โรงเรียน เป็นประดิษฐกรรมทางสังคมในการเรียนรู้ของฝรั่ง
วัด เป็นประดิษฐกรรมทางสังคมในการเรียนรู้ของไทย
ในสังคมตะวันตกนั้น วัดฝรั่งก็เป็นแหล่งเรียนรู้มาแต่ดั้งเดิมเช่นกัน และก็สร้างโรงเรียน-มหาวิทยาลัยขึ้นมาด้วย ที่น่าสนใจก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างวัดฝรั่งกับโรงเรียนยังไม่ขาดสะบั้น แม้การสอนศาสนาจะกระทำไม่ได้ในโรงเรียนของรัฐ เพราะขัดกับรัฐธรรมนูญอเมริกันก็ตาม แต่ศาสนาคริสต์ก็ยังคงจัดการศึกษาอยู่ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่งก็เป็นของนิกายโรมันคาทอลิก และเจซูอิต
ในเมืองไทยนั้น โรงเรียนอัสสัมชัญได้ขยายกิจการกว้างขวางออกไปเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน (เอแบค)
ส่วนวัดไทยนั้น โรงเรียนวัดเก่าๆ ก็ยังคงเป็นโรงเรียนเหมือนเดิม บางโรงเรียนจะเรียวลงเสียอีก
ผมเป็นนักเรียนวชิราวุธ พอโตขึ้นได้เรียนจบปริญญาเอกทางรัฐศาสตร์ ได้ไปต่างประเทศรู้เห็นอะไรต่ออะไรมากมาย จึงเข้าใจว่าโรงเรียนของผมนั้นได้ผสานความเป็นวัดเข้ากับความเป็นโรงเรียนอย่างดียิ่ง
ดังนั้น ถ้าจะดูโรงเรียนวิถีพุทธขนานแท้และดั้งเดิมแล้ว ก็ต้องมาที่วชิราวุธวิทยาลัย
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งโรงเรียนของพระองค์ท่านเอง โดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และในปัจจุบันพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในรูปที่ดินก็ยังประโยชน์เป็นรายได้ ทำให้วชิราวุธวิทยาลัยมีความเป็นอิสระไม่ต้องพึ่งเงินของรัฐได้นั้น พระองค์ท่านมีพระราชหัตถเลขา (เป็นภาษาอังกฤษ) ถึงเสนาบดี กระทรวงศึกษาธิการ มีความบางตอนว่า
สำหรับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ข้าไม่เป็นห่วงการปั้นนักเรียนชั้นมัธยมให้เป็นเทวดาเหมือนกันหมดทุกคน ได้คะแนนคนละหลายพันคะแนนเท่ากับการสร้างเด็กหนุ่มที่ขยันขันแข็ง และสะอาดทั้งร่างกายและจิตใจ เตรียมพร้อมที่จะรับภาระต่างๆ ซึ่งจะมีมาในอนาคต...สิ่งที่ข้าต้องการคือให้การศึกษาเป็นเครื่องทำให้เด็กเป็นเยาวชนที่น่ารัก และเป็นพลเมืองดี ไม่ใช่ทำลายบุคลิกภาพเสียหมด โดยบรรทุกหลักสูตรและระบบการต่างๆ ลงไป
ข้าต้องการให้การศึกษาเป็นสิ่งที่งดงาม จนทำให้เด็กที่ออกไปแล้วหวนกลับมาคิดถึงในวันข้างหน้า ด้วยความภาคภูมิใจ
ขออย่าเอาโรงเรียนของข้าไปเปรียบกับโรงเรียนอื่น เพราะมีจุดหมายต่างกัน ถ้าข้าอยากได้โรงเรียนธรรมดาเพียงหลังหนึ่ง สร้างเป็นโรงเรียนไปมาจะไม่ดีกว่าหรือ จะสร้างโรงเรียนกินนอนขึ้นมาทำไม
วชิราวุธวิทยาลัยต่างกับโรงเรียนธรรมดาตรงที่เป็นโรงเรียนกินนอน เพราะเป้าหมายหลักของการให้การศึกษาของวชิราวุธคือ การสร้างอุปนิสัยที่ดีเรียกว่า ต้องการให้เด็กเป็นคนดีมากกว่าเป็นคนเก่ง (ทางตำราหรือทางวิชาการ)
เวลานี้กระทรวงศึกษาธิการมีแผนที่นำทาง ซึ่งผมดูแล้วก็ยังเป็นห่วงว่า แผนที่นำทางนั้น จะนำให้เด็กเราเป็นเพียงเด็กเก่ง (แต่โกง) หรือเด็กดี
ผมนั้นเลือกเด็กดีก่อน ดีแม้จะยังไม่เก่งแต่พื้นฐานสันดานดี ก็ทำให้เก่งได้ โดยเฉพาะคนเราอายุ 18 จบจากโรงเรียนไปมีเวลาอีกมากมายที่จะศึกษาหาความรู้ให้เป็นคนเก่งได้
แต่จะน่าเสียดายที่เวลาสิบกว่าปีในโรงเรียน เด็กจะต้องมุ่งเรียนแข่งกันเสียจนหมดโอกาสที่จะได้รับการอบรมบ่มนิสัย
โรงเรียนไป-มานั้น พอ 3-4 โมงก็กลับบ้านแล้ว พ่อแม่เวลานี้ก็ต้องทำมาหากินไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูก ทีวีและคอมพิวเตอร์กลายเป็นเพื่อนแทนไม่ใช่คน คนเรานั้นต้องอยู่กับคน เรียนรู้จากคน
เด็กโรงเรียนกินนอน ต้องกินนอนอยู่กับคนอื่น ความเป็นกัลยาณมิตรนั้น ฟักตัวได้จากโรงเรียนกินนอนได้เร็วกว่าดีกว่า และยั่งยืนกว่าในโรงเรียนไปมา
นี่เป็นเหตุผลที่ผมกลับมาอยู่วชิราวุธวิทยาลัย ปีนี้เป็นปีที่สิบแล้ว เพราะผมเห็นว่าสามารถทำประโยชน์ได้ในบั้นปลายชีวิตการทำงาน
ผมจึงอยากให้มีโรงเรียนประจำขึ้นทุกจังหวัด ให้พระท่านได้เข้ามาช่วยเป็นครูเหมือนกับที่วชิราวุธมีผู้กำกับคณะด้วย
วันก่อน ศาสตราจารย์ น.พ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาตรวจเยี่ยมโรงเรียน (สมศ.มาประกันคุณภาพ) อาจารย์บอกผมว่า น่าจะไปยุให้อาจารย์หมอประเวศ กลับไปอยู่เมืองกาญจน์ ไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดล เขตเมืองกาญจน์
ถ้าเรามีโรงเรียนประจำทุกจังหวัด โอกาสที่เราจะมีเด็กดีมีความสุขก็จะมีมาก
เวลานี้รัฐมุ่งแต่การสร้างโรงเรียนเพื่อเด็กเก่ง
ระวังนะครับ อีกหน่อยเราจะพบแต่คนเก่งแล้วโกงจนจับยาก
********
หมายเหตุ-บทความชุด "ชีวิตที่เลือกได้"ของอาจารย์ชัยอนันต์ สมุทวณิช เป็นบันทึกเชิงอัตชีวประวัติต่อเนื่อง เริ่มตีพิมพ์ตั้งแต่ช่วงปี 2537 กล่าวถึงชีวิตวัยเด็ก การศึกษา ประสบการณ์การทำงาน รวมเล่มเป็นภาค 1 และภาค 2 มาแล้ว ส่วนที่ทะยอยตีพิมพ์อยู่นี้เป็นการบันทึกอัตชีวประวัติ ชีวิต และการทำงานในช่วงปัจจุบัน
วัด เป็นประดิษฐกรรมทางสังคมในการเรียนรู้ของไทย
ในสังคมตะวันตกนั้น วัดฝรั่งก็เป็นแหล่งเรียนรู้มาแต่ดั้งเดิมเช่นกัน และก็สร้างโรงเรียน-มหาวิทยาลัยขึ้นมาด้วย ที่น่าสนใจก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างวัดฝรั่งกับโรงเรียนยังไม่ขาดสะบั้น แม้การสอนศาสนาจะกระทำไม่ได้ในโรงเรียนของรัฐ เพราะขัดกับรัฐธรรมนูญอเมริกันก็ตาม แต่ศาสนาคริสต์ก็ยังคงจัดการศึกษาอยู่ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่งก็เป็นของนิกายโรมันคาทอลิก และเจซูอิต
ในเมืองไทยนั้น โรงเรียนอัสสัมชัญได้ขยายกิจการกว้างขวางออกไปเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน (เอแบค)
ส่วนวัดไทยนั้น โรงเรียนวัดเก่าๆ ก็ยังคงเป็นโรงเรียนเหมือนเดิม บางโรงเรียนจะเรียวลงเสียอีก
ผมเป็นนักเรียนวชิราวุธ พอโตขึ้นได้เรียนจบปริญญาเอกทางรัฐศาสตร์ ได้ไปต่างประเทศรู้เห็นอะไรต่ออะไรมากมาย จึงเข้าใจว่าโรงเรียนของผมนั้นได้ผสานความเป็นวัดเข้ากับความเป็นโรงเรียนอย่างดียิ่ง
ดังนั้น ถ้าจะดูโรงเรียนวิถีพุทธขนานแท้และดั้งเดิมแล้ว ก็ต้องมาที่วชิราวุธวิทยาลัย
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งโรงเรียนของพระองค์ท่านเอง โดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และในปัจจุบันพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในรูปที่ดินก็ยังประโยชน์เป็นรายได้ ทำให้วชิราวุธวิทยาลัยมีความเป็นอิสระไม่ต้องพึ่งเงินของรัฐได้นั้น พระองค์ท่านมีพระราชหัตถเลขา (เป็นภาษาอังกฤษ) ถึงเสนาบดี กระทรวงศึกษาธิการ มีความบางตอนว่า
สำหรับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ข้าไม่เป็นห่วงการปั้นนักเรียนชั้นมัธยมให้เป็นเทวดาเหมือนกันหมดทุกคน ได้คะแนนคนละหลายพันคะแนนเท่ากับการสร้างเด็กหนุ่มที่ขยันขันแข็ง และสะอาดทั้งร่างกายและจิตใจ เตรียมพร้อมที่จะรับภาระต่างๆ ซึ่งจะมีมาในอนาคต...สิ่งที่ข้าต้องการคือให้การศึกษาเป็นเครื่องทำให้เด็กเป็นเยาวชนที่น่ารัก และเป็นพลเมืองดี ไม่ใช่ทำลายบุคลิกภาพเสียหมด โดยบรรทุกหลักสูตรและระบบการต่างๆ ลงไป
ข้าต้องการให้การศึกษาเป็นสิ่งที่งดงาม จนทำให้เด็กที่ออกไปแล้วหวนกลับมาคิดถึงในวันข้างหน้า ด้วยความภาคภูมิใจ
ขออย่าเอาโรงเรียนของข้าไปเปรียบกับโรงเรียนอื่น เพราะมีจุดหมายต่างกัน ถ้าข้าอยากได้โรงเรียนธรรมดาเพียงหลังหนึ่ง สร้างเป็นโรงเรียนไปมาจะไม่ดีกว่าหรือ จะสร้างโรงเรียนกินนอนขึ้นมาทำไม
วชิราวุธวิทยาลัยต่างกับโรงเรียนธรรมดาตรงที่เป็นโรงเรียนกินนอน เพราะเป้าหมายหลักของการให้การศึกษาของวชิราวุธคือ การสร้างอุปนิสัยที่ดีเรียกว่า ต้องการให้เด็กเป็นคนดีมากกว่าเป็นคนเก่ง (ทางตำราหรือทางวิชาการ)
เวลานี้กระทรวงศึกษาธิการมีแผนที่นำทาง ซึ่งผมดูแล้วก็ยังเป็นห่วงว่า แผนที่นำทางนั้น จะนำให้เด็กเราเป็นเพียงเด็กเก่ง (แต่โกง) หรือเด็กดี
ผมนั้นเลือกเด็กดีก่อน ดีแม้จะยังไม่เก่งแต่พื้นฐานสันดานดี ก็ทำให้เก่งได้ โดยเฉพาะคนเราอายุ 18 จบจากโรงเรียนไปมีเวลาอีกมากมายที่จะศึกษาหาความรู้ให้เป็นคนเก่งได้
แต่จะน่าเสียดายที่เวลาสิบกว่าปีในโรงเรียน เด็กจะต้องมุ่งเรียนแข่งกันเสียจนหมดโอกาสที่จะได้รับการอบรมบ่มนิสัย
โรงเรียนไป-มานั้น พอ 3-4 โมงก็กลับบ้านแล้ว พ่อแม่เวลานี้ก็ต้องทำมาหากินไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูก ทีวีและคอมพิวเตอร์กลายเป็นเพื่อนแทนไม่ใช่คน คนเรานั้นต้องอยู่กับคน เรียนรู้จากคน
เด็กโรงเรียนกินนอน ต้องกินนอนอยู่กับคนอื่น ความเป็นกัลยาณมิตรนั้น ฟักตัวได้จากโรงเรียนกินนอนได้เร็วกว่าดีกว่า และยั่งยืนกว่าในโรงเรียนไปมา
นี่เป็นเหตุผลที่ผมกลับมาอยู่วชิราวุธวิทยาลัย ปีนี้เป็นปีที่สิบแล้ว เพราะผมเห็นว่าสามารถทำประโยชน์ได้ในบั้นปลายชีวิตการทำงาน
ผมจึงอยากให้มีโรงเรียนประจำขึ้นทุกจังหวัด ให้พระท่านได้เข้ามาช่วยเป็นครูเหมือนกับที่วชิราวุธมีผู้กำกับคณะด้วย
วันก่อน ศาสตราจารย์ น.พ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาตรวจเยี่ยมโรงเรียน (สมศ.มาประกันคุณภาพ) อาจารย์บอกผมว่า น่าจะไปยุให้อาจารย์หมอประเวศ กลับไปอยู่เมืองกาญจน์ ไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดล เขตเมืองกาญจน์
ถ้าเรามีโรงเรียนประจำทุกจังหวัด โอกาสที่เราจะมีเด็กดีมีความสุขก็จะมีมาก
เวลานี้รัฐมุ่งแต่การสร้างโรงเรียนเพื่อเด็กเก่ง
ระวังนะครับ อีกหน่อยเราจะพบแต่คนเก่งแล้วโกงจนจับยาก
********
หมายเหตุ-บทความชุด "ชีวิตที่เลือกได้"ของอาจารย์ชัยอนันต์ สมุทวณิช เป็นบันทึกเชิงอัตชีวประวัติต่อเนื่อง เริ่มตีพิมพ์ตั้งแต่ช่วงปี 2537 กล่าวถึงชีวิตวัยเด็ก การศึกษา ประสบการณ์การทำงาน รวมเล่มเป็นภาค 1 และภาค 2 มาแล้ว ส่วนที่ทะยอยตีพิมพ์อยู่นี้เป็นการบันทึกอัตชีวประวัติ ชีวิต และการทำงานในช่วงปัจจุบัน