ผู้จัดการรายวัน/ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ฝ่ายค้านจัด 25 ขุนพลถล่ม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พร้อมเสนอให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพตั้งกมธ.ร่วมฯ ระดมความคิด ร่างพ.ร.บ.แก้ไขในจุดบกพร่อง หลังจากพ.ร.ก.ผ่านความเห็นชอบจากสภา ขณะที่องค์กรสื่อออกแถลงการณ์ร่วมคัดค้าน ด้าน “ทักษิณ” ย้ำห้ามส.ส.แตกแถวพร้อมแจกคู่มือตอบโต้ฝ่ายค้าน ย้ำเรื่องระเบิดมือถือในภาคใต้ยังมีอยู่ สั่ง “ชิดชัย” ดูแลใกล้ชิด มอบ “เนวิน” จัดรัฐมนตรีลงตรวจพื้นที่ ดูแลตลาดนัดวันศุกร์ ก่อนนายกฯลงเองอีกรอบในศุกร์ที่ 9 ก.ย.“สนธิ” พร้อมคุยกับพี่น้องมุสลิม มั่นใจจากนี้ไปสถานการณ์จะดีขึ้น “ขวัญชาติ” แถลงจับผู้ต้องหาโปรยใบปลิวขู่หยุดงานวันศุกร์ได้แล้ว
เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) นายโภคิน พลกุล ประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการประสานงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงการกำหนดกรอบการพิจารณา พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้( 24 ส.ค.)โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 13.30 น .ว่า จะให้ ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลได้อภิปรายกันเต็มที่ ไม่มีการกำหนดสัดส่วนเวลาในการอภิปรายของแต่ละฝ่าย เนื่องจากเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน แต่ทั้งนี้ในที่ประชุมเห็นว่า จะพยายามพิจารณาให้เสร็จภายในวันเดียว ไม่ให้สมาชิกที่จะอภิปรายพูดซ้ำประเด็นกัน เพื่อให้ได้สาระมากที่สุด
**ฝ่ายค้านจัด 25 ขุนพลถล่มพ.ร.ก.
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน)กล่าวว่า ฝ่ายค้านได้กำหนดกรอบในการอภิปรายไว้ว่า จะไม่กำหนดเวลาในการอภิปราย ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนสมาชิกที่จะอภิปรายประมาณ 20-25 คน ในการอภิปรายจะอภิปรายครอบคลุมมิติทางกฏหมาย และมิติทางรัฐธรรมนูญ อาทิ ความจำเป็นการในออกเป็นพ.ร.ก. ความแตกต่างระหว่างกฏหมายลักษณะเดียวกันในต่างประเทศ รวมถึงกระบวนการในการออกฏหมาย
นอกจากนี้จะอภิปรายลงลึกในเชิงของการบังคับใช้กฏหมายครอบคลุมระเบียบและประกาศ ที่เกี่ยวข้องและประเด็นที่เขียนไว้ในกฏหมาย ซึ่งอาจนำไปตีความทำให้เกิดการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนได้ และ ผลกระทบของพ.ร.ก.ที่จะมีผลกระทบต่อสังคม ผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมและกระบวนการนิติบัญญัติ โดยฝ่ายค้านจะนำเสนอข้อเสนอแนะ ที่วิปเห็นว่าจำเป็นต้องมีการแก้ไขพ.ร.ก.ซึ่งฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้เปิดประเด็นไว้
นอกจากนี้ ถ้าหลายฝ่ายยังมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในการออก พ.ร.ก.ควรมีการระดมความเห็นจากฝ่ายต่างๆ โดยหลังจากสภาฯพิจารณาผ่านกฏหมายฉบับนี้ไปแล้ว หากทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าควรแก้พ.ร.ก.ก็ควรมีการตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยรัฐบาลเป็นเจ้าภาพให้มีตัวแทนทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) คณาจารย์นิติศาสตร์ องค์กรภาคประชาชน และฝ่ายค้าน แม้ว่าวิปรัฐบาลจะบอกว่าไม่มีผลทางกฏหมาย แต่วิปฝ่ายค้านขอบอกว่า จะมีผลทางกฏหมายถ้าทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกัน โดยให้กรรมการชุดนี้ศึกษาและส่งความเห็นให้กับคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อให้จัดทำเป็นพ.ร.บ.ทำเป็นร่างกฏหมายเสนอต่อสภาได้ หรือจะเสนอผ่านพรรคการเมือง ซึ่งรัฐบาลมีเสียงข้างมากสามารถทำได้
ด้านน.ส.จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ โฆษกพรรคชาติไทย แถลงผลการประชุมว่าพรรคชาติไทย มีมติไม่เห็นชอบในพ.ร.ก.ฉบับนี้ เพราะ 1.ขาดกระบวนการการมีส่วนร่วมของตัวแทนประชาชนตั้งแต่ต้น ไม่เคารพองค์กรนิติบัญญัติ ทั้งๆที่การดำเนินการของรัฐบาลเคยเปิดกว้างให้มีการประชุมร่วมกัน 2 สภา การออกกฎหมายเป็น พ.ร.ก.จึงสวนทางกัน 2. มีหลายมาตราขัดรัฐธรรมนูญลิดรอนสิทธิสื่อ 3.ยังไม่มีหลักประกันว่าการออกพ.ร.ก.จะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
สำหรับผู้ที่จะอภิปรายในวันนี้ ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรค และนายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส ขณะที่นายบรรหาร จะรอดูการอภิปรายของส.ส.พรรคชาติไทยก่อน หากยังมีประเด็นใดที่ยังไม่ได้พูดถึง จึงจะใช้สิทธิอภิปราย
**องค์กรสื่อออกแถลงการณ์ค้านพ.ร.ก.
ในวันเดียวกันนี้ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ในฐานะองค์กรตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน ได้ออกแถลงการณ์ คัดค้านพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยระบุว่า พ.ร.ก.ดังกล่าว มิได้ตราขึ้นโดยยึดหลักนิติธรรม จึงมีเนื้อหาขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญโดยชัดแจ้ง ดังที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ องค์กรวิชาชีพ และนักวิชาการด้านกฎหมายจำนวนมากจาก 12 สถาบัน ได้แสดงความเห็นคัดค้านตลอดมา นอกจากนี้ กระบวนการตรากฎหมายในรูปของพ.ร.ก. เป็นการหลีกเลี่ยงการออกกฎหมายตามปกติ โดยการรวบรัดมุ่งจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็นสำคัญ ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น องค์กรตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง 3 องค์กร จึงขอเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทย ที่มิได้อยู่ในอาณัติของพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง ได้ใช้ดุลยพินิจที่เป็นอิสระและรอบคอบ ในการพิจารณาคัดค้าน พ.ร.ก.นี้ ตามที่ได้ปฏิญาณตนไว้ก่อนปฏิบัติหน้าที่ว่า"จะรักษาไว้ และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ"
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่พรรคฝ่ายค้านจะขอยื่นแก้ พ.ร.ก.ว่า คงจะต้องทำทีละเรื่อง ทีละวาระ คือทำเรื่องนี้ให้เสร็จไปก่อน แล้วเรื่องแก้ไขจึงจะตามเข้ามา ส่วนจะต้องมีการพิจารณาเรื่องรับรอง พ.ร.ก.เป็น พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ก่อนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ต้องเป็น พ.ร.บ.แต่ให้ใช้คำว่า อนุมัติหรือไม่อนุมัติเท่านั้นก็จบ และหลังจากนั้นถ้าจะแก้ ก็เหมือนกับการแก้กฎหมายทั้งหลาย
เมื่อถามว่าจะต้องรอให้ออกมาเป็น พ.ร.บ.หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ต้องเป็นพ.ร.บ. เมื่ออนุมัติก็จะมีผลบังคับใช้ไปเลย ผู้สื่อข่าวถามว่า จังหวะนั้นพรรคฝ่ายค้าน จะสามารถเสนอร่างใหม่ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า พ.ร.ก.หลายฉบับที่ออกมา หลังจากนั้นก็มีการออกกฎหมายแก้ตามมา ก็ไม่เป็นอะไร สามารถทำได้
**"ทักษิณ"กำชับห้ามส.ส.แตกแถว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.00 น.วานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมส.ส.พรรคไทยรักไทยด้วย และได้กำชับให้ ส.ส.เข้าร่วมปรชุมโดยพร้อมเพรียง หากคนใดอยากแสดงความคิดเห็นก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ โดยทางกระทรวงมหาดไทยได้จัดทำหนังสือคำถามคำตอบ เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉบับนี้แจกจ่ายให้ส.ส.ใช้ประกอบการอภิปรายด้วย
น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย แถลงภายหลังการประชุมพรรคว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ย้ำว่าจากการเดินทางไปสัมผัสประชาชนในพื้นที่ 3จว.ชายแดนภาคใต้ และความเห็นของประชาชนทั่วประเทศส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ เช่นการจับกุมที่กฎหมายเดิมทำได้เพียง 7 วัน แล้วต้องปล่อยตัว แต่ พ.ร.ก. ฉบับนี้สามารถขยายเวลาต่อไปได้อีก อย่างกรณีหนึ่งที่ผู้ต้องยังไม่สารภาพใน 7 วันแรก จึงขยายเวลาการสอบสวนในกระบวนการยุติธรรมออกไปอีก 7 วัน ซึ่งก็ยังไม่สารภาพ แต่เมื่อขยายต่ออีก 7 วัน ทำให้ผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือฆ่าตัดคอตำรวจและขยายผลการจับกุมผู้ร่วมขบวนการอีกหลายคนได้ในที่สุด จุดนี้ถือเป็นประโยชน์ของ พ.ร.ก.ฉบับนี้ เพราะหลายส่วนสามารถทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น เพราะในช่วงนี้ทางราชการจับกุมแกนนำได้หลายคนจนการสร้างความไม่สงบจึงเกิดขึ้นตามมาหลายครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมพรรคไทยรักไทยได้มีการแจกหนังสือ"รวมคำถาม คำตอบ ข้อกฎหมายตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548" ซึ่งจัดทำโดยกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กับส.ส.ของพรรค เพื่อเป็นข้อมูลทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ และลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อพ.ร.ก.ด้วย
**จัดรัฐมนตรีไปดูแลตลาดนัดวันศุกร์
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงค์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงการจัดตลาดนัดวันศุกร์ ในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนภาคใต้ว่า ในสัปดาห์นี้จะยังมีการจัดตลาดนัดเหมือนเดิม และอาจจะมีการจัดเพิ่มขึ้นจาก 10 จุดในครั้งที่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้รัฐมนตรี 3 คน ลงไปประจำทุกวันศุกร์ รับผิดชอบจังหวัดละ 1 คน ซึ่งในวันศุกร์นี้(26 ส.ค.)จะมี นายอนุทิน ชาญวีรกุล รมช.สาธารณสุข และนายรุ่ง แก้วแดง รมช.ศึกษาธิการ ไปที่จ.ยะลา พล.อ.ชัยนันท์ เจริญศิริ รมช.คมนาคม ประจำจ.ปัตตานี และนายปรีชา เลาหพงษ์ชนะ รมช.พาณิชย์ ไปที่จ.นราธิวาส ส่วนวันศุกร์ที่ 3 ก.ย. ให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไปดูแล จ.ยะลา นายประชา มาลีนนท์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ไปจ.ปัตตานี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิชย์ รมช.มหาดไทย ไปจ.นราธิวาส
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงปัญหาความไม่สงบจากการลอบวางระเบิด โดยใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิด วา ขณะนี้ยังมีอยู่มาก จึงได้มอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที)ไปคุยกับพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ เพื่อหาวิธีแก้ไข ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้แนะว่า อาจจะให้บริษัทมือถือทุกบริษัทมีการตั้ง"เกทเวย์"(โครงข่ายเชื่อมต่อหลัก)ในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนภาคใต้ คนที่จะใช้โทรศัพท์มือถือในพื้นที่ จะต้องลงทะเบียนทุกคน เพื่อจะได้รู้ว่าใครใช้บ้าง ส่วนการใช้ระบบ"โรมมิ่ง"(ระบบการเชื่อมโยงเครือขายระหว่างกัน)จากประเทศมาเลย์เซีย ก็ต้องมาลงทะเบียนกับ เกทเวย์ ซึ่งนายกรัฐมนตรียอมรับว่า อาจจะเกิดความไม่สะดวกต่อผู้ใช้โทรศัพท์บ้าง แต่จะเกิดประโยชน์ต่อการรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเอง
นอกจากนี้ นายกฯได้ขอบคุณที่ทุกคนให้ความร่วมมือการจัดตลาดนัดวันศุกร์ โดยวันศุกร์ที่ 9 ก.ย.นายกรัฐมนตรี จะเดินทางลงไปด้วยตัวเองอีกครั้ง โดยให้นายเนวิน ชิดชอบ รมต.ประจำสำนักฯเป็นผู้ประสานงาน และกำชับให้พล.ต.อ.ชิดชัย ทำงานเชิงรุกมากขึ้น
แหล่งข่าว เปิดเผยด้วยว่าในที่ประชุม พล.ต.อ.ชิดชัย ได้บอกว่าตอนนี้เริ่มรู้ยุทธวิธีฝ่ายตรงข้ามแล้ว ส่วนการจับกุมก็ติดตามต่อไป ขณะนี้พบว่า มีกลุ่มผู้ก่อเหตุถึง 360 เครือข่ายกระจายอยู่ในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง จะต้องดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วิเคราะห์เป็นคดีๆไป หากมีคนผิดและหนีไปอยู่ที่มาเลเซีย ก็จะประสานกับทางมาเลเซียขอตัวมาดำเนินคดี และได้ย้ำให้พล.ต.อ.ชิดชัย โฟกัสเรื่องภาคใต้เป็นหลัก ส่วนปัญหาอื่นที่พล.ต.อ.ชิดชัย รับผิดชอบอยู่จะให้คนอื่นมาช่วยเพื่อเป็นการบรรเทาภาระ เช่น เรื่องปัญหายาเสพติด จะมอบหมายให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้ามาช่วยดูแลโดยให้เป็นรองประธานคณะกรรมการต่อสู้ปัญหายาเสพติด ส่วนปัญหาความยากจน ก็จะหาคนอื่นมาช่วย
**ชี้"รอมีร"หนีไปตั้งหลักเพราะกลัวโดนอุ้ม
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และหัวหน้ากลุ่มวาดะห์ กล่าวถึงการออกหมายจับกุม นายรอมีร อุตรสินธุ์ ว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยรู้จักนายรอมีร เพราะอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษออกหมายจับ คงต้องให้ นายอารีเพ็ญติดต่อนายรอมีร เพื่อให้มามอบตัว อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้เห็นว่านายรอมีร ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นก็ต้องต่อสู้กันในชั้นศาลต่อไป ในส่วนของกลุ่มวาดะห์ จะรอดูท่าที่หลังจากนี้ โดยเฉพาะในการประชุมสภาเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อน ตนและนายอารีเพ็ญ ตั้งใจว่าจะลุกขึ้นอภิปราย พ.ร.ก.ดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะนายอารีเพ็ญ จะลุกขึ้นชี้แจงแน่ หากมีการพาดพิงถึงคดีนายรอมีร
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ชิดชัย ระบุว่าหากนายรอมีร ไม่มีความผิด ทำไมต้องหลบหนีไปต่างประเทศ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ถ้าใครเจอคดีแบบนี้ ก็ต้องหลบออกไปก่อน
นายวีระ มุสิกพงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ถ้าใครโดนคดีเรื่องความมั่นคงเหมือนนายรอมีร ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องหลบหนีไปต่างประเทศ เพราะคดีแบบนี้ ถ้ารัฐบาลเป็นฝ่ายกล่าวหา จะไม่มีใครกล้าอยู่ เพราะที่ผ่านมาคนที่ถูกกล่าวหามักจะโดนอุ้มหายตัวลึกลับ เขาก็ต้องไปตั้งหลักก่อน ใครจะไปกล้าอยู่ เท่าที่ทราบนายรอมีร ก็ไม่ได้อยู่เมืองไทยมาหลายปีแล้ว แม้แต่ตนยังไม่เคยรู้จัก จับมือโปรยใบปลิวขู่หยุดงานวันศุกร์ได้ 1 ผู้ว่าฯยะลาสั่งเข้มรปภ.
**จับผู้ต้องหาโปรยใบปลิวขู่หยุดงานวันศุกร์
เวลา14.00 น.วานนี้ ที่กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ (กอ.สสส.จชต.)ค่ายสิรินธร จ.ปัตตานี พล.ท.ขวัญชาติ กล้าหาญ ผอ.สสส.จชต.และแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผอ.สสส.จชต.และ ผบช.ภ.9 ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายฮามะ เจ๊ะเตะ อายุ 21 ปีอยู่บ้านเลขที่ 60/1 หมู่ที่ 1 ต.ปาลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ในข้อหา "ร่วมกันยุยง หรือจัดให้เกิดการไม่ยอมค้าขาย เพื่อข่มขู่รัฐบาลและประชาชน ทำร้ายร่างการผู้อื่น ทำให้เสียทรัพย์ และข่มขืนใจผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย" โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.บาเจาะจับกุมตัวได้ เมื่อวันที่ 13 ส.ค.48 นอกจากนี้ยังได้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่อีก 1 คน คือ นายมะยาซิ วาเงาะ ซึ่งได้ร่วมก่อเหตุดังกล่าว
เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) นายโภคิน พลกุล ประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการประสานงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงการกำหนดกรอบการพิจารณา พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้( 24 ส.ค.)โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 13.30 น .ว่า จะให้ ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลได้อภิปรายกันเต็มที่ ไม่มีการกำหนดสัดส่วนเวลาในการอภิปรายของแต่ละฝ่าย เนื่องจากเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน แต่ทั้งนี้ในที่ประชุมเห็นว่า จะพยายามพิจารณาให้เสร็จภายในวันเดียว ไม่ให้สมาชิกที่จะอภิปรายพูดซ้ำประเด็นกัน เพื่อให้ได้สาระมากที่สุด
**ฝ่ายค้านจัด 25 ขุนพลถล่มพ.ร.ก.
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน)กล่าวว่า ฝ่ายค้านได้กำหนดกรอบในการอภิปรายไว้ว่า จะไม่กำหนดเวลาในการอภิปราย ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนสมาชิกที่จะอภิปรายประมาณ 20-25 คน ในการอภิปรายจะอภิปรายครอบคลุมมิติทางกฏหมาย และมิติทางรัฐธรรมนูญ อาทิ ความจำเป็นการในออกเป็นพ.ร.ก. ความแตกต่างระหว่างกฏหมายลักษณะเดียวกันในต่างประเทศ รวมถึงกระบวนการในการออกฏหมาย
นอกจากนี้จะอภิปรายลงลึกในเชิงของการบังคับใช้กฏหมายครอบคลุมระเบียบและประกาศ ที่เกี่ยวข้องและประเด็นที่เขียนไว้ในกฏหมาย ซึ่งอาจนำไปตีความทำให้เกิดการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนได้ และ ผลกระทบของพ.ร.ก.ที่จะมีผลกระทบต่อสังคม ผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมและกระบวนการนิติบัญญัติ โดยฝ่ายค้านจะนำเสนอข้อเสนอแนะ ที่วิปเห็นว่าจำเป็นต้องมีการแก้ไขพ.ร.ก.ซึ่งฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้เปิดประเด็นไว้
นอกจากนี้ ถ้าหลายฝ่ายยังมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในการออก พ.ร.ก.ควรมีการระดมความเห็นจากฝ่ายต่างๆ โดยหลังจากสภาฯพิจารณาผ่านกฏหมายฉบับนี้ไปแล้ว หากทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าควรแก้พ.ร.ก.ก็ควรมีการตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยรัฐบาลเป็นเจ้าภาพให้มีตัวแทนทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) คณาจารย์นิติศาสตร์ องค์กรภาคประชาชน และฝ่ายค้าน แม้ว่าวิปรัฐบาลจะบอกว่าไม่มีผลทางกฏหมาย แต่วิปฝ่ายค้านขอบอกว่า จะมีผลทางกฏหมายถ้าทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกัน โดยให้กรรมการชุดนี้ศึกษาและส่งความเห็นให้กับคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อให้จัดทำเป็นพ.ร.บ.ทำเป็นร่างกฏหมายเสนอต่อสภาได้ หรือจะเสนอผ่านพรรคการเมือง ซึ่งรัฐบาลมีเสียงข้างมากสามารถทำได้
ด้านน.ส.จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ โฆษกพรรคชาติไทย แถลงผลการประชุมว่าพรรคชาติไทย มีมติไม่เห็นชอบในพ.ร.ก.ฉบับนี้ เพราะ 1.ขาดกระบวนการการมีส่วนร่วมของตัวแทนประชาชนตั้งแต่ต้น ไม่เคารพองค์กรนิติบัญญัติ ทั้งๆที่การดำเนินการของรัฐบาลเคยเปิดกว้างให้มีการประชุมร่วมกัน 2 สภา การออกกฎหมายเป็น พ.ร.ก.จึงสวนทางกัน 2. มีหลายมาตราขัดรัฐธรรมนูญลิดรอนสิทธิสื่อ 3.ยังไม่มีหลักประกันว่าการออกพ.ร.ก.จะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
สำหรับผู้ที่จะอภิปรายในวันนี้ ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรค และนายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส ขณะที่นายบรรหาร จะรอดูการอภิปรายของส.ส.พรรคชาติไทยก่อน หากยังมีประเด็นใดที่ยังไม่ได้พูดถึง จึงจะใช้สิทธิอภิปราย
**องค์กรสื่อออกแถลงการณ์ค้านพ.ร.ก.
ในวันเดียวกันนี้ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ในฐานะองค์กรตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน ได้ออกแถลงการณ์ คัดค้านพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยระบุว่า พ.ร.ก.ดังกล่าว มิได้ตราขึ้นโดยยึดหลักนิติธรรม จึงมีเนื้อหาขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญโดยชัดแจ้ง ดังที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ องค์กรวิชาชีพ และนักวิชาการด้านกฎหมายจำนวนมากจาก 12 สถาบัน ได้แสดงความเห็นคัดค้านตลอดมา นอกจากนี้ กระบวนการตรากฎหมายในรูปของพ.ร.ก. เป็นการหลีกเลี่ยงการออกกฎหมายตามปกติ โดยการรวบรัดมุ่งจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็นสำคัญ ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น องค์กรตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง 3 องค์กร จึงขอเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทย ที่มิได้อยู่ในอาณัติของพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง ได้ใช้ดุลยพินิจที่เป็นอิสระและรอบคอบ ในการพิจารณาคัดค้าน พ.ร.ก.นี้ ตามที่ได้ปฏิญาณตนไว้ก่อนปฏิบัติหน้าที่ว่า"จะรักษาไว้ และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ"
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่พรรคฝ่ายค้านจะขอยื่นแก้ พ.ร.ก.ว่า คงจะต้องทำทีละเรื่อง ทีละวาระ คือทำเรื่องนี้ให้เสร็จไปก่อน แล้วเรื่องแก้ไขจึงจะตามเข้ามา ส่วนจะต้องมีการพิจารณาเรื่องรับรอง พ.ร.ก.เป็น พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ก่อนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ต้องเป็น พ.ร.บ.แต่ให้ใช้คำว่า อนุมัติหรือไม่อนุมัติเท่านั้นก็จบ และหลังจากนั้นถ้าจะแก้ ก็เหมือนกับการแก้กฎหมายทั้งหลาย
เมื่อถามว่าจะต้องรอให้ออกมาเป็น พ.ร.บ.หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ต้องเป็นพ.ร.บ. เมื่ออนุมัติก็จะมีผลบังคับใช้ไปเลย ผู้สื่อข่าวถามว่า จังหวะนั้นพรรคฝ่ายค้าน จะสามารถเสนอร่างใหม่ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า พ.ร.ก.หลายฉบับที่ออกมา หลังจากนั้นก็มีการออกกฎหมายแก้ตามมา ก็ไม่เป็นอะไร สามารถทำได้
**"ทักษิณ"กำชับห้ามส.ส.แตกแถว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.00 น.วานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมส.ส.พรรคไทยรักไทยด้วย และได้กำชับให้ ส.ส.เข้าร่วมปรชุมโดยพร้อมเพรียง หากคนใดอยากแสดงความคิดเห็นก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ โดยทางกระทรวงมหาดไทยได้จัดทำหนังสือคำถามคำตอบ เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉบับนี้แจกจ่ายให้ส.ส.ใช้ประกอบการอภิปรายด้วย
น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย แถลงภายหลังการประชุมพรรคว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ย้ำว่าจากการเดินทางไปสัมผัสประชาชนในพื้นที่ 3จว.ชายแดนภาคใต้ และความเห็นของประชาชนทั่วประเทศส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ เช่นการจับกุมที่กฎหมายเดิมทำได้เพียง 7 วัน แล้วต้องปล่อยตัว แต่ พ.ร.ก. ฉบับนี้สามารถขยายเวลาต่อไปได้อีก อย่างกรณีหนึ่งที่ผู้ต้องยังไม่สารภาพใน 7 วันแรก จึงขยายเวลาการสอบสวนในกระบวนการยุติธรรมออกไปอีก 7 วัน ซึ่งก็ยังไม่สารภาพ แต่เมื่อขยายต่ออีก 7 วัน ทำให้ผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือฆ่าตัดคอตำรวจและขยายผลการจับกุมผู้ร่วมขบวนการอีกหลายคนได้ในที่สุด จุดนี้ถือเป็นประโยชน์ของ พ.ร.ก.ฉบับนี้ เพราะหลายส่วนสามารถทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น เพราะในช่วงนี้ทางราชการจับกุมแกนนำได้หลายคนจนการสร้างความไม่สงบจึงเกิดขึ้นตามมาหลายครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมพรรคไทยรักไทยได้มีการแจกหนังสือ"รวมคำถาม คำตอบ ข้อกฎหมายตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548" ซึ่งจัดทำโดยกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กับส.ส.ของพรรค เพื่อเป็นข้อมูลทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ และลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อพ.ร.ก.ด้วย
**จัดรัฐมนตรีไปดูแลตลาดนัดวันศุกร์
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงค์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงการจัดตลาดนัดวันศุกร์ ในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนภาคใต้ว่า ในสัปดาห์นี้จะยังมีการจัดตลาดนัดเหมือนเดิม และอาจจะมีการจัดเพิ่มขึ้นจาก 10 จุดในครั้งที่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้รัฐมนตรี 3 คน ลงไปประจำทุกวันศุกร์ รับผิดชอบจังหวัดละ 1 คน ซึ่งในวันศุกร์นี้(26 ส.ค.)จะมี นายอนุทิน ชาญวีรกุล รมช.สาธารณสุข และนายรุ่ง แก้วแดง รมช.ศึกษาธิการ ไปที่จ.ยะลา พล.อ.ชัยนันท์ เจริญศิริ รมช.คมนาคม ประจำจ.ปัตตานี และนายปรีชา เลาหพงษ์ชนะ รมช.พาณิชย์ ไปที่จ.นราธิวาส ส่วนวันศุกร์ที่ 3 ก.ย. ให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไปดูแล จ.ยะลา นายประชา มาลีนนท์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ไปจ.ปัตตานี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิชย์ รมช.มหาดไทย ไปจ.นราธิวาส
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงปัญหาความไม่สงบจากการลอบวางระเบิด โดยใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิด วา ขณะนี้ยังมีอยู่มาก จึงได้มอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที)ไปคุยกับพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ เพื่อหาวิธีแก้ไข ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้แนะว่า อาจจะให้บริษัทมือถือทุกบริษัทมีการตั้ง"เกทเวย์"(โครงข่ายเชื่อมต่อหลัก)ในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนภาคใต้ คนที่จะใช้โทรศัพท์มือถือในพื้นที่ จะต้องลงทะเบียนทุกคน เพื่อจะได้รู้ว่าใครใช้บ้าง ส่วนการใช้ระบบ"โรมมิ่ง"(ระบบการเชื่อมโยงเครือขายระหว่างกัน)จากประเทศมาเลย์เซีย ก็ต้องมาลงทะเบียนกับ เกทเวย์ ซึ่งนายกรัฐมนตรียอมรับว่า อาจจะเกิดความไม่สะดวกต่อผู้ใช้โทรศัพท์บ้าง แต่จะเกิดประโยชน์ต่อการรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเอง
นอกจากนี้ นายกฯได้ขอบคุณที่ทุกคนให้ความร่วมมือการจัดตลาดนัดวันศุกร์ โดยวันศุกร์ที่ 9 ก.ย.นายกรัฐมนตรี จะเดินทางลงไปด้วยตัวเองอีกครั้ง โดยให้นายเนวิน ชิดชอบ รมต.ประจำสำนักฯเป็นผู้ประสานงาน และกำชับให้พล.ต.อ.ชิดชัย ทำงานเชิงรุกมากขึ้น
แหล่งข่าว เปิดเผยด้วยว่าในที่ประชุม พล.ต.อ.ชิดชัย ได้บอกว่าตอนนี้เริ่มรู้ยุทธวิธีฝ่ายตรงข้ามแล้ว ส่วนการจับกุมก็ติดตามต่อไป ขณะนี้พบว่า มีกลุ่มผู้ก่อเหตุถึง 360 เครือข่ายกระจายอยู่ในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง จะต้องดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วิเคราะห์เป็นคดีๆไป หากมีคนผิดและหนีไปอยู่ที่มาเลเซีย ก็จะประสานกับทางมาเลเซียขอตัวมาดำเนินคดี และได้ย้ำให้พล.ต.อ.ชิดชัย โฟกัสเรื่องภาคใต้เป็นหลัก ส่วนปัญหาอื่นที่พล.ต.อ.ชิดชัย รับผิดชอบอยู่จะให้คนอื่นมาช่วยเพื่อเป็นการบรรเทาภาระ เช่น เรื่องปัญหายาเสพติด จะมอบหมายให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้ามาช่วยดูแลโดยให้เป็นรองประธานคณะกรรมการต่อสู้ปัญหายาเสพติด ส่วนปัญหาความยากจน ก็จะหาคนอื่นมาช่วย
**ชี้"รอมีร"หนีไปตั้งหลักเพราะกลัวโดนอุ้ม
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และหัวหน้ากลุ่มวาดะห์ กล่าวถึงการออกหมายจับกุม นายรอมีร อุตรสินธุ์ ว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยรู้จักนายรอมีร เพราะอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษออกหมายจับ คงต้องให้ นายอารีเพ็ญติดต่อนายรอมีร เพื่อให้มามอบตัว อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้เห็นว่านายรอมีร ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นก็ต้องต่อสู้กันในชั้นศาลต่อไป ในส่วนของกลุ่มวาดะห์ จะรอดูท่าที่หลังจากนี้ โดยเฉพาะในการประชุมสภาเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อน ตนและนายอารีเพ็ญ ตั้งใจว่าจะลุกขึ้นอภิปราย พ.ร.ก.ดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะนายอารีเพ็ญ จะลุกขึ้นชี้แจงแน่ หากมีการพาดพิงถึงคดีนายรอมีร
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ชิดชัย ระบุว่าหากนายรอมีร ไม่มีความผิด ทำไมต้องหลบหนีไปต่างประเทศ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ถ้าใครเจอคดีแบบนี้ ก็ต้องหลบออกไปก่อน
นายวีระ มุสิกพงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ถ้าใครโดนคดีเรื่องความมั่นคงเหมือนนายรอมีร ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องหลบหนีไปต่างประเทศ เพราะคดีแบบนี้ ถ้ารัฐบาลเป็นฝ่ายกล่าวหา จะไม่มีใครกล้าอยู่ เพราะที่ผ่านมาคนที่ถูกกล่าวหามักจะโดนอุ้มหายตัวลึกลับ เขาก็ต้องไปตั้งหลักก่อน ใครจะไปกล้าอยู่ เท่าที่ทราบนายรอมีร ก็ไม่ได้อยู่เมืองไทยมาหลายปีแล้ว แม้แต่ตนยังไม่เคยรู้จัก จับมือโปรยใบปลิวขู่หยุดงานวันศุกร์ได้ 1 ผู้ว่าฯยะลาสั่งเข้มรปภ.
**จับผู้ต้องหาโปรยใบปลิวขู่หยุดงานวันศุกร์
เวลา14.00 น.วานนี้ ที่กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ (กอ.สสส.จชต.)ค่ายสิรินธร จ.ปัตตานี พล.ท.ขวัญชาติ กล้าหาญ ผอ.สสส.จชต.และแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผอ.สสส.จชต.และ ผบช.ภ.9 ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายฮามะ เจ๊ะเตะ อายุ 21 ปีอยู่บ้านเลขที่ 60/1 หมู่ที่ 1 ต.ปาลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ในข้อหา "ร่วมกันยุยง หรือจัดให้เกิดการไม่ยอมค้าขาย เพื่อข่มขู่รัฐบาลและประชาชน ทำร้ายร่างการผู้อื่น ทำให้เสียทรัพย์ และข่มขืนใจผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย" โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.บาเจาะจับกุมตัวได้ เมื่อวันที่ 13 ส.ค.48 นอกจากนี้ยังได้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่อีก 1 คน คือ นายมะยาซิ วาเงาะ ซึ่งได้ร่วมก่อเหตุดังกล่าว