samran_rod@hotmail.com
คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อฟังเสียงบทความนี้โดยเจ้าของคอลัมน์
อาศัยที่คอยติดตามอ่านข่าว –รายงานพิเศษของ “ศูนย์ข่าวภาคเหนือ” นสพ.ผู้จัดการ รายวัน นี่แหละที่พอจะทำให้เข้าใจและมองเห็นภาพ “มหกรรมลำไยเน่า” ได้ระดับหนึ่ง...
เป็นความเน่าทั้งผลผลิตลำไย การบริหารจัดการของภาครัฐโดยนักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า นายทุนท้องถิ่นที่เห็นแก่ตัว...
ผมล่ะ สงสาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ถูกลากไปเป็นเป็นพ่อครัวผัดเปรี้ยวหวานลำไยโชว์กลางสนามหลวงเมื่อ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา นัยว่าเพื่อเชิญชวนให้คนไทยร่วมด้วยช่วยกันซื้อลำไย ที่ปีนี้จะมีผลผลิตออกมาถึง 6.4 แสนตัน หรือ 640 ล้านกิโลกรัม..!!
ไม่แค่นั้น..ยังสงสารที่เมื่อหลายเดือนก่อนท่านนายกฯ อุตส่าห์ลงทุนลงแรงประกาศก้องว่า จะล้างขบวนการทุจริตลำไยที่ทำมาหากินกันในพื้นที่ภาคเหนือ บ้านของของท่านแท้ๆ
แต่ผลการสอบสวนสะสางขบวนการทุจริตลำไย 2547 ที่โผล่แพลมออกมา ก็ดูเหมือนว่าแม้จะมีระดับ 10 ปะปนอยู่บางคน แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นระดับล่าง ๆ
ข้าราชการการเมืองไม่ต้องพูดถึง...มีหรือไม่มีไม่รู้..แต่ชาตินี้ยังไม่พบ...
นี่ขนาดให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ เตมียาเวส จเรตำรวจ ที่ยอมรับกันว่าเป็น “นายพลตงฉิ น” เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนแล้วนะ..!?
การทุจริตหากินกับลำไยมีมานานแล้ว แต่ในช่วงรัฐบาลทักษิณ 1 เป็นห้วงเวลาที่เหม็นเน่า – ผิ ดพลาดมากที่สุดครั้งหนึ่ง ผิดพลาดจนทำให้วันนี้เราต้องเสียเงินเสียทองขนลำไยปี 2545 มาเผาทำลายกัน และขณะเผาทำลายก็พบหลักฐานชัดเจนว่ามีกล่องเปล่าไร้ลำไย มีแต่ลมอยู่ในกล่องถึง 5,000 กล่อง..
โอ้ พระเจ้าจ๊อด..นายยอดมาก...บัดซบทุเรศที่สุด...จ๊อด..
ฤดูกาลปี 2545และ 46 รัฐบาลให้ชาวสวนไปอบแห้งแล้วมานำมาจำนำ และลำไยปี 2545 คือปรากฏการณ์สุดยอดมหกรรมโกง..โกงกันจนเหลือลำไยอบแห้งที่ต้องเผาทำลายกันในปีนี้ 2.2 หมื่นตัน หรือ2.2 ล้านกล่อง..ราคาที่รัฐบาลต้องควักเงินรับจำนำกก.ละ 60 บาท
คิดเฉพาะค่าลำไยที่ถูกเผาเป็นเม็ดเงิน 1,320 ล้านบาท แต่คำนวณกันว่าเมื่อคิดค่าใช้จ่ายทุกอย่างตั้งแต่ค่าเช่าโกดัง 3 ปี จนมาถึงค่าเผาทำลาย เสียหายเกือบ 5 พันล้านบาท..
มาถึงฤดูกาลปี 2547 รัฐบาลพยายามปรับเปลี่ยนจากการให้ชาวสวนอบแห้งแล้วจำนำ มาเป็นการซื้อสดโดยให้บริษัทเอกชนที่ชนะการประมูลจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อ...นำมาอบแห้ง..
บริษัทปอเฮงอินเตอร์เทรด จำกัด โด่งดัง-ฉาวโฉ่ก็เพราะได้รับประมูลงานนี้..โด่งดังพร้อม ๆกับตรวจสอบพบว่าลำไยหายไป 5 หมื่นตัน และที่สุดรัฐบาลได้ตั้งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธเป็นประธานคณะกรรมการสอบ การทุจริตลำไย 2547..
ในขณะที่จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรรมการชุดอื่นๆ ไม่ต่ำกว่า 3 ชุด ระบุตรงกันว่า..ความผิดพลาดในการแก้ปัญหาลำไย2547 ก็คือ “ระดับนโยบาย”ไม่รัดกุมรอบคอบ ทำให้การสั่งการให้กับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ไม่มีมาตรการที่ชัดเจน และมีการประเมินผลผลิตลำไยเกินจริงไป 20 % จากที่มีจริง 5 แสนตัน กลายเป็น 6.7 แสนตัน เพื่อที่จะได้ของบจากคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) สูงถึง 3.8 พันล้านบาท..
รวมความว่า..2545 – 47 การแก้ไขปัญหาลำไยเละตุ้มเป๊ะ..
มาถึงปีนี้ ผมเองก็ยังสับสนว่านอกเหนือจากมาตรการผัดเปรี้ยวหวานลำไยโชว์แล้ว รัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยุค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์จะใช้กระบวนท่าไหน รับมือกับผลผลิตลำไย 6.4 แสนตัน... เพียงแต่ที่เห็นและเป็นไปก็คือการซื้อสด ซื้อหรือลำไยช่อ..ซึ่งก็หนีไม่พ้นต้องจ้างบริษัทเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ...
ขณะเดียวกันดูเหมือนจะมีความพยายามอย่างมากที่จะขายลำไยให้กับประเทศจีน ทั้งในรูปบาร์เตอร์ เทรด เอาลำไยแลกอาวุธยุทโธปกรณ์...และขายปกติ..
การขายให้จีนนั้นดูเหมือนว่าจะ “พูดง่ายแต่ทำยาก” ซึ่งหากในที่สุดไม่สามารถขายล็อตใหญ่ให้จีนได้ บรรดาพ่อค้า ทั้งที่เป็น 3 – 4 เจ้าจากจีนและ 7 - 8 รายในประเทศก็จะรอจนสถานการณ์ที่ตัวเองได้เปรียบในการต่อรองราคา....เพื่อซื้อของถูก..รัฐบาลต้องควักเงินอุดหนุนเกษตรกรกันอีกหลายปึก..
อันที่จริงพ่อค้า 3- 4 เจ้าจากจีน และไม่เกิน 10 รายในบ้านเรามีใคร-กลุ่มไหนบ้าง มีการทำมาหากินกันอย่างไร รัฐบาล – กระทรวงเกษตรฯ ก็รู้เช่นเห็นชาติเป็นอย่างดี...
ที่ผ่านๆ มาถ้าระดับนโยบายทั้งที่เป็นฝ่ายข้าราชการประจำและฝ่ายการเมือง ไม่จงใจปิดตาเสียข้างหนึ่งหรือมีส่วนได้เสีย ก็ย่อมจะแลเห็นอยู่เต็มตาว่า..ความผิดพลาดบกพร่อง การรั่วไหล ได้เสียกันเป็นร้อยล้านพันล้านมันอยู่ตรงไหน...!!
นาทีนี้..การบริหารจัดการลำไยอยู่ในมือของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รมว.เกษตรฯ ของรัฐบาลทักษิณ 2 ผมเชื่อโดยพื้นฐานว่าถึงแม้พ่อค้าแม่ขายจะเขี้ยวลากดินขนาดไหน “คุณหญิงหน่อย” ก็ตามทัน...แต่ประเด็นสำคัญมันก็คือปัญหาเดิมๆ...
นั่นคือ..จะปิดตาตัวเองเสียข้างหนึ่งหรือไม่...? และ ขนาดของหัวใจที่จะฟาดฟันพวกทุจริตที่อาจจะเป็นนายทุน นักการเมืองท้องถิ่นซึ่งบางทีอาจจะโยงใยมาถึงพรรคตัวเองนั้น..มันแค่ไหน !?
คุณหญิงหน่อยจะยังเหลือสมญา “สวยแต่เจ็บ” หรือไม่..!?
ผมต้องเรียนตรงๆ ว่า..นับแต่พ.ต.ท.ทักษิณประกาศทิ้งประกาศขว้าง..ไม่สำแดงความเอาจริงเอาจังกรณีทุจริตบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ทั้งๆที่ตัวเองประกาศว่าเป็นโครงการที่ “โกงกันอย่างบูรณาการ” รวมทั้งปล่อยให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ตัวเล็ก ๆ กรณีทุจริตลำไยกำลังจะเป็นแพะรับเคราะห์แทนตัวใหญ่ๆ
ทำให้ผมไม่กล้าที่จะคาดหวังใด ๆจาก “คุณหญิงหน่อย” ไปด้วย..
กลัวที่จะผิดหวังซ้ำซาก...
แต่กระนั้นก็ยังแอบภาวนาว่า...เรื่องราคาลำไยปี 2548 อาจจะดีบ้างไม่ดีบ้างพอจะเข้าใจ -ให้อภัยกันได้ แต่เรื่องของการ “ทุจริต”จนถึงขนาดต้องเผาลำไยเผาเงินเป็นพันๆ ล้านกันเล่นดังกรณีลำไย 2545 หรือกินหัวคิวกันคำโตๆ แบบปี 2547 คงจะไม่เกิดขึ้น !?..
แอบภาวนาแล้ว ก็ไม่วาย แอบไปกินยาทัมใจเผื่อไว้ด้วย ….!!
คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อฟังเสียงบทความนี้โดยเจ้าของคอลัมน์
อาศัยที่คอยติดตามอ่านข่าว –รายงานพิเศษของ “ศูนย์ข่าวภาคเหนือ” นสพ.ผู้จัดการ รายวัน นี่แหละที่พอจะทำให้เข้าใจและมองเห็นภาพ “มหกรรมลำไยเน่า” ได้ระดับหนึ่ง...
เป็นความเน่าทั้งผลผลิตลำไย การบริหารจัดการของภาครัฐโดยนักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า นายทุนท้องถิ่นที่เห็นแก่ตัว...
ผมล่ะ สงสาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ถูกลากไปเป็นเป็นพ่อครัวผัดเปรี้ยวหวานลำไยโชว์กลางสนามหลวงเมื่อ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา นัยว่าเพื่อเชิญชวนให้คนไทยร่วมด้วยช่วยกันซื้อลำไย ที่ปีนี้จะมีผลผลิตออกมาถึง 6.4 แสนตัน หรือ 640 ล้านกิโลกรัม..!!
ไม่แค่นั้น..ยังสงสารที่เมื่อหลายเดือนก่อนท่านนายกฯ อุตส่าห์ลงทุนลงแรงประกาศก้องว่า จะล้างขบวนการทุจริตลำไยที่ทำมาหากินกันในพื้นที่ภาคเหนือ บ้านของของท่านแท้ๆ
แต่ผลการสอบสวนสะสางขบวนการทุจริตลำไย 2547 ที่โผล่แพลมออกมา ก็ดูเหมือนว่าแม้จะมีระดับ 10 ปะปนอยู่บางคน แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นระดับล่าง ๆ
ข้าราชการการเมืองไม่ต้องพูดถึง...มีหรือไม่มีไม่รู้..แต่ชาตินี้ยังไม่พบ...
นี่ขนาดให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ เตมียาเวส จเรตำรวจ ที่ยอมรับกันว่าเป็น “นายพลตงฉิ น” เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนแล้วนะ..!?
การทุจริตหากินกับลำไยมีมานานแล้ว แต่ในช่วงรัฐบาลทักษิณ 1 เป็นห้วงเวลาที่เหม็นเน่า – ผิ ดพลาดมากที่สุดครั้งหนึ่ง ผิดพลาดจนทำให้วันนี้เราต้องเสียเงินเสียทองขนลำไยปี 2545 มาเผาทำลายกัน และขณะเผาทำลายก็พบหลักฐานชัดเจนว่ามีกล่องเปล่าไร้ลำไย มีแต่ลมอยู่ในกล่องถึง 5,000 กล่อง..
โอ้ พระเจ้าจ๊อด..นายยอดมาก...บัดซบทุเรศที่สุด...จ๊อด..
ฤดูกาลปี 2545และ 46 รัฐบาลให้ชาวสวนไปอบแห้งแล้วมานำมาจำนำ และลำไยปี 2545 คือปรากฏการณ์สุดยอดมหกรรมโกง..โกงกันจนเหลือลำไยอบแห้งที่ต้องเผาทำลายกันในปีนี้ 2.2 หมื่นตัน หรือ2.2 ล้านกล่อง..ราคาที่รัฐบาลต้องควักเงินรับจำนำกก.ละ 60 บาท
คิดเฉพาะค่าลำไยที่ถูกเผาเป็นเม็ดเงิน 1,320 ล้านบาท แต่คำนวณกันว่าเมื่อคิดค่าใช้จ่ายทุกอย่างตั้งแต่ค่าเช่าโกดัง 3 ปี จนมาถึงค่าเผาทำลาย เสียหายเกือบ 5 พันล้านบาท..
มาถึงฤดูกาลปี 2547 รัฐบาลพยายามปรับเปลี่ยนจากการให้ชาวสวนอบแห้งแล้วจำนำ มาเป็นการซื้อสดโดยให้บริษัทเอกชนที่ชนะการประมูลจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อ...นำมาอบแห้ง..
บริษัทปอเฮงอินเตอร์เทรด จำกัด โด่งดัง-ฉาวโฉ่ก็เพราะได้รับประมูลงานนี้..โด่งดังพร้อม ๆกับตรวจสอบพบว่าลำไยหายไป 5 หมื่นตัน และที่สุดรัฐบาลได้ตั้งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธเป็นประธานคณะกรรมการสอบ การทุจริตลำไย 2547..
ในขณะที่จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรรมการชุดอื่นๆ ไม่ต่ำกว่า 3 ชุด ระบุตรงกันว่า..ความผิดพลาดในการแก้ปัญหาลำไย2547 ก็คือ “ระดับนโยบาย”ไม่รัดกุมรอบคอบ ทำให้การสั่งการให้กับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ไม่มีมาตรการที่ชัดเจน และมีการประเมินผลผลิตลำไยเกินจริงไป 20 % จากที่มีจริง 5 แสนตัน กลายเป็น 6.7 แสนตัน เพื่อที่จะได้ของบจากคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) สูงถึง 3.8 พันล้านบาท..
รวมความว่า..2545 – 47 การแก้ไขปัญหาลำไยเละตุ้มเป๊ะ..
มาถึงปีนี้ ผมเองก็ยังสับสนว่านอกเหนือจากมาตรการผัดเปรี้ยวหวานลำไยโชว์แล้ว รัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยุค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์จะใช้กระบวนท่าไหน รับมือกับผลผลิตลำไย 6.4 แสนตัน... เพียงแต่ที่เห็นและเป็นไปก็คือการซื้อสด ซื้อหรือลำไยช่อ..ซึ่งก็หนีไม่พ้นต้องจ้างบริษัทเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ...
ขณะเดียวกันดูเหมือนจะมีความพยายามอย่างมากที่จะขายลำไยให้กับประเทศจีน ทั้งในรูปบาร์เตอร์ เทรด เอาลำไยแลกอาวุธยุทโธปกรณ์...และขายปกติ..
การขายให้จีนนั้นดูเหมือนว่าจะ “พูดง่ายแต่ทำยาก” ซึ่งหากในที่สุดไม่สามารถขายล็อตใหญ่ให้จีนได้ บรรดาพ่อค้า ทั้งที่เป็น 3 – 4 เจ้าจากจีนและ 7 - 8 รายในประเทศก็จะรอจนสถานการณ์ที่ตัวเองได้เปรียบในการต่อรองราคา....เพื่อซื้อของถูก..รัฐบาลต้องควักเงินอุดหนุนเกษตรกรกันอีกหลายปึก..
อันที่จริงพ่อค้า 3- 4 เจ้าจากจีน และไม่เกิน 10 รายในบ้านเรามีใคร-กลุ่มไหนบ้าง มีการทำมาหากินกันอย่างไร รัฐบาล – กระทรวงเกษตรฯ ก็รู้เช่นเห็นชาติเป็นอย่างดี...
ที่ผ่านๆ มาถ้าระดับนโยบายทั้งที่เป็นฝ่ายข้าราชการประจำและฝ่ายการเมือง ไม่จงใจปิดตาเสียข้างหนึ่งหรือมีส่วนได้เสีย ก็ย่อมจะแลเห็นอยู่เต็มตาว่า..ความผิดพลาดบกพร่อง การรั่วไหล ได้เสียกันเป็นร้อยล้านพันล้านมันอยู่ตรงไหน...!!
นาทีนี้..การบริหารจัดการลำไยอยู่ในมือของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รมว.เกษตรฯ ของรัฐบาลทักษิณ 2 ผมเชื่อโดยพื้นฐานว่าถึงแม้พ่อค้าแม่ขายจะเขี้ยวลากดินขนาดไหน “คุณหญิงหน่อย” ก็ตามทัน...แต่ประเด็นสำคัญมันก็คือปัญหาเดิมๆ...
นั่นคือ..จะปิดตาตัวเองเสียข้างหนึ่งหรือไม่...? และ ขนาดของหัวใจที่จะฟาดฟันพวกทุจริตที่อาจจะเป็นนายทุน นักการเมืองท้องถิ่นซึ่งบางทีอาจจะโยงใยมาถึงพรรคตัวเองนั้น..มันแค่ไหน !?
คุณหญิงหน่อยจะยังเหลือสมญา “สวยแต่เจ็บ” หรือไม่..!?
ผมต้องเรียนตรงๆ ว่า..นับแต่พ.ต.ท.ทักษิณประกาศทิ้งประกาศขว้าง..ไม่สำแดงความเอาจริงเอาจังกรณีทุจริตบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ทั้งๆที่ตัวเองประกาศว่าเป็นโครงการที่ “โกงกันอย่างบูรณาการ” รวมทั้งปล่อยให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ตัวเล็ก ๆ กรณีทุจริตลำไยกำลังจะเป็นแพะรับเคราะห์แทนตัวใหญ่ๆ
ทำให้ผมไม่กล้าที่จะคาดหวังใด ๆจาก “คุณหญิงหน่อย” ไปด้วย..
กลัวที่จะผิดหวังซ้ำซาก...
แต่กระนั้นก็ยังแอบภาวนาว่า...เรื่องราคาลำไยปี 2548 อาจจะดีบ้างไม่ดีบ้างพอจะเข้าใจ -ให้อภัยกันได้ แต่เรื่องของการ “ทุจริต”จนถึงขนาดต้องเผาลำไยเผาเงินเป็นพันๆ ล้านกันเล่นดังกรณีลำไย 2545 หรือกินหัวคิวกันคำโตๆ แบบปี 2547 คงจะไม่เกิดขึ้น !?..
แอบภาวนาแล้ว ก็ไม่วาย แอบไปกินยาทัมใจเผื่อไว้ด้วย ….!!