นครศรีธรรมราช - แลนด์บริดจ์ขนถ่ายปิโตรเลียมอันดามัน-อ่าวไทยส่อเค้าล้มยาวหลังสึนามิทำทะเลเปลี่ยนแปลงสภาพ น้ำมันดิบโลกราคาพุ่ง นโยบายพลังงานปรับเปลี่ยน แต่ยังมีหวังรถไฟรางคู่ขนถ่ายสินค้าเกิด ขณะที่นักเก็งราคาที่ดินป่วนเตรียมกินแห้วกำไร-หาทางออกตัวหลังดอกเบี้ยส่อเค้าบาน
นายสมเจตน์ สว่างเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 11 เปิดเผยถึงโครงการแลนด์บริดจ์ โดยเฉพาะในส่วนของโครงข่ายระบบขนถ่ายพลังงานปิโตรเลียมจากฝั่งอันดามัน ที่ อ.ทับละมุ จ.พังงา มายังฝั่งอ่าวไทยที่อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราชว่า ล่าสุด คณะรัฐมนตรี โดยนายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สั่งให้ชะลอโครงการนี้โดยไม่มีกำหนด เนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบหลายประการ ทำให้มีแนวโน้มว่าจะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน
"ปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นปัญหาใหญ่ เช่น การเกิดสึนามิในฝั่งอันดามัน ส่งผลให้ร่องน้ำ และชายฝั่งทะเลด้าน จ.พังงาเปลี่ยนไปมาก ต้องมีการลงทุนศึกษาสำรวจใหม่ทั้งหมด ต่อมาคือแนวโน้มตลาดโลกเปลี่ยน เดิมเป้าหมายของเราคือจีน แต่ตลาดปิโตรเลียมของจีนเปลี่ยนไป โดยหันไปใช้พลังงานก๊าซมากขึ้น และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การลงทุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว ถ้าคิดเป็นมูลค่าแล้วสูงนับแสนล้านบาท ขณะที่ ค่าเงินที่ค่อนข้างผันผวน ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งกว่า 70 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล"นายสมเจตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระบบขนถ่ายจะไม่มีการดำเนินการ แต่ในเรื่องของรถไฟรางคู่ ที่จะวางตรงกลางของถนนที่สร้างเสร็จแล้วนั้น ได้ส่งมอบให้กับกระทรวงคมนาคม พิจารณาการลงทุนว่า จะดำเนินการได้หรือไม่ ซึ่งส่วนตัวแล้วเชื่อว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นมีสูง เพราะได้มีการวางพื้นที่ไว้รองรับแล้วตรงกลางถนน ซึ่งมีความกว้างกว่า 100 เมตร
ขณะที่นายนิพิธพล รุ่งนิรันดรกุล เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมนครศรีธรรมราช แสดงความเห็นว่า เดิมทีรัฐไม่จริงใจต่อการสนับสนุนอุตสาหกรรมในภาคใต้อยู่แล้ว เป็นเรื่องของการเมืองเข้ามาแทรกเสียมากกว่า
"ถ้ามองในแง่ของการลงทุน มีผลกระทบแน่ ต่อความเชื่อมั่นของนักธุรกิจและนักลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อมีการชะลอโครงการนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ คือความไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมในภาคใต้ และโครงการที่จะมาลงทุนต้องชะลอตามหรือหยุดไปเลยหรืออาจจะหันไปลงทุนในภูมิภาคอื่นโดยเฉพาะในประเทศคู่แข่งแทน"
ด้านนักเก็งกำไรที่ดินรายใหญ่ของนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้มีการกว้านซื้อที่ดินในแถบ อ.สิชล และ อ.ขนอม ไว้เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันนักธุรกิจรายอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งบางรายที่ธุรกิจเหล่านี้เป็นเงินหมุน และมีภาระผูกพันกับสถาบันการเงิน ดูแล้วแนวโน้มค่อนข้างมีปัญหากับอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
แต่ถ้านักลงทุนประเภทที่มีทุนสูง สามารถตั้งเป้าเป็นเงินนิ่งให้มูลค่าที่ดินเพิ่มสูงขึ้น โดยรอระยะเวลาได้ ประเภทนี้อยู่รอดแน่นอน ส่วนประเภทที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ต้องหาทางออกโดยการเปลี่ยนมือที่ดินแทน ก่อนจะมีภาระทางคดีกับสถาบันการเงิน
อีกประเภทหนึ่ง ที่ค่อนข้างมีปัญหาโดยเฉพาะโครงการอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ที่มีการสำรวจและจัดซื้อที่ดินรองรับไว้แล้วนั้นทั้งไทยและต่างชาติอาจจะต้องมีการปรับแผนทางธุรกิจเช่นกันหลังจากนโยบายพลังงานและแนวทางของรัฐบาลเปลี่ยนไป ซึ่งมีอยู่ราว 4-5 รายที่มีที่ดินรายละประมาณ 200-400 ไร่
นายสมเจตน์ สว่างเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 11 เปิดเผยถึงโครงการแลนด์บริดจ์ โดยเฉพาะในส่วนของโครงข่ายระบบขนถ่ายพลังงานปิโตรเลียมจากฝั่งอันดามัน ที่ อ.ทับละมุ จ.พังงา มายังฝั่งอ่าวไทยที่อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราชว่า ล่าสุด คณะรัฐมนตรี โดยนายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สั่งให้ชะลอโครงการนี้โดยไม่มีกำหนด เนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบหลายประการ ทำให้มีแนวโน้มว่าจะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน
"ปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นปัญหาใหญ่ เช่น การเกิดสึนามิในฝั่งอันดามัน ส่งผลให้ร่องน้ำ และชายฝั่งทะเลด้าน จ.พังงาเปลี่ยนไปมาก ต้องมีการลงทุนศึกษาสำรวจใหม่ทั้งหมด ต่อมาคือแนวโน้มตลาดโลกเปลี่ยน เดิมเป้าหมายของเราคือจีน แต่ตลาดปิโตรเลียมของจีนเปลี่ยนไป โดยหันไปใช้พลังงานก๊าซมากขึ้น และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การลงทุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว ถ้าคิดเป็นมูลค่าแล้วสูงนับแสนล้านบาท ขณะที่ ค่าเงินที่ค่อนข้างผันผวน ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งกว่า 70 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล"นายสมเจตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระบบขนถ่ายจะไม่มีการดำเนินการ แต่ในเรื่องของรถไฟรางคู่ ที่จะวางตรงกลางของถนนที่สร้างเสร็จแล้วนั้น ได้ส่งมอบให้กับกระทรวงคมนาคม พิจารณาการลงทุนว่า จะดำเนินการได้หรือไม่ ซึ่งส่วนตัวแล้วเชื่อว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นมีสูง เพราะได้มีการวางพื้นที่ไว้รองรับแล้วตรงกลางถนน ซึ่งมีความกว้างกว่า 100 เมตร
ขณะที่นายนิพิธพล รุ่งนิรันดรกุล เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมนครศรีธรรมราช แสดงความเห็นว่า เดิมทีรัฐไม่จริงใจต่อการสนับสนุนอุตสาหกรรมในภาคใต้อยู่แล้ว เป็นเรื่องของการเมืองเข้ามาแทรกเสียมากกว่า
"ถ้ามองในแง่ของการลงทุน มีผลกระทบแน่ ต่อความเชื่อมั่นของนักธุรกิจและนักลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อมีการชะลอโครงการนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ คือความไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมในภาคใต้ และโครงการที่จะมาลงทุนต้องชะลอตามหรือหยุดไปเลยหรืออาจจะหันไปลงทุนในภูมิภาคอื่นโดยเฉพาะในประเทศคู่แข่งแทน"
ด้านนักเก็งกำไรที่ดินรายใหญ่ของนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้มีการกว้านซื้อที่ดินในแถบ อ.สิชล และ อ.ขนอม ไว้เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันนักธุรกิจรายอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งบางรายที่ธุรกิจเหล่านี้เป็นเงินหมุน และมีภาระผูกพันกับสถาบันการเงิน ดูแล้วแนวโน้มค่อนข้างมีปัญหากับอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
แต่ถ้านักลงทุนประเภทที่มีทุนสูง สามารถตั้งเป้าเป็นเงินนิ่งให้มูลค่าที่ดินเพิ่มสูงขึ้น โดยรอระยะเวลาได้ ประเภทนี้อยู่รอดแน่นอน ส่วนประเภทที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ต้องหาทางออกโดยการเปลี่ยนมือที่ดินแทน ก่อนจะมีภาระทางคดีกับสถาบันการเงิน
อีกประเภทหนึ่ง ที่ค่อนข้างมีปัญหาโดยเฉพาะโครงการอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ที่มีการสำรวจและจัดซื้อที่ดินรองรับไว้แล้วนั้นทั้งไทยและต่างชาติอาจจะต้องมีการปรับแผนทางธุรกิจเช่นกันหลังจากนโยบายพลังงานและแนวทางของรัฐบาลเปลี่ยนไป ซึ่งมีอยู่ราว 4-5 รายที่มีที่ดินรายละประมาณ 200-400 ไร่