ผู้จัดการรายวัน - โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงยืนยัน กระบวนการขอตัว“ราเกซ สักเสนา” ที่เสนอไปยังศาลแคนาดา ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ระบุ “ราเกซ” ยกเหตุหมายจับหมดอายุความ เป็นการดิ้นของผู้ต้องหาเอง พร้อมมั่นใจ ทางการไทยจะได้ตัวพ่อมดการเงิน มาดำเนินคดีในไทย
จากกรณีที่ นายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษาผู้บริหารธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี ผู้ต้องหาคนสำคัญที่ร่วมกระทำผิดกับนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บีบีซี ในคดียักยอกทรัพย์ธนาคารมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ แวนคูเวอร์ ซัน ว่าทางการแคนาดาควบคุมตัวเขาไว้อย่างผิดกฎหมาย เพราะหมายจับที่ทางการไทยส่งไปแคนาดา เพื่อประสานงานขอให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาไทยเพื่อดำเนินคดีนั้น หมดอายุไปตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา
วานนี้(18 ส.ค.)นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่าการที่นายราเกซ ออกมาให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้ทางการแคนาดาปล่อยตัว โดยอ้างว่าหมายจับของทางการไทยหมดอายุไปแล้วนั้น เชื่อว่าเป็นการอ้างโดยความเห็นของนายราเกซ เอง ซึ่งขณะนี้กระบวนการพิจารณาคดีของศาลในแคนาดายังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดคดี นายราเกซ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ แคนาดา ซึ่งนายราเกซ ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่มีคำพิพากษาเมื่อเดือนกันยายน 2543 และอุทธรณ์ความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการยุติธรรม แคนาดา ที่มีความเห็นตรงกันโดยให้ส่งตัวนายราเกซ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน โดยศาลอุทธรณ์ แคนาดา กำหนดเริ่มพิจารณาคดีประมาณปลายเดือนกันยายนนี้ เป็นต้นไป
นายศิริศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทางการไทยได้มีการประสานไปยังทางการแคนาดาเป็นระยะ และหลังจากมีข่าวดังกล่าวทางอัยการสูงสุดได้ประสานไปยังอัยการ แคนาดา ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิมคือ นายราเกซ อยู่ในความควบคุมตามอำนาจศาลแคนาดา อย่างใกล้ชิด โดยถูกกักตัวอยู่เฉพาะบริเวณที่พักอาศัยและมีการใช้กล้องวีดีโอวงจรปิดจับตาดูความเคลื่อนไหวตลอดเวลา
“แม้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย แต่จำเลยก็มีสิทธิอุทธรณ์ได้ และตามกฎหมายแคนาดา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วต้องขอความเห็นฝ่ายบริหารก็คือรัฐมนตรียุติธรรม แคนาดาก่อน แต่นายราเกซ ได้อ้างว่าหากถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย จะไม่ได้รับสิทธิคุ้มครองต่างๆ เช่นการได้รับเข้าเยี่ยม การปรึกษาทนายความ แต่ทางการไทยได้ทำหนังสือรับรองกลับไปว่านายราเกซ จะได้รับสิทธิทุกอย่างตามที่ผู้ต้องหาพึงได้ โดยรมว.ยุติธรรม แคนาดา ก็เห็นชอบด้วย และมีความเห็นตามศาลชั้นต้นให้ส่งตัวผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีในไทย”
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ทางอัยการและทางการไทย ก็ยังมีความหวังว่าหากกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ของทางการแคนาดาเสร็จสิ้น ก็จะได้รับตัวนายราเกซ กลับมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน
ด้าน พล.ต.ต.พีระพันธ์ เปรมภูติ เลขาธิการ ปปง.กล่าวถึงการดำเนินการตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน ของนายราเกซ ว่าที่ผ่านมา ทางการไทยได้รับหนังสือแจ้งจากศาลประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า ศาลมีคำสั่งให้ส่งทรัพย์สินที่ปรากฏอยู่ในชื่อของนายราเกซ คืนสู่ทางการไทยแล้ว ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 900 ล้านบาท
ประกอบด้วยทรัพย์ที่เกี่ยวกับหุ้น และทรัพย์สินอื่น โดยขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้ดูแลเก็บรักษาทรัพย์นั้นไว้แล้ว ระหว่างนี้ ธปท. กำลังตรวจสอบรายละเอียดของทรัพย์สินต่างๆ เพื่อเตรียมดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายระหว่างประเทศในการติดตามและยึดทรัพย์สินอื่นของนายราเกซ ต่อไป นอกจากนั้น ทางศาลซิตี้คอร์ด ออฟ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้สั่งยึดอายัดทรัพย์สินของนิติบุคคล ที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ไว้รวมประมาณ 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯซึ่งหลังจาก นายราเกซ ถูกนำตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย และศาลไทย มีคำพิพากษาว่ามีความผิด ทรัพย์สินที่ยึดอายัดไว้ ก็จะส่งกลับคืนมาที่ประเทศไทยต่อไป
จากกรณีที่ นายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษาผู้บริหารธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี ผู้ต้องหาคนสำคัญที่ร่วมกระทำผิดกับนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บีบีซี ในคดียักยอกทรัพย์ธนาคารมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ แวนคูเวอร์ ซัน ว่าทางการแคนาดาควบคุมตัวเขาไว้อย่างผิดกฎหมาย เพราะหมายจับที่ทางการไทยส่งไปแคนาดา เพื่อประสานงานขอให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาไทยเพื่อดำเนินคดีนั้น หมดอายุไปตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา
วานนี้(18 ส.ค.)นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่าการที่นายราเกซ ออกมาให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้ทางการแคนาดาปล่อยตัว โดยอ้างว่าหมายจับของทางการไทยหมดอายุไปแล้วนั้น เชื่อว่าเป็นการอ้างโดยความเห็นของนายราเกซ เอง ซึ่งขณะนี้กระบวนการพิจารณาคดีของศาลในแคนาดายังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดคดี นายราเกซ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ แคนาดา ซึ่งนายราเกซ ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่มีคำพิพากษาเมื่อเดือนกันยายน 2543 และอุทธรณ์ความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการยุติธรรม แคนาดา ที่มีความเห็นตรงกันโดยให้ส่งตัวนายราเกซ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน โดยศาลอุทธรณ์ แคนาดา กำหนดเริ่มพิจารณาคดีประมาณปลายเดือนกันยายนนี้ เป็นต้นไป
นายศิริศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทางการไทยได้มีการประสานไปยังทางการแคนาดาเป็นระยะ และหลังจากมีข่าวดังกล่าวทางอัยการสูงสุดได้ประสานไปยังอัยการ แคนาดา ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิมคือ นายราเกซ อยู่ในความควบคุมตามอำนาจศาลแคนาดา อย่างใกล้ชิด โดยถูกกักตัวอยู่เฉพาะบริเวณที่พักอาศัยและมีการใช้กล้องวีดีโอวงจรปิดจับตาดูความเคลื่อนไหวตลอดเวลา
“แม้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย แต่จำเลยก็มีสิทธิอุทธรณ์ได้ และตามกฎหมายแคนาดา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วต้องขอความเห็นฝ่ายบริหารก็คือรัฐมนตรียุติธรรม แคนาดาก่อน แต่นายราเกซ ได้อ้างว่าหากถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย จะไม่ได้รับสิทธิคุ้มครองต่างๆ เช่นการได้รับเข้าเยี่ยม การปรึกษาทนายความ แต่ทางการไทยได้ทำหนังสือรับรองกลับไปว่านายราเกซ จะได้รับสิทธิทุกอย่างตามที่ผู้ต้องหาพึงได้ โดยรมว.ยุติธรรม แคนาดา ก็เห็นชอบด้วย และมีความเห็นตามศาลชั้นต้นให้ส่งตัวผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีในไทย”
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ทางอัยการและทางการไทย ก็ยังมีความหวังว่าหากกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ของทางการแคนาดาเสร็จสิ้น ก็จะได้รับตัวนายราเกซ กลับมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน
ด้าน พล.ต.ต.พีระพันธ์ เปรมภูติ เลขาธิการ ปปง.กล่าวถึงการดำเนินการตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน ของนายราเกซ ว่าที่ผ่านมา ทางการไทยได้รับหนังสือแจ้งจากศาลประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า ศาลมีคำสั่งให้ส่งทรัพย์สินที่ปรากฏอยู่ในชื่อของนายราเกซ คืนสู่ทางการไทยแล้ว ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 900 ล้านบาท
ประกอบด้วยทรัพย์ที่เกี่ยวกับหุ้น และทรัพย์สินอื่น โดยขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้ดูแลเก็บรักษาทรัพย์นั้นไว้แล้ว ระหว่างนี้ ธปท. กำลังตรวจสอบรายละเอียดของทรัพย์สินต่างๆ เพื่อเตรียมดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายระหว่างประเทศในการติดตามและยึดทรัพย์สินอื่นของนายราเกซ ต่อไป นอกจากนั้น ทางศาลซิตี้คอร์ด ออฟ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้สั่งยึดอายัดทรัพย์สินของนิติบุคคล ที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ไว้รวมประมาณ 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯซึ่งหลังจาก นายราเกซ ถูกนำตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย และศาลไทย มีคำพิพากษาว่ามีความผิด ทรัพย์สินที่ยึดอายัดไว้ ก็จะส่งกลับคืนมาที่ประเทศไทยต่อไป