เอเชียน วอล สตรีท เจอร์นัล/Agencies – คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าคเผย มีแผนปรับลดพนักงานลงราว 10% หรือประมาณ 6,000 คนจากแรงงานทั้งหมดทั่วโลก และจะปิดหรือขายโรงงานผลิตอีกราว 17% หรือ 20 แห่งภายในปี 2008 ตามแผนการขยายธุรกิจในตลาดที่กำลังเติบโต
พร้อมมุ่งเน้นปรับปรุงความสัมพันธ์กับบรรดาผู้ค้าปลีกให้มากยิ่งขึ้น
ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเจ้าของผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังกระดาษชำระคลีเน็กซ์และผ้าอ้อมตราฮักกี้ส์รายนี้ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายอย่าง อาทิ เยื่อกระดาษ และน้ำมัน อีกทั้งยังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจซึ่งมีการแข่งขันดุเดือดมากขึ้นจากบรรดาคู่แข่งจำนวนมาก อาทิ พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี)
ในการแถลงเมื่อวันศุกร์(22)ที่ผ่านมา คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค บอกว่า การปิดโรงงานและการปรับลดแรงงานด้านการผลิต จะดำเนินการในยุโรปและสหรัฐฯ เป็นหลัก โดยยุโรปเป็นตลาดที่คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าคสูญเสียอำนาจบางส่วนในการกำหนดราคาและส่วนแบ่งตลาดในผลิตภัณฑ์หลักหลายอย่างไปแล้ว เช่น ผ้าอ้อมและกระดาษชำระ
บริษัทกล่าวด้วยว่า จะมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตในโรงงานอีก 4 แห่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะขยายขนาดโรงงานอีก 7 แห่งด้วยการโอนย้ายการผลิตบางส่วนเข้าไปเสริม
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถือเป็นการปรับลดพนักงานครั้งใหญ่ครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทกำลังดำเนินการควบรวมกิจการเข้ากับบริษัทสก็อต เปเปอร์ ในปี 1995 โดยแผนการปลดพนักงานครั้งนี้จะเริ่มต้นในภายในเวลา 6 เดือนข้างหน้า
โธมัส เจ. โฟล์ค ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค กล่าวว่า เขาต้องการเตรียมความพร้อมทรัพยากรในด้านต่างๆ เพื่อการขยายตัวเข้าสู่ตลาดอื่นที่กำลังขยายตัว อันเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเพิ่มทุกขณะสำหรับบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ที่กำลังเผชิญกับสภาพตลาดอิ่มตัวในประเทศ
การประกาศปรับโครงสร้างครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ทางบริษัทเผยว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ตกลงเล็กน้อยประมาณ 7.2% อยู่ที่ 421.8 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้านี้ที่ 454.3 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายด้านภาษีจากการโอนย้ายผลกำไรจากต่างประเทศกลับเข้าประเทศ ส่วนยอดขายทะยานขึ้น 8% ด้วยแรงหนุนจากการที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ประเภทกระดาษชำระในอเมริกาเหนือเติบโตแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าคยังตั้งเป้าที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาขึ้นอีก 50% รวมทั้งสิ้นกว่า 400 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2009 และในระหว่างนั้นยังวางแผนที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการตลาดขึ้นด้วยอีกประมาณ 60% รวมทั้งสิ้นราว 1,000 ล้านดอลลาร์
พร้อมกันนี้ ยังวางแผนขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดที่กำลังเติบโตและตลาดเกิดใหม่หลายแห่ง โดยมุ่งความสนใจไปที่ประเทศซึ่งมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง อาทิ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อินโดนีเซีย และตุรกี
พร้อมมุ่งเน้นปรับปรุงความสัมพันธ์กับบรรดาผู้ค้าปลีกให้มากยิ่งขึ้น
ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเจ้าของผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังกระดาษชำระคลีเน็กซ์และผ้าอ้อมตราฮักกี้ส์รายนี้ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายอย่าง อาทิ เยื่อกระดาษ และน้ำมัน อีกทั้งยังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจซึ่งมีการแข่งขันดุเดือดมากขึ้นจากบรรดาคู่แข่งจำนวนมาก อาทิ พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี)
ในการแถลงเมื่อวันศุกร์(22)ที่ผ่านมา คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค บอกว่า การปิดโรงงานและการปรับลดแรงงานด้านการผลิต จะดำเนินการในยุโรปและสหรัฐฯ เป็นหลัก โดยยุโรปเป็นตลาดที่คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าคสูญเสียอำนาจบางส่วนในการกำหนดราคาและส่วนแบ่งตลาดในผลิตภัณฑ์หลักหลายอย่างไปแล้ว เช่น ผ้าอ้อมและกระดาษชำระ
บริษัทกล่าวด้วยว่า จะมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตในโรงงานอีก 4 แห่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะขยายขนาดโรงงานอีก 7 แห่งด้วยการโอนย้ายการผลิตบางส่วนเข้าไปเสริม
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถือเป็นการปรับลดพนักงานครั้งใหญ่ครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทกำลังดำเนินการควบรวมกิจการเข้ากับบริษัทสก็อต เปเปอร์ ในปี 1995 โดยแผนการปลดพนักงานครั้งนี้จะเริ่มต้นในภายในเวลา 6 เดือนข้างหน้า
โธมัส เจ. โฟล์ค ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค กล่าวว่า เขาต้องการเตรียมความพร้อมทรัพยากรในด้านต่างๆ เพื่อการขยายตัวเข้าสู่ตลาดอื่นที่กำลังขยายตัว อันเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเพิ่มทุกขณะสำหรับบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ที่กำลังเผชิญกับสภาพตลาดอิ่มตัวในประเทศ
การประกาศปรับโครงสร้างครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ทางบริษัทเผยว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ตกลงเล็กน้อยประมาณ 7.2% อยู่ที่ 421.8 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้านี้ที่ 454.3 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายด้านภาษีจากการโอนย้ายผลกำไรจากต่างประเทศกลับเข้าประเทศ ส่วนยอดขายทะยานขึ้น 8% ด้วยแรงหนุนจากการที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ประเภทกระดาษชำระในอเมริกาเหนือเติบโตแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าคยังตั้งเป้าที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาขึ้นอีก 50% รวมทั้งสิ้นกว่า 400 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2009 และในระหว่างนั้นยังวางแผนที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการตลาดขึ้นด้วยอีกประมาณ 60% รวมทั้งสิ้นราว 1,000 ล้านดอลลาร์
พร้อมกันนี้ ยังวางแผนขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดที่กำลังเติบโตและตลาดเกิดใหม่หลายแห่ง โดยมุ่งความสนใจไปที่ประเทศซึ่งมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง อาทิ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อินโดนีเซีย และตุรกี