เอเอฟพี – เศรษฐกิจประเทศต่างๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รับมือการลอยตัวเงินหยวนของจีนได้เป็นอย่างดีในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากจีนปรับขึ้นเงินหยวนในสัดส่วนไม่มากนัก ทั้งนี้เป็นความเห็นของเหล่านักวิเคราะห์
สกุลเงินสำคัญๆ ในภูมิภาคแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ตามการปรับขึ้นครั้งนี้ของพญามังกร และที่สำคัญกว่านั้น ระบบการเงินในภูมิภาคไม่ได้ปั่นป่วนวุ่นวายอย่างที่เป็นกังวลกันก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
บรรดานักวิเคราะห์ให้เหตุผลว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นไปตามความมุ่งหมายของจีนทุกประการ คือ จีนสามารถทำให้สหรัฐฯ พึงพอใจได้ด้วยการลอยตัวค่าเงินหยวน ขณะเดียวกันการลอยตัวนี้ก็ไม่ได้ส่งผลรุนแรงมากถึงขนาดทำให้ตลาดเงินยุ่งเหยิง
ซงเซงวุน นักเศรษฐศาสตร์ระดับภูมิภาคของบริษัทโบรกเกอร์จีเค โกห์ กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เนื่องจากค่าเงินหยวนในเบื้องต้น ลอยตัวเพิ่มค่าในสัดส่วนเพียงเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่น่าที่จะส่งผลกระทบรุนแรงมากนักในระยะเวลาอันใกล้นี้
เขาชี้ว่า จีนได้ดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่า ธุรกิจในประเทศและประเทศคู่ค้าจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และไม่ต้องการทำให้เกิดความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการเกิดภาวะไร้เสถียรภาพของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ที่ผ่านมา สหรัฐฯได้กดดันจีนอย่างหนักในเรื่องการลอยตัวค่าเงินหยวนให้เป็นไปตามระดับมูลค่าที่แท้จริง โดยวอชิงตันระบุว่า ค่าเงินหยวนของจีนนั้นมีมูลค่าต่ำเกินจริงมาก ส่งผลให้ราคาสินค้าของจีนในตลาดโลกมีราคาถูกกว่าอย่างไม่เป็นธรรม
ด้วยเหตุนี้ หลังจากมีการคาดการณ์กันในเรื่องนี้มาเป็นเวลานานหลายเดือน ในวันพฤหัสฯ ที่ 21 กรกฎคมจีนได้ประกาศลอยตัวค่าเงินแบบมีการจัดการ โดยหลังจากใช้ระบบตรึงค่าเงินหยวนเข้ากับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มานาน 11 ปี ก็หันมาใช้ระบบตะกร้าเงินตราหลายสกุล
ทั้งนี้ ทางการจีนได้ยอมให้ค่าเงินหยวนแข็งขึ้น 2.1% เป็น 8.11 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสกุลเงินตราในตะกร้าเงินอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการเข้าเก็งกำไรจากบรรดานักลงทุน พร้อมกันนั้นก็บอกว่าปล่อยให้ค่าเงินในแต่ละวันเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามที่ตลาดเห็นว่าเหมาะสม แต่ต้องขึ้นลงไม่เกินวันละ 0.3%
นักวิเคราะห์เสริมอีกว่า แม้แรงกดดันให้จีนปรับค่าเงินหยวนให้แข็งค่ามากกว่านี้จะยังไม่หมดไป แต่จีนก็มีทีท่าแสดงออกชัดเจนแล้วว่า จะกำหนดทิศทางการปรับค่าเงินหยวนต่อไปด้วยตัวเอง
เฮนเดอร์สัน โกลบอล อินเวสเตอร์ส ระบุในรายงานฉบับหนึ่งว่า ผลกระทบจากการตัดสินใจของจีนในระยะสั้นอาจมีเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับในระยะยาว การลอยตัวค่าเงินหยวนอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนเป็นผู้สนับสนุนเงินดอลลาร์รายสำคัญในการสะสมทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
ด้านแอนดี้ อง หัวหน้าฝ่ายวิจัยของเอชแอลจี ซิเคียวริตี้ส์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะลงความเห็นถึงผลกระทบอย่างเต็มรูปแบบของการปรับขึ้นค่าเงินหยวน พร้อมข้อสังเกตว่า แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสกุลเงินใดในภูมิภาคนี้มีมูลค่าปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรง
เวลานี้ ในภูมิภาคนี้มีเพียงค่าเงินเปโซของฟิลิปปินส์เท่านั้น ที่ตกฮวบลงนับตั้งแต่การประกาศปรับค่าเงินหยวนในวันที่ 21 กรกฎาคม โดยนักวิเคราะห์มองว่า อนาคตของค่าเงินเปโซนั้นขึ้นอยู่กับทิศทางทางการเมืองของประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโยมากกว่าผูกติดกับค่าเงินหยวน
เมื่อดูจากราคาปิดในวันศุกร์ที่ผ่านมา (5) ค่าเงินรูเปียะห์ของอินโดนีเซียไต่ขึ้น 0.91% เมื่อเทียบกับดอลลาร์นับตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมเป็นต้นมา อยู่ที่ 9,745 รูเปียะห์ต่อดอลลาร์ เงินบาทของไทยแข็งขึ้น 0.17% ปิดที่ 41.19 บาท เงินดอลลาร์สิงคโปร์พุ่งขึ้น 1.88% อยู่ที่ 1.6523 ดอลลาร์สิงคโปร์ ด้านเงินเปโซตกลง 0.31% ปิดที่ 55.915 เปโซ
สกุลเงินสำคัญๆ ในภูมิภาคแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ตามการปรับขึ้นครั้งนี้ของพญามังกร และที่สำคัญกว่านั้น ระบบการเงินในภูมิภาคไม่ได้ปั่นป่วนวุ่นวายอย่างที่เป็นกังวลกันก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
บรรดานักวิเคราะห์ให้เหตุผลว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นไปตามความมุ่งหมายของจีนทุกประการ คือ จีนสามารถทำให้สหรัฐฯ พึงพอใจได้ด้วยการลอยตัวค่าเงินหยวน ขณะเดียวกันการลอยตัวนี้ก็ไม่ได้ส่งผลรุนแรงมากถึงขนาดทำให้ตลาดเงินยุ่งเหยิง
ซงเซงวุน นักเศรษฐศาสตร์ระดับภูมิภาคของบริษัทโบรกเกอร์จีเค โกห์ กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เนื่องจากค่าเงินหยวนในเบื้องต้น ลอยตัวเพิ่มค่าในสัดส่วนเพียงเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่น่าที่จะส่งผลกระทบรุนแรงมากนักในระยะเวลาอันใกล้นี้
เขาชี้ว่า จีนได้ดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่า ธุรกิจในประเทศและประเทศคู่ค้าจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และไม่ต้องการทำให้เกิดความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการเกิดภาวะไร้เสถียรภาพของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ที่ผ่านมา สหรัฐฯได้กดดันจีนอย่างหนักในเรื่องการลอยตัวค่าเงินหยวนให้เป็นไปตามระดับมูลค่าที่แท้จริง โดยวอชิงตันระบุว่า ค่าเงินหยวนของจีนนั้นมีมูลค่าต่ำเกินจริงมาก ส่งผลให้ราคาสินค้าของจีนในตลาดโลกมีราคาถูกกว่าอย่างไม่เป็นธรรม
ด้วยเหตุนี้ หลังจากมีการคาดการณ์กันในเรื่องนี้มาเป็นเวลานานหลายเดือน ในวันพฤหัสฯ ที่ 21 กรกฎคมจีนได้ประกาศลอยตัวค่าเงินแบบมีการจัดการ โดยหลังจากใช้ระบบตรึงค่าเงินหยวนเข้ากับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มานาน 11 ปี ก็หันมาใช้ระบบตะกร้าเงินตราหลายสกุล
ทั้งนี้ ทางการจีนได้ยอมให้ค่าเงินหยวนแข็งขึ้น 2.1% เป็น 8.11 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสกุลเงินตราในตะกร้าเงินอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการเข้าเก็งกำไรจากบรรดานักลงทุน พร้อมกันนั้นก็บอกว่าปล่อยให้ค่าเงินในแต่ละวันเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามที่ตลาดเห็นว่าเหมาะสม แต่ต้องขึ้นลงไม่เกินวันละ 0.3%
นักวิเคราะห์เสริมอีกว่า แม้แรงกดดันให้จีนปรับค่าเงินหยวนให้แข็งค่ามากกว่านี้จะยังไม่หมดไป แต่จีนก็มีทีท่าแสดงออกชัดเจนแล้วว่า จะกำหนดทิศทางการปรับค่าเงินหยวนต่อไปด้วยตัวเอง
เฮนเดอร์สัน โกลบอล อินเวสเตอร์ส ระบุในรายงานฉบับหนึ่งว่า ผลกระทบจากการตัดสินใจของจีนในระยะสั้นอาจมีเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับในระยะยาว การลอยตัวค่าเงินหยวนอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนเป็นผู้สนับสนุนเงินดอลลาร์รายสำคัญในการสะสมทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
ด้านแอนดี้ อง หัวหน้าฝ่ายวิจัยของเอชแอลจี ซิเคียวริตี้ส์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะลงความเห็นถึงผลกระทบอย่างเต็มรูปแบบของการปรับขึ้นค่าเงินหยวน พร้อมข้อสังเกตว่า แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสกุลเงินใดในภูมิภาคนี้มีมูลค่าปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรง
เวลานี้ ในภูมิภาคนี้มีเพียงค่าเงินเปโซของฟิลิปปินส์เท่านั้น ที่ตกฮวบลงนับตั้งแต่การประกาศปรับค่าเงินหยวนในวันที่ 21 กรกฎาคม โดยนักวิเคราะห์มองว่า อนาคตของค่าเงินเปโซนั้นขึ้นอยู่กับทิศทางทางการเมืองของประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโยมากกว่าผูกติดกับค่าเงินหยวน
เมื่อดูจากราคาปิดในวันศุกร์ที่ผ่านมา (5) ค่าเงินรูเปียะห์ของอินโดนีเซียไต่ขึ้น 0.91% เมื่อเทียบกับดอลลาร์นับตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมเป็นต้นมา อยู่ที่ 9,745 รูเปียะห์ต่อดอลลาร์ เงินบาทของไทยแข็งขึ้น 0.17% ปิดที่ 41.19 บาท เงินดอลลาร์สิงคโปร์พุ่งขึ้น 1.88% อยู่ที่ 1.6523 ดอลลาร์สิงคโปร์ ด้านเงินเปโซตกลง 0.31% ปิดที่ 55.915 เปโซ