วานนี้( 26 ส.ค.) บริษัท ฐิติ-ธนภาคย์ จำกัด ลงนามเป็นพันธมิตรทางการค้ากับบริษัท Thai Bangla Multipurpose Business Company (PVT) Ltd. เพื่อขยายการลงทุนในบังคลาเทศ โดยช่วงแรกบริษัท ฐิติ-ธนภาคย์ จะทำหน้าที่จัดหาสินค้าไทยป้อนตลาดบังคลาเทศ
นายชัยฐิติภพ นคฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติ-ธนภาคย์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเอเย่นต์จำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ครายใหญ่ของภาคใต้ กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้ บริษัทจะทำหน้าที่จัดหาสินค้าไทยให้กับThai Bangla เพื่อจำหน่ายที่บังคลาเทศ ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการสินค้าไทย โดยเฉพาะอาหาคแปรรูปต่างๆ ผลไม้อบแห้ง ตลอดจนสินค้าอุปโภคอื่นๆอีกหลายอย่าง โดยล็อกตแรกบริษัทฯจะส่งออกเจ็ทสกี รถมอเตอร์ไซด์ รถยนต์มือ2 เครื่องจักร ผลไม้แปรรูป ฯลฯ คิดเป็นมูลค่ารวม 40 ล้านบาท และในปีหน้า บริษัทฯมีแผนที่จะเข้าไปร่วมทุนกับThai Bangla ตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ โรงงานแปรรูปผลไม้แห้ง ธุรกิจสุขภาพ โรงไฟฟ้าและอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนหลายร้อยล้านบาท
โดยThai Bangla จะจัดหาที่ดินเพื่อใช้ในการลงทุน ขณะที่ฐิติ-ธนภาคย์จะเป็นผู้จัดหาเทคโนโลยีและเงินทุน โดยบริษัทฯจะเริ่มเข้าไปลงทุนโรงงานแปรรูปผลไม้แห้งก่อน ใช้เงินลงทุน 30-40 ล้านบาท รวมทั้งจะเข้าไปทำบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมที่เมืองจิตตกอง ซึ่งเป็นเมืองท่าใหญ่อันดับ 2 ของบังคลาเทศ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับปานกลาง ซึ่งปัจจุบันบริษัทย่อยของฐิติ-ธนภาคย์ คือ บริษัท ไบร์ทสตาร์ โฮลดิ้ง ก็ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยอยู่แล้ว ทำให้บริษัทฯมีประสบการณ์ในด้านนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีความสนใจที่จะทำธุรกิจไฟฟ้า เนื่องจากบังคลาเทศมีปริมาณก๊าซธรรมชาติที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้าจำนวนมาก โดยจะดึงพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจนี้ไนไทยไปร่วมทุนด้วย โดยจะสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 200 เมกะวัตต์ที่เมืองจิตตกอง ใช้เงินลงทุนรวม 1,000 ล้านบาท
สำหรับแหล่งเงินทุนนั้นจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน รวมทั้งการกู้ยืมจากธนาคากรุงไทย โดยในปี2547 บริษัทฯมีรายได้รวม 1500 ล้านบาท มาจากธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ 40% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 30% และอื่นๆ คาดว่าปีนี้จะมีราไยด้เพิ่มขึ้นเป็น 2000 ล้านบาท
นายวรรณ นันทศรี กรรมการบริหาร บริษัท ฐิติ-ธนภาคย์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบังคลาเทศเป็นประเทศที่อยู่ในช่วงการพัฒนา ทำให้มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับประชาชกรที่มีอยู่ 150 ล้านบาท และค่าแรงที่ต่ำที่สุดของโลก จึงเป็นประเทศที่บริษัทฯให้ความสนใจที่จะเข้าไปลงทุน เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต โดยจะอาศัยความได้เปรียบจากประสบการณ์ที่ทำธุรกิจในพื้นที่มุสลิมมาก่อน ทำให้ปรับตัวได้ง่าย รวมทั้งยังเป็นการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามายังไทยด้วย
ส่วนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยนั้น นายชัยฐิติภพ กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะลงทุนทำโรงแรมและรีสอร์ทที่กระบี่ จำนวน 4 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่าพันล้านบาท โดยบริษัทมีที่ดินติดริมทะเลหลายจังหวัดในภาคใต้ จำนวน 4 พันไร่ โดยจะเน้นร่วมทุนกับต่างประเทศที่มีเชนโรงแรมอยู่แล้ว เพื่อลดความเสี่ยงด้านการตลาด
โดยพื้นที่แถวคลองม่วงจำนวน 30 กว่าไร่จะสร้างโรงแรม คิดเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับมาเลเซีย พื้นที่แถวทับแขก จะสร้างโรงแรมและคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 300-400 ล้านบาท รวมทุนกับมาเลเซียเช่นกัน ส่วนที่เกาะไหง จะทำเป็นรีสอร์ทกึ่งสุขภาพ มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท ร่วมทุนกับจีน รวมทั้งทำโรงแรมที่เกาะยาว โดยร่วมทุนกับจีนเช่นกัน
นายชัยฐิติภพ นคฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติ-ธนภาคย์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเอเย่นต์จำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ครายใหญ่ของภาคใต้ กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้ บริษัทจะทำหน้าที่จัดหาสินค้าไทยให้กับThai Bangla เพื่อจำหน่ายที่บังคลาเทศ ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการสินค้าไทย โดยเฉพาะอาหาคแปรรูปต่างๆ ผลไม้อบแห้ง ตลอดจนสินค้าอุปโภคอื่นๆอีกหลายอย่าง โดยล็อกตแรกบริษัทฯจะส่งออกเจ็ทสกี รถมอเตอร์ไซด์ รถยนต์มือ2 เครื่องจักร ผลไม้แปรรูป ฯลฯ คิดเป็นมูลค่ารวม 40 ล้านบาท และในปีหน้า บริษัทฯมีแผนที่จะเข้าไปร่วมทุนกับThai Bangla ตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ โรงงานแปรรูปผลไม้แห้ง ธุรกิจสุขภาพ โรงไฟฟ้าและอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนหลายร้อยล้านบาท
โดยThai Bangla จะจัดหาที่ดินเพื่อใช้ในการลงทุน ขณะที่ฐิติ-ธนภาคย์จะเป็นผู้จัดหาเทคโนโลยีและเงินทุน โดยบริษัทฯจะเริ่มเข้าไปลงทุนโรงงานแปรรูปผลไม้แห้งก่อน ใช้เงินลงทุน 30-40 ล้านบาท รวมทั้งจะเข้าไปทำบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมที่เมืองจิตตกอง ซึ่งเป็นเมืองท่าใหญ่อันดับ 2 ของบังคลาเทศ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับปานกลาง ซึ่งปัจจุบันบริษัทย่อยของฐิติ-ธนภาคย์ คือ บริษัท ไบร์ทสตาร์ โฮลดิ้ง ก็ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยอยู่แล้ว ทำให้บริษัทฯมีประสบการณ์ในด้านนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีความสนใจที่จะทำธุรกิจไฟฟ้า เนื่องจากบังคลาเทศมีปริมาณก๊าซธรรมชาติที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้าจำนวนมาก โดยจะดึงพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจนี้ไนไทยไปร่วมทุนด้วย โดยจะสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 200 เมกะวัตต์ที่เมืองจิตตกอง ใช้เงินลงทุนรวม 1,000 ล้านบาท
สำหรับแหล่งเงินทุนนั้นจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน รวมทั้งการกู้ยืมจากธนาคากรุงไทย โดยในปี2547 บริษัทฯมีรายได้รวม 1500 ล้านบาท มาจากธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ 40% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 30% และอื่นๆ คาดว่าปีนี้จะมีราไยด้เพิ่มขึ้นเป็น 2000 ล้านบาท
นายวรรณ นันทศรี กรรมการบริหาร บริษัท ฐิติ-ธนภาคย์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบังคลาเทศเป็นประเทศที่อยู่ในช่วงการพัฒนา ทำให้มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับประชาชกรที่มีอยู่ 150 ล้านบาท และค่าแรงที่ต่ำที่สุดของโลก จึงเป็นประเทศที่บริษัทฯให้ความสนใจที่จะเข้าไปลงทุน เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต โดยจะอาศัยความได้เปรียบจากประสบการณ์ที่ทำธุรกิจในพื้นที่มุสลิมมาก่อน ทำให้ปรับตัวได้ง่าย รวมทั้งยังเป็นการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามายังไทยด้วย
ส่วนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยนั้น นายชัยฐิติภพ กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะลงทุนทำโรงแรมและรีสอร์ทที่กระบี่ จำนวน 4 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่าพันล้านบาท โดยบริษัทมีที่ดินติดริมทะเลหลายจังหวัดในภาคใต้ จำนวน 4 พันไร่ โดยจะเน้นร่วมทุนกับต่างประเทศที่มีเชนโรงแรมอยู่แล้ว เพื่อลดความเสี่ยงด้านการตลาด
โดยพื้นที่แถวคลองม่วงจำนวน 30 กว่าไร่จะสร้างโรงแรม คิดเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับมาเลเซีย พื้นที่แถวทับแขก จะสร้างโรงแรมและคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 300-400 ล้านบาท รวมทุนกับมาเลเซียเช่นกัน ส่วนที่เกาะไหง จะทำเป็นรีสอร์ทกึ่งสุขภาพ มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท ร่วมทุนกับจีน รวมทั้งทำโรงแรมที่เกาะยาว โดยร่วมทุนกับจีนเช่นกัน