ผู้จัดการรายวัน – สหยูเนี่ยน ปรับตัวครั้งใหญ่รอบหลายปี หลังรายได้ครึ่งปีแรกพลาดเป้า ผุดหลักเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ(TQA) ปัดฝุ่นสู่ระบบบริหารแนวใหม่ สร้างความแข็งแกร่งองค์กร อาวุธรับมือสงครามเศรษฐกิจ เอฟทีเอตัวแปรพลิกตลาดใน-เทศแข่งดุ แถมพ่นพิษธุรกิจสิ่งทอสะดุด ฮึดทุ่มมากกว่า 200 ล้านบาท ผุดโรงงานแดนมังกร แก้เกมจีนเปิดศึกถล่มในไทยลูกเดียว
นายพนัส สิมะเสถียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจสิ่งทอ,อิเลคทรอนิกส์,พลาสติก และรองเท้า เปิดเผยว่า จากแนวโน้มการแข่งขันของธุรกิจที่มีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากคู่แข่งภายในและภายนอกประเทศ โดยมีปัจจัยจากการเปิดเขตเสรีการค้าระหว่างประเทศหรือเอฟทีเอ เป็นต้น ทำให้บริษัทสหยูเนี่ยนซึ่งมีบริษัทในเครือ 21 บริษัท ต้องมีการปรับปรุงการบริหารจัดการใหม่ ภายใต้การนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (TQA)มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของกลุ่มสหยูเนี่ยน สามารถรองรับสภาวะความเปลี่ยนแปลงต่างๆทั้งเศรษฐกิจ การตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับการนำหลักเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาปรับปรุงระบบบริหาร ในเบื้องต้นได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์กร การจัดโครงสร้างคณะทำงาน การจัดสัมมนาให้ความรู้คณะทำงาน การจัดทำเอกสารและการตรวจประเมิณภายใน และการจัดทำแผนการปรับปรุง นำร่องด้วยการจัดโครงการ “การบริหารสู่ความเป็นเลิศ SUQA” บรรยายพิเศษจากบริษัทไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับรางวัล “Thailand Quality Class 2548”และมอบรางวัลแก่ผู้ชนะ ภายหลังจากบริษัทได้จัดประกวดตราสัญลักษณ์ SUQA ภายในองค์กร
“เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่สหยูเนี่ยนรุกขึ้นมาปรับปรุงการบริหารภายในองค์กรใหม่ ในเบื้องต้นได้วางงบการนำหลักเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาบริหารภายในองค์กรไว้ปีนี้ 10 ล้านบาท จากนั้นบริษัทจะมีการวัดผลเป็นระยะจากคณะกรรมการกลาง ล่าสุดเพิ่งประเมิณผลในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา คะแนนเฉลี่ยบริษัทในเครืออยู่ระหว่าง 100-400 คะแนน จาก 1,000 คะแนนเต็ม สาเหตุที่ยังได้น้อยอยู่ เพราะบริษัทเพิ่งอยู่ขั้นตอนของการเริ่มต้นเท่านั้น”
นายพนัส กล่าวว่า ผลจากการแข่งขันของตลาดทั้งภายในและนอกประเทศที่มีความรุนแรง ทำให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โครงสร้างการดำเนินธุรกิจของบริษัท ประกอบด้วย 4 ธุรกิจหลัก สองกลุ่มแรกได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยสิ่งทอเป็นกลุ่มที่มีการหดตัวลงอย่างมาก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากประเทศจีน ขณะที่กลุ่มรองเท้าอยู่ในภาวะทรงตัว โดยได้รับผลกระทบจากสินค้าอินเตอร์แบรนด์เข้ามาเปิดตลาดเพิ่มขึ้น 5-6 แบรนด์ ส่วนอีก 2 กลุ่มหลังมีอัตราการเติบโตสูง โดยกลุ่มอิเลกทรอนิกส์ โต 10% และพลาสติก 20%
ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบลงทุนมากกว่า 200 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตสิ่งทอที่ประเทศจีน เพื่อลดต้นทุนการผลิตลง โดยจีนสามารถผลิตต่อชิ้นได้ต่ำกว่าไทยถึง 50% ซึ่งคาดว่าโรงงานจะแล้วเสร็จในต้นปีหน้านี้ จากนั้นได้วางแนวทางการทำตลาดโดยเปิดตลาดในจีนเป็นหลัก เนื่องจากจีนถือว่าเป็นประเทศใหญ่ และมีประชากรอาศัยอยู่มาก หลังจากก่อนหน้านี้ บริษัทได้ลงทุนตั้งโรงงานไฟฟ้าและโรงเรียนนานาชาติเมื่อหลายปีก่อน ส่งผลให้ปัจจุบันนี้รายได้ที่มาจากประเทศจีนคิดเป็น 50% ของรายได้รวม
สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทได้ปรับเป้าลงเล็กน้อย ส่วนรายได้ทั้งปีราว 20,000-30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก ภายในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% โดยตลาดหลัก คือ ญี่ปุ่น
นายพนัส สิมะเสถียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจสิ่งทอ,อิเลคทรอนิกส์,พลาสติก และรองเท้า เปิดเผยว่า จากแนวโน้มการแข่งขันของธุรกิจที่มีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากคู่แข่งภายในและภายนอกประเทศ โดยมีปัจจัยจากการเปิดเขตเสรีการค้าระหว่างประเทศหรือเอฟทีเอ เป็นต้น ทำให้บริษัทสหยูเนี่ยนซึ่งมีบริษัทในเครือ 21 บริษัท ต้องมีการปรับปรุงการบริหารจัดการใหม่ ภายใต้การนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (TQA)มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของกลุ่มสหยูเนี่ยน สามารถรองรับสภาวะความเปลี่ยนแปลงต่างๆทั้งเศรษฐกิจ การตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับการนำหลักเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาปรับปรุงระบบบริหาร ในเบื้องต้นได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์กร การจัดโครงสร้างคณะทำงาน การจัดสัมมนาให้ความรู้คณะทำงาน การจัดทำเอกสารและการตรวจประเมิณภายใน และการจัดทำแผนการปรับปรุง นำร่องด้วยการจัดโครงการ “การบริหารสู่ความเป็นเลิศ SUQA” บรรยายพิเศษจากบริษัทไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับรางวัล “Thailand Quality Class 2548”และมอบรางวัลแก่ผู้ชนะ ภายหลังจากบริษัทได้จัดประกวดตราสัญลักษณ์ SUQA ภายในองค์กร
“เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่สหยูเนี่ยนรุกขึ้นมาปรับปรุงการบริหารภายในองค์กรใหม่ ในเบื้องต้นได้วางงบการนำหลักเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาบริหารภายในองค์กรไว้ปีนี้ 10 ล้านบาท จากนั้นบริษัทจะมีการวัดผลเป็นระยะจากคณะกรรมการกลาง ล่าสุดเพิ่งประเมิณผลในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา คะแนนเฉลี่ยบริษัทในเครืออยู่ระหว่าง 100-400 คะแนน จาก 1,000 คะแนนเต็ม สาเหตุที่ยังได้น้อยอยู่ เพราะบริษัทเพิ่งอยู่ขั้นตอนของการเริ่มต้นเท่านั้น”
นายพนัส กล่าวว่า ผลจากการแข่งขันของตลาดทั้งภายในและนอกประเทศที่มีความรุนแรง ทำให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โครงสร้างการดำเนินธุรกิจของบริษัท ประกอบด้วย 4 ธุรกิจหลัก สองกลุ่มแรกได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยสิ่งทอเป็นกลุ่มที่มีการหดตัวลงอย่างมาก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากประเทศจีน ขณะที่กลุ่มรองเท้าอยู่ในภาวะทรงตัว โดยได้รับผลกระทบจากสินค้าอินเตอร์แบรนด์เข้ามาเปิดตลาดเพิ่มขึ้น 5-6 แบรนด์ ส่วนอีก 2 กลุ่มหลังมีอัตราการเติบโตสูง โดยกลุ่มอิเลกทรอนิกส์ โต 10% และพลาสติก 20%
ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบลงทุนมากกว่า 200 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตสิ่งทอที่ประเทศจีน เพื่อลดต้นทุนการผลิตลง โดยจีนสามารถผลิตต่อชิ้นได้ต่ำกว่าไทยถึง 50% ซึ่งคาดว่าโรงงานจะแล้วเสร็จในต้นปีหน้านี้ จากนั้นได้วางแนวทางการทำตลาดโดยเปิดตลาดในจีนเป็นหลัก เนื่องจากจีนถือว่าเป็นประเทศใหญ่ และมีประชากรอาศัยอยู่มาก หลังจากก่อนหน้านี้ บริษัทได้ลงทุนตั้งโรงงานไฟฟ้าและโรงเรียนนานาชาติเมื่อหลายปีก่อน ส่งผลให้ปัจจุบันนี้รายได้ที่มาจากประเทศจีนคิดเป็น 50% ของรายได้รวม
สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทได้ปรับเป้าลงเล็กน้อย ส่วนรายได้ทั้งปีราว 20,000-30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก ภายในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% โดยตลาดหลัก คือ ญี่ปุ่น