เอส แอนด์ พีวางกลยุทธ์เด็ด 3 แนวทางรุกตลาดอาหารกล่องครึ่งปีหลัง รักษาแชมป์ช่องทางซูเปอร์ฯออกเมนูใหม่ 3-4 รายการ เตรียมออกแบรนด์ใหม่บุกตลาดคอนวีเนียนสโตร์ หวังขยายฐานลูกค้าที่ต้องการความสะดวก ด้านตลาดต่างประเทศเร่งขยายธุรกิจด้วยการรับจ้างผลิตโออีเอ็ม
นายสุรัติ เซนย์วิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการตลาดและการขาย บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด เปิดเผยว่า แผนการตลาดข้าวกล่องของเอส แอนด์ พีในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะแบ่งแนวทางออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ประกอบด้วย ช่องทางซูเปอร์มาร์เก็ตที่เอส แอนด์ พีเป็นผู้นำตลาดอยู่ทั้งอาหารคาวและเมนูขนมหวาน บริษัทฯเตรียมออกเมนูใหม่ 3-4 เมนู เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อมากและซื้อสินค้าเพื่อไปเก็บตุน
ส่วนตลาดคอนวีเนียนสโตร์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯเตรียมรุกตลาดอาหารกล่องอย่างจริงจัง ด้วยการออกสินค้าแบรนด์ใหม่ ภายใต้กรอบเอส แอนด์ พี โดยช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯได้ใช้เวลาคิดค้นและพัฒนาสินค้าเพื่อให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความสะดวกหรือจะซื้อสินค้าเมื่อหิว โดยสินค้าตัวใหม่นี้จะมีความแตกต่างจากรายอื่นและมีราคาย่อมเยาว์
ด้านตลาดส่งออกบริษัทฯเตรียมเปิดตลาดมากขึ้นด้วยการรับจ้างผลิตหรือโออีเอ็มให้กับลูกค้าที่ต้องการพัฒนาแบรนด์ของตัวเอง เนื่องจากมองว่าการทำตลาดเฉพาะแบรนด์ตัวเองเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ฉะนั้นจึงต้องมีการปรับให้เหมาะสมกับภาวการณ์ของตลาดโลกด้วย
นายสุรัติ เซนย์วิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการตลาดและการขาย บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด เปิดเผยว่า แผนการตลาดข้าวกล่องของเอส แอนด์ พีในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะแบ่งแนวทางออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ประกอบด้วย ช่องทางซูเปอร์มาร์เก็ตที่เอส แอนด์ พีเป็นผู้นำตลาดอยู่ทั้งอาหารคาวและเมนูขนมหวาน บริษัทฯเตรียมออกเมนูใหม่ 3-4 เมนู เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อมากและซื้อสินค้าเพื่อไปเก็บตุน
ส่วนตลาดคอนวีเนียนสโตร์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯเตรียมรุกตลาดอาหารกล่องอย่างจริงจัง ด้วยการออกสินค้าแบรนด์ใหม่ ภายใต้กรอบเอส แอนด์ พี โดยช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯได้ใช้เวลาคิดค้นและพัฒนาสินค้าเพื่อให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความสะดวกหรือจะซื้อสินค้าเมื่อหิว โดยสินค้าตัวใหม่นี้จะมีความแตกต่างจากรายอื่นและมีราคาย่อมเยาว์
ด้านตลาดส่งออกบริษัทฯเตรียมเปิดตลาดมากขึ้นด้วยการรับจ้างผลิตหรือโออีเอ็มให้กับลูกค้าที่ต้องการพัฒนาแบรนด์ของตัวเอง เนื่องจากมองว่าการทำตลาดเฉพาะแบรนด์ตัวเองเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ฉะนั้นจึงต้องมีการปรับให้เหมาะสมกับภาวการณ์ของตลาดโลกด้วย