ศูนย์ข่าวศรีราชา -สผ.ตรวจสอบการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม บริษัทยูนิไทยฯแหลมฉบังอีกรอบ หลังสร้างปัญหาต่อการส่งออกรถยนต์ไปต่างประเทศ พร้อมขีดเส้นต้องแก้ไข และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้เสร็จสิ้น ภายในเดือนกันยายน
เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานพัฒนาและแผนสิ่งแวดล้อม(สผ.)ได้เข้าตรวจสอบบริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอนด์เอ็นจิเนียร์ริ่ง จำกัด ที่ต.แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อเป็นการติดตามการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการท่าเรือ A 5 ในท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งอยู่ติดกัน ว่า บริษัทฯได้สร้างปัญหาและส่งผลกระทบต่อรถยนต์ ที่จะนำส่งไปต่างประเทศ ทำให้รถยนต์ที่ส่งไปอาจถูกตีกลับ เนื่องจากตัวรถยนต์ เกิดเป็นสนิมจากผงขัดเรือของยูนิไทยฯ
นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบ และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักงานพัฒนาและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) กล่าวว่า หลังได้รับการร้องเรียน เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ได้เข้าตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด พร้อมให้บริษัทฯเร่งแก้ไข เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อบริษัทข้างเคียง ซึ่งบริษัทฯก็รับที่จะดำเนินการแก้ไข และในครั้งนี้สผ.ได้เข้าตรวจสอบโครงการต่างๆที่บริษัทฯรับปากจะดำเนินการ ว่า มีความคืบหน้าไปมากน้อยเพียงใด เพื่อนำข้อมูลไปชี้แจงให้ประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้รับทราบต่อไป
สำหรับการตรวจสอบครั้งนี้ พบว่า บริษัท ยูนิไทยฯ มีการดำเนินการป้องกันด้านผลกระทบ ที่เกิดขึ้นหลายโครงการ ถือว่า ปฏิบัติตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่สั่งการไว้ โดยมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งทุกโครงการจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน คาดว่าโครงการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะแล้วเสร็จตามที่กำหนด
นายสมชัย เปลี่ยนใจสุข ผู้จัดการแผนกรับรองคุณภาพไอเอสโอ และสิ่งแวดล้อม บริษัทยูนิไทย ชิปยาร์ดแอนด์เอ็นจิเนียร์ริ่ง จำกัด กล่าวถึงปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อท่าเรือ A 5 ขณะนี้บริษัทฯได้แก้ไขและป้องกันปัญหาผลกระทบทางด้านต่างๆไปมากแล้ว เช่น การติดตั้งสัญญาณเตือนภัย หากมีลมพัดเกินกว่า 15 น็อต 2.ปลูกต้นไม้เพื่อเป็นแนวกันชน 3.สร้างอาคารพ่นสีแบบอยู่กับที่ 4.สร้างอาคารพ่นสีที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ 5.ตรวจวัดหาองค์ประกอบของฝุ่นละอองสนิมเหล็ก จากภายนอกพื้นที่โครงการ และ6.มาตรการด้านการศึกษา เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม โดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์
นอกจากนั้น บริษัทฯได้มีการติดตั้งแผ่นตรวจสอบ (Monitoring plate )จำนวน 3 จุด บริเวณลานจอดรถ A5 2.เร่งดำเนินการติดตั้งผนังกั้นลมตาข่ายพลาสติกสูง 25 เมตร ตลอดแนวรั้ว A5 มีความยาว 630 เมตรโดยเน้นบริเวณที่ตรงกับลานจอดรถของโตโยต้า 3.จัดเตรียม Preventive Maintenance program ของการทำความสะอาด Net screen
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า การแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้น บริษัทฯได้ใช้งบประมาณจำนวน 150 ล้านบาท คาดว่าทุกๆโครงการ จะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน โดยคาดว่าเมื่อโครงการต่างๆเสร็จสมบูรณ์ ปัญหาที่เกิดขึ้นคงหมดไปหรือลดน้อยลง
เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานพัฒนาและแผนสิ่งแวดล้อม(สผ.)ได้เข้าตรวจสอบบริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอนด์เอ็นจิเนียร์ริ่ง จำกัด ที่ต.แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อเป็นการติดตามการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการท่าเรือ A 5 ในท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งอยู่ติดกัน ว่า บริษัทฯได้สร้างปัญหาและส่งผลกระทบต่อรถยนต์ ที่จะนำส่งไปต่างประเทศ ทำให้รถยนต์ที่ส่งไปอาจถูกตีกลับ เนื่องจากตัวรถยนต์ เกิดเป็นสนิมจากผงขัดเรือของยูนิไทยฯ
นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบ และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักงานพัฒนาและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) กล่าวว่า หลังได้รับการร้องเรียน เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ได้เข้าตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด พร้อมให้บริษัทฯเร่งแก้ไข เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อบริษัทข้างเคียง ซึ่งบริษัทฯก็รับที่จะดำเนินการแก้ไข และในครั้งนี้สผ.ได้เข้าตรวจสอบโครงการต่างๆที่บริษัทฯรับปากจะดำเนินการ ว่า มีความคืบหน้าไปมากน้อยเพียงใด เพื่อนำข้อมูลไปชี้แจงให้ประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้รับทราบต่อไป
สำหรับการตรวจสอบครั้งนี้ พบว่า บริษัท ยูนิไทยฯ มีการดำเนินการป้องกันด้านผลกระทบ ที่เกิดขึ้นหลายโครงการ ถือว่า ปฏิบัติตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่สั่งการไว้ โดยมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งทุกโครงการจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน คาดว่าโครงการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะแล้วเสร็จตามที่กำหนด
นายสมชัย เปลี่ยนใจสุข ผู้จัดการแผนกรับรองคุณภาพไอเอสโอ และสิ่งแวดล้อม บริษัทยูนิไทย ชิปยาร์ดแอนด์เอ็นจิเนียร์ริ่ง จำกัด กล่าวถึงปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อท่าเรือ A 5 ขณะนี้บริษัทฯได้แก้ไขและป้องกันปัญหาผลกระทบทางด้านต่างๆไปมากแล้ว เช่น การติดตั้งสัญญาณเตือนภัย หากมีลมพัดเกินกว่า 15 น็อต 2.ปลูกต้นไม้เพื่อเป็นแนวกันชน 3.สร้างอาคารพ่นสีแบบอยู่กับที่ 4.สร้างอาคารพ่นสีที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ 5.ตรวจวัดหาองค์ประกอบของฝุ่นละอองสนิมเหล็ก จากภายนอกพื้นที่โครงการ และ6.มาตรการด้านการศึกษา เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม โดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์
นอกจากนั้น บริษัทฯได้มีการติดตั้งแผ่นตรวจสอบ (Monitoring plate )จำนวน 3 จุด บริเวณลานจอดรถ A5 2.เร่งดำเนินการติดตั้งผนังกั้นลมตาข่ายพลาสติกสูง 25 เมตร ตลอดแนวรั้ว A5 มีความยาว 630 เมตรโดยเน้นบริเวณที่ตรงกับลานจอดรถของโตโยต้า 3.จัดเตรียม Preventive Maintenance program ของการทำความสะอาด Net screen
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า การแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้น บริษัทฯได้ใช้งบประมาณจำนวน 150 ล้านบาท คาดว่าทุกๆโครงการ จะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน โดยคาดว่าเมื่อโครงการต่างๆเสร็จสมบูรณ์ ปัญหาที่เกิดขึ้นคงหมดไปหรือลดน้อยลง


