดีต ส.ส.พรรคประชากรไทย ที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขออายัดศพนายห้างทองไว้ก่อน โดยให้เหตุผลว่าศพยังเป็นวัตถุพยานสำคัญ อาจเป็นประโยชน์และเพื่อความเป็นธรรมต่อจำเลยเนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด
ศาลได้พิจารณาคำร้องพร้อมสอบถามโจทก์ โดยอัยการรายงานต่อศาลว่า การตรวจพิสูจน์ศพทางนิติวิทยาศาสตร์ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเห็นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ถึง 2 ครั้ง และได้ส่งมอบศพนายห้างทองให้กับผู้จัดการมรดกรับไปดำเนินการต่อแล้ว ขณะที่ศาลต้องการสอบถามฝ่ายผู้จัดการมรดก แต่นายปริญญา ธรรมวัฒนะ,นางณฤมล มังกรพาณิชย์ และน.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ ไม่ได้เดินทางมาที่ศาล โดยมอบหมายให้ นายธีรพล กาญจนากาศ ทนายความ มารายงานต่อศาลว่า ฝ่ายผู้จัดการมรดกนายห้างทอง ไม่คัดค้านหากจำเลยเห็นว่าการขออายัดศพไว้จะเป็นประโยชน์ต่อจำเลย
ศาลจึงใช้ดุลพินิจและมีคำสั่งให้อายัดศพไว้ก่อน จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง และให้นำหมายคำสั่งศาลไปมอบให้ฝ่ายผู้จัดการมรดก โดยให้เก็บศพนายห้างทองไว้ตามเดิมก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล ได้เดินทางมาพร้อมกับนางมัลลิการ์ หลีระพันธุ์ น้องสาว และนายจังหวัด ธรรมวัฒนะ บุตรชายนายห้างทอง โดยนายนพดล กล่าวภายหลังเข้ารับฟังคำสั่งศาลว่า นอกจากตกเป็นจำเลยในคดีแล้ว ยังตกเป็นจำเลยต่อสังคมอีกด้วย จึงอยากพิสูจน์ความจริงใจ โดยแม้ว่าจะมีการผ่าชันสูตรศพนายห้างทองไปแล้ว 2 ครั้งก็ตาม แต่ใบรายงานผลการชันสูตรของแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยังมีความเคลือบแคลง เพราะใบรายงาน 3 ฉบับไม่ตรงกัน ซึ่งตนเคยยื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีการผ่าศพชันสูตรศพอีกครั้ง แต่ศาลยกคำร้องไป ต่อมาตนจึงยื่นขอให้ศาลทบทวนคำสั่งยกคำร้อง แต่ขณะที่คดียังไม่สิ้นสุด ฝ่ายนายปริญญา และนางณฤมล กลับขอพระราชทานเพลิงศพนายห้างทอง โดยไม่แจ้งให้ฝ่ายตนเองทราบ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
นายนพดล กล่าวอีกว่า จะยื่นคำร้องขอผ่าศพพิสูจน์อีกครั้งในชั้นสืบพยานจำเลย เพราะศพเป็นวัตถุพยานสำคัญในการต่อสู้คดีที่ตนเองต้องตกเป็นจำเลยในคดีฆาตกรรม และฝ่ายโจทก์เองก็ควรจะพอใจด้วยซ้ำที่จำเลยเป็นผู้ร้องขอ
วานนี้ (5 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 805 ศาลอาญานัดสอบถามคู่ความ ในคดีที่พนักงานอัยการกองคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายนพดล ธรรมวัฒนะ เป็นจำเลยในคดีร่วมกันฆ่า นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ อดีต ส.ส.พรรคประชากรไทย ที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขออายัดศพนายห้างทองไว้ก่อน โดยให้เหตุผลว่าศพยังเป็นวัตถุพยานสำคัญ อาจเป็นประโยชน์และเพื่อความเป็นธรรมต่อจำเลยเนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด
ศาลได้พิจารณาคำร้องพร้อมสอบถามโจทก์ โดยอัยการรายงานต่อศาลว่า การตรวจพิสูจน์ศพทางนิติวิทยาศาสตร์ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเห็นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ถึง 2 ครั้ง และได้ส่งมอบศพนายห้างทองให้กับผู้จัดการมรดกรับไปดำเนินการต่อแล้ว ขณะที่ศาลต้องการสอบถามฝ่ายผู้จัดการมรดก แต่นายปริญญา ธรรมวัฒนะ,นางณฤมล มังกรพาณิชย์ และน.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ ไม่ได้เดินทางมาที่ศาล โดยมอบหมายให้ นายธีรพล กาญจนากาศ ทนายความ มารายงานต่อศาลว่า ฝ่ายผู้จัดการมรดกนายห้างทอง ไม่คัดค้านหากจำเลยเห็นว่าการขออายัดศพไว้จะเป็นประโยชน์ต่อจำเลย
ศาลจึงใช้ดุลพินิจและมีคำสั่งให้อายัดศพไว้ก่อน จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง และให้นำหมายคำสั่งศาลไปมอบให้ฝ่ายผู้จัดการมรดก โดยให้เก็บศพนายห้างทองไว้ตามเดิมก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล ได้เดินทางมาพร้อมกับนางมัลลิการ์ หลีระพันธุ์ น้องสาว และนายจังหวัด ธรรมวัฒนะ บุตรชายนายห้างทอง โดยนายนพดล กล่าวภายหลังเข้ารับฟังคำสั่งศาลว่า นอกจากตกเป็นจำเลยในคดีแล้ว ยังตกเป็นจำเลยต่อสังคมอีกด้วย จึงอยากพิสูจน์ความจริงใจ โดยแม้ว่าจะมีการผ่าชันสูตรศพนายห้างทองไปแล้ว 2 ครั้งก็ตาม แต่ใบรายงานผลการชันสูตรของแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยังมีความเคลือบแคลง เพราะใบรายงาน 3 ฉบับไม่ตรงกัน ซึ่งตนเคยยื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีการผ่าศพชันสูตรศพอีกครั้ง แต่ศาลยกคำร้องไป ต่อมาตนจึงยื่นขอให้ศาลทบทวนคำสั่งยกคำร้อง แต่ขณะที่คดียังไม่สิ้นสุด ฝ่ายนายปริญญา และนางณฤมล กลับขอพระราชทานเพลิงศพนายห้างทอง โดยไม่แจ้งให้ฝ่ายตนเองทราบ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
นายนพดล กล่าวอีกว่า จะยื่นคำร้องขอผ่าศพพิสูจน์อีกครั้งในชั้นสืบพยานจำเลย เพราะศพเป็นวัตถุพยานสำคัญในการต่อสู้คดีที่ตนเองต้องตกเป็นจำเลยในคดีฆาตกรรม และฝ่ายโจทก์เองก็ควรจะพอใจด้วยซ้ำที่จำเลยเป็นผู้ร้องขอ