ศรีทองพาณิชย์ เผยปัจจัยลบฟาดหางตลาดนาฬิกาต่างจังหวัดทรุด เร่งแก้เกมช่วยดีลเลอร์ พร้อมเน้นขยายตลาดในกรุงเทพฯ หลังตลาดโตต่อเนื่อง 20-25% ล่าสุดเปิดตัวแฮมิลตัน 2 รุ่น เจาะกลุ่มผู้ชายที่รักการผจญภัย และเตรียมเปิดตัวรุ่นแจ๊ส เจาะกลุ่มผู้หญิงช่วงปลายปี ตั้งเป้าสิ้นปียอดรายได้โต 20%
นางวิภาวรรณ มหาดำรงค์กุล ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีทองพาณิชย์ ผู้แทนจำหน่ายนาฬิกานำเข้า เช่น ซิติเซน,มิโด,ราโด และแฮมิลตัน เปิดเผยว่า จากปัจจัยลบต่างๆที่เกิดขึ้นในไทยทั้งราคาน้ำมันหรือเหตุการณ์ทางภาคใต้ ฯลฯ ไม่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อนาฬิกาของผู้บริโภคเขตกรุงเทพฯ ดังนั้นศรีทองฯจึงเน้นการขยายตลาดในส่วนกรุงเทพฯมากกว่าต่างจังหวัด เนื่องจากเห็นศักยภาพที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง 20-25% โดยการทำตลาดจะเน้นการเปิดตัวนาฬิกาใหม่ๆ
ขณะที่ตลาดต่างจังหวัด ปีนี้ตลาดหดตัวลงและไม่โต ซึ่งช่วง 4 เดือนแรกของที่ผ่านมาพบว่ายอดขายตกลงจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น ดังนั้นศรีทองฯจึงเร่งสร้างตลาดด้วยการเลือกดีลเลอร์ที่มีกำลังซื้อดีหรือช่วยเหลือดีลเลอร์รายเดิม เช่น การจัดดิสเพลย์สินค้าใหม่ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว
"ภาพรวมตลาดนาฬิกาครึ่งปีแรกยังดีอยู่ และไม่น่ากลัวเหมือนที่คิด เนื่องจากแต่ละยี่ห้อมีนาฬิการุ่นใหม่ออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนาฬิการะดับกลางและบน หรือนาฬิกาเทรนด์สปอร์ตที่คนไทยนิยมมาก"นางวิภาวรรณ กล่าว
ล่าสุดศรีทองฯเปิดตัวนาฬิกาแฮลมิตัน 2 รุ่น ได้แก่ "รุ่นกากี เนวี่ จีเอ็มที" ซึ่งสามารถบอกเวลาสถานที่เกาะหรือชายหาดชื่อดังของโลกได้ 7 แห่ง เช่น ภูเก็ต,ฮาวาย เป็นต้น เหมาะสำหรับผู้รักการดำน้ำ ซึ่งรุ่นนี้ขายที่ราคา 32,500 บาท ส่วนรุ่น"กากี เอ็กซ์-วินด์"เจาะกลุ่มนักผจญภัย หรือผู้ที่ชอบกีฬาทางน้ำ ในราคาเรือนละ 49,500 บาท โดยช่องทางการขายจะมีทั้งห้างเซ็นทรัล,เดอะมอลล์ และร้านเดอะ สวิส วอช แกลเลอรี่ ทั้ง 3 สาขา
ทั้งนี้นาฬิกาแฮมิลตันเพิ่งเข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อสิงหาคมปี2547 พบว่าได้รับการตอบรับดีจากลูกค้าคนไทย โดยเฉพาะผู้ชายที่ชอบสะสมนาฬิกาหรือกลุ่มที่ชอบนาฬิกาแนวสปอร์ตหรือมีฟังก์ชันมาก ปัจจุบันแฮมิลตันมีนาฬิกาทั้งหมด 45 รุ่น ซึ่งใน 1 ปีจะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ประมาณ 5 รุ่น และในเดือนก.ย.นี้เตรียมเปิดตัวนาฬิการุ่นแจ๊สสำหรับผู้หญิง ขณะที่สัดส่วนลูกค้าปัจจุบันของแฮมิลตัน แบ่งเป็นเป็นผู้ชาย 80% และผู้หญิง 20%
สำหรับยอดรายได้ปีที่แล้วศรีทองฯมีรายได้กว่า 450ล้านบาท แบ่งเป็น แบรนด์ซิติเซน 50% มิโดและราโด รวมกัน 40% และแฮมิลตัน 10% โดยปีนี้คาดว่ายอดรายได้จะโตขึ้น 20%
นางวิภาวรรณ มหาดำรงค์กุล ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีทองพาณิชย์ ผู้แทนจำหน่ายนาฬิกานำเข้า เช่น ซิติเซน,มิโด,ราโด และแฮมิลตัน เปิดเผยว่า จากปัจจัยลบต่างๆที่เกิดขึ้นในไทยทั้งราคาน้ำมันหรือเหตุการณ์ทางภาคใต้ ฯลฯ ไม่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อนาฬิกาของผู้บริโภคเขตกรุงเทพฯ ดังนั้นศรีทองฯจึงเน้นการขยายตลาดในส่วนกรุงเทพฯมากกว่าต่างจังหวัด เนื่องจากเห็นศักยภาพที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง 20-25% โดยการทำตลาดจะเน้นการเปิดตัวนาฬิกาใหม่ๆ
ขณะที่ตลาดต่างจังหวัด ปีนี้ตลาดหดตัวลงและไม่โต ซึ่งช่วง 4 เดือนแรกของที่ผ่านมาพบว่ายอดขายตกลงจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น ดังนั้นศรีทองฯจึงเร่งสร้างตลาดด้วยการเลือกดีลเลอร์ที่มีกำลังซื้อดีหรือช่วยเหลือดีลเลอร์รายเดิม เช่น การจัดดิสเพลย์สินค้าใหม่ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว
"ภาพรวมตลาดนาฬิกาครึ่งปีแรกยังดีอยู่ และไม่น่ากลัวเหมือนที่คิด เนื่องจากแต่ละยี่ห้อมีนาฬิการุ่นใหม่ออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนาฬิการะดับกลางและบน หรือนาฬิกาเทรนด์สปอร์ตที่คนไทยนิยมมาก"นางวิภาวรรณ กล่าว
ล่าสุดศรีทองฯเปิดตัวนาฬิกาแฮลมิตัน 2 รุ่น ได้แก่ "รุ่นกากี เนวี่ จีเอ็มที" ซึ่งสามารถบอกเวลาสถานที่เกาะหรือชายหาดชื่อดังของโลกได้ 7 แห่ง เช่น ภูเก็ต,ฮาวาย เป็นต้น เหมาะสำหรับผู้รักการดำน้ำ ซึ่งรุ่นนี้ขายที่ราคา 32,500 บาท ส่วนรุ่น"กากี เอ็กซ์-วินด์"เจาะกลุ่มนักผจญภัย หรือผู้ที่ชอบกีฬาทางน้ำ ในราคาเรือนละ 49,500 บาท โดยช่องทางการขายจะมีทั้งห้างเซ็นทรัล,เดอะมอลล์ และร้านเดอะ สวิส วอช แกลเลอรี่ ทั้ง 3 สาขา
ทั้งนี้นาฬิกาแฮมิลตันเพิ่งเข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อสิงหาคมปี2547 พบว่าได้รับการตอบรับดีจากลูกค้าคนไทย โดยเฉพาะผู้ชายที่ชอบสะสมนาฬิกาหรือกลุ่มที่ชอบนาฬิกาแนวสปอร์ตหรือมีฟังก์ชันมาก ปัจจุบันแฮมิลตันมีนาฬิกาทั้งหมด 45 รุ่น ซึ่งใน 1 ปีจะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ประมาณ 5 รุ่น และในเดือนก.ย.นี้เตรียมเปิดตัวนาฬิการุ่นแจ๊สสำหรับผู้หญิง ขณะที่สัดส่วนลูกค้าปัจจุบันของแฮมิลตัน แบ่งเป็นเป็นผู้ชาย 80% และผู้หญิง 20%
สำหรับยอดรายได้ปีที่แล้วศรีทองฯมีรายได้กว่า 450ล้านบาท แบ่งเป็น แบรนด์ซิติเซน 50% มิโดและราโด รวมกัน 40% และแฮมิลตัน 10% โดยปีนี้คาดว่ายอดรายได้จะโตขึ้น 20%