xs
xsm
sm
md
lg

GMไตรมาส2ขาดทุนยับ $286ล. วิตกอาจลุกลามถึงขั้นล้มละลาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี/รอยเตอร์ – จีเอ็มเผย ขาดทุนมหาศาลอีกครั้งในช่วงไตรมาส 2 แม้ความพยายามลดราคาครั้งใหญ่เพื่อจูงใจผู้บริโภคในตลาดอเมริกาเหนือจะช่วยให้ขายรถได้และมีส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นก็ตาม

เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ผู้ผลิตยานยนต์ใหญ่อันดับ 1 ของโลกเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (20) ว่า บริษัทมียอดขาดทุนสุทธิถึง 286 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2005 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2004 ที่บริษัทมีผลกำไร 1,400 ล้านดอลลาร์

ผลประกอบการในไตรมาส 2 ซึ่งเท่ากับขาดทุนหุ้นละ 51 เซนต์นี้ถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับผลสำรวจนักวิเคราะห์ของทอมสัน เฟิร์สต์ คอล ซึ่งคาดการณ์กันไว้ว่าจะกำไรหุ้นละ 3 เซนต์ และยิ่งดิ่งหนักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรหุ้นละ 2.42 ดอลลาร์

และหากนับรวมรายจ่ายพิเศษนอกเหนือรายการปกติ จีเอ็มมียอดขาดทุนในช่วงไตรมาส 2 นี้ถึง 318 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับขาดทุนหุ้นละ 56 เซนต์ เมื่อคำนวณตามจำนวนหุ้นภายหลังมีการแตกหุ้นแล้ว

ผลประกอบการที่ออกมาในครั้งนี้ของจีเอ็มส่อเค้าย่ำแย่มากเสียจนกระทั่งมีนักวิเคราะห์มองว่า จีเอ็มอาจต้องยื่นขอความคุ้มครองภายใต้กฎหมายล้มละลายในไม่ช้า

ศาสตราจารย์ปีเตอร์ โมริซิ แห่งวิทยาลัยธุรกิจโรเบิร์ต เอช.สมิธ ของมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ชี้ว่า “หากจีเอ็มยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคนในด้านยุทธศาสตร์และภาวะผู้นำ สภาพการขาดทุนนี้อาจยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบริษัทหมดเงินทุน ทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นกู้ตลอดจนธนาคารต่างๆ พากันละทิ้งจีเอ็มไป จนต้องขอความคุ้มครองภายใต้กฎหมายล้มละลายในที่สุด”

ที่ผ่านมาตลาดวอลล์สตรีทมีความรู้สึกไม่สู้ดีนักกับจีเอ็ม โดยก่อนหน้านี้ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์รายนี้มียอดขาดทุนถึง 1,100 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา และตราสารหนี้ก็ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงมาอยู่ที่ระดับไม่น่าลงทุนหรือ “จังค์บอนด์” ในเดือนพฤษภาคม จนทำให้จีเอ็มมีต้นทุนในการกู้ยืมพุ่งสูงจาก 2,800 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2004 เป็น 3,700 ล้านดอลลาร์

ต่อมาในเดือนมิถุนายน จีเอ็มได้ประกาศแผนการปรับลดพนักงาน 25,000 ตำแหน่ง และมียอดขายเพิ่มขึ้น 41% อันเนื่องมาจากการนำโปรแกรมการให้ส่วนลดแก่ลูกค้าในอัตราเท่ากับพนักงานบริษัทมาใช้

จากข้อมูลของออโตดาตา คอร์เปอเรชั่น ชี้ว่า จีเอ็มเพิ่มมาตรการจูงใจลูกค้าโดยการลดราคารถโดยเฉลี่ยลงมาอยู่ที่คันละ 4,458 ดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน ซึ่งถือว่ามากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ และสูงกว่ามาตรการจูงใจของโตโยต้า มอเตอร์ถึง 4 เท่า

ทว่า แม้จีเอ็มจะสามารถขจัดสินค้าคงคลังที่มีไปได้ค่อนข้างมาก แต่กลับไม่สามารถควบคุมบังเหียนด้านค่าใช้จ่ายได้

กล่าวคือ จีเอ็มมีส่วนแบ่งในตลาดอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นเป็น 27.3% ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ เมื่อเทียบ 26.2% ของช่วงเวลาเดียวกันในปี 2004 แต่ยอดขาดทุนในภูมิภาคนี้กลับทะยานขึ้นอยู่ที่ 1,200 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับผลกำไร 355 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาส 2 ปีก่อนหน้า

ริก วาโกเนอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารจีเอ็มกล่าวว่า “ท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาค่าใช้จ่ายในด้านสาธารณสุขก็ยังคงเป็นภาระสำคัญที่สุดประการหนึ่งต่อศักยภาพในการแข่งขันของบริษัท ซึ่งขณะนี้เรากำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อหาข้อยุติกับบรรดาสหภาพแรงงาน”

ทั้งนี้ จีเอ็มมีรายรับโดยรวมในไตรมาส 2 ลดลงเหลือ 48,500 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ 49,300 ล้านดอลลาร์ช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว โดยรายรับทั้งหมดที่ลดต่ำลง 2.5% ในธุรกิจยานยนต์นั้นถูกชดเชยด้วยผลประกอบการที่เพิ่มสูงขึ้น 3.5% ในธุรกิจการเงิน
กำลังโหลดความคิดเห็น