ตลาดหุ้นผวามิคสัญญียะลา นักลงทุนเทขายตลอดวัน ดัชนีฯร่วง 5.99 จุด มูลค่าการซื้อขาย18,315 ล้านบาท นักวิเคราะห์ปลอบไม่ใช่เรื่องใหม่จะกระทบแค่ช่วงสั้น แบงก์ชาติคาดกระทบเศรษฐกิจถึงสิ้นปี ชี้กลุ่มก่อการร้ายพยายามแสดงให้เห็นว่ารัฐไร้ฝีมือ ขณะที่ก.เกษตรฯห่วงผลผลิต “ลองกอง”จ่อคิวรอขายอีก 9 หมื่นตันถูกกระทบ เตรียมขอกำลังทหารคุ้มครองจนถึงสวนในช่วงเก็บผลผลิตและขนส่ง
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้(15 ก.ค.) ดัชนีแกว่งตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวันหลังจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงในจังหวัดยะลา ปิดตลาดดัชนีลดลงมาปิดที่ 655.46 จุด ติดลบจากวันก่อนหน้า 5.99 จุด หรือ 0.91% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 18,315.62 ล้านบาท
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยความรุนแรงที่จังหวัดยะลาเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นลดลง
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KESTกล่าวว่า ราคาหุ้นขณะนี้ก็มีการสะท้อนปัจจัยลบต่างๆดังกล่าวอยู่แล้ว กรณียะลาไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งก็มีลักษณะเหมือนกับการก่อการร้ายที่อังกฤษ ซึ่งมุ่งหวังทำลายความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจมากกว่าทำลายทรัพย์สิน ดังนั้นจะกระทบต่อตลาดหุ้นไม่มากนัก
ทั้งนี้จากปัญหา3จ.ชายแดนใต้จะยังคงเป็นปัจจัยทำให้ดัชนีฯไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แรงนักซึ่งขณะนี้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากมีค่า P/E ที่ 9 เท่าถือว่าต่ำกว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศ
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนรับรู้มานานแล้ว จึงไม่น่าส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นมากนัก
“ช่วงต้นปีที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ก็เดินทางไปแนะนำข้อมูล(โรดโชว์)ที่สิงคโปร์นักลงทุนต่างประเทศได้สอบถามเรื่องนี้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะร้ายแรง ตลาดหลักทรัพย์ก็ยังยืนยันที่จะจัดตลาดหลักทรัพย์สัญจรที่หาดใหญ่ในวันที่ 30-31 กรกฎาคมนี้เหมือนเดิม เพราะถ้าเลื่อนออกไปหรือไม่จัดก็จะเป็นการแสดงให้เห็นว่าตลาดหลักทรัพย์ไม่เชื่อมั่น”
. ด้าน นายไพโรจน์ เฮ็งสกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานเขตภาคใต้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่า เหตุการณ์ในจังหวัดยะลาจะส่งผลกระทบให้การขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวลงไปจนถึงปลายปี 2548 นี้ ซึ่งถ้าหากมองเฉพาะที่จ.ยะลาจะไม่มีผลมากนัก เพราะไม่ใช่พื้นที่การท่องเที่ยว ขณะที่การลงทุนก็มีไม่มาก โดยประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางเป็นหลัก
“ ด้านผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวทั่วไป ไม่ต้องประเมิน มันกระทบมาก่อนหน้าแล้ว เป็นสิ่งที่แย่แบบไม่มีมูลค่าอยู่แล้ว” นายไพโรจน์ กล่าว
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตุว่า เหตุการณ์ก่อความไม่สงบในครั้งนี้ได้ตั้งใจที่จะทำลายความเชื่อมั่น และพยายามแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาความไม่สงบได้ จากก่อนหน้านี้ที่ทำร้ายประชาชน แต่ขณะนี้ได้มุ่งทำลายทรัพย์สินสาธารณะประโยชน์เพิ่มอีก ซึ่งกลุ่มก่อการร้ายได้ทำลายตั้งแต่เหตุการณ์วางระเบิดที่สนามบิน จังหวัดหาดใหญ่แล้ว เดิมคิดว่าเหตุการณ์จะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็กลับรุนแรงและพยายามให้ความไม่สงบลุกลามขยายวงออกไปอีก
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรในพื้นที่มีปัญหาในการประกอบอาชีพโดยเฉพาะชาวสวนลองกองที่หวั่นเกรงต่อผู้การก่อการร้ายไม่กล้าเก็บเกี่ยวผลผลิตซึ่งคาดว่าในปีนี้จะเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. เป็นต้นไปรวมกว่า90,000 ตันมีปัญหา กระทรวงเกษตรฯ จะเสนอขอกำลังทหารเข้าไปดูแลความปลอดภัยช่วงเก็บเกี่ยว และขณะขนส่งด้วย พร้อมกันนี้ ได้เตรียมตั้งตลาดกลางเพื่อรับซื้อลองกองก่อนกระจายผลผลิตไปขายยังภูมิภาคอื่นๆต่อไป
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้(15 ก.ค.) ดัชนีแกว่งตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวันหลังจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงในจังหวัดยะลา ปิดตลาดดัชนีลดลงมาปิดที่ 655.46 จุด ติดลบจากวันก่อนหน้า 5.99 จุด หรือ 0.91% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 18,315.62 ล้านบาท
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยความรุนแรงที่จังหวัดยะลาเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นลดลง
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KESTกล่าวว่า ราคาหุ้นขณะนี้ก็มีการสะท้อนปัจจัยลบต่างๆดังกล่าวอยู่แล้ว กรณียะลาไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งก็มีลักษณะเหมือนกับการก่อการร้ายที่อังกฤษ ซึ่งมุ่งหวังทำลายความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจมากกว่าทำลายทรัพย์สิน ดังนั้นจะกระทบต่อตลาดหุ้นไม่มากนัก
ทั้งนี้จากปัญหา3จ.ชายแดนใต้จะยังคงเป็นปัจจัยทำให้ดัชนีฯไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แรงนักซึ่งขณะนี้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากมีค่า P/E ที่ 9 เท่าถือว่าต่ำกว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศ
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนรับรู้มานานแล้ว จึงไม่น่าส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นมากนัก
“ช่วงต้นปีที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ก็เดินทางไปแนะนำข้อมูล(โรดโชว์)ที่สิงคโปร์นักลงทุนต่างประเทศได้สอบถามเรื่องนี้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะร้ายแรง ตลาดหลักทรัพย์ก็ยังยืนยันที่จะจัดตลาดหลักทรัพย์สัญจรที่หาดใหญ่ในวันที่ 30-31 กรกฎาคมนี้เหมือนเดิม เพราะถ้าเลื่อนออกไปหรือไม่จัดก็จะเป็นการแสดงให้เห็นว่าตลาดหลักทรัพย์ไม่เชื่อมั่น”
. ด้าน นายไพโรจน์ เฮ็งสกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานเขตภาคใต้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่า เหตุการณ์ในจังหวัดยะลาจะส่งผลกระทบให้การขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวลงไปจนถึงปลายปี 2548 นี้ ซึ่งถ้าหากมองเฉพาะที่จ.ยะลาจะไม่มีผลมากนัก เพราะไม่ใช่พื้นที่การท่องเที่ยว ขณะที่การลงทุนก็มีไม่มาก โดยประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางเป็นหลัก
“ ด้านผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวทั่วไป ไม่ต้องประเมิน มันกระทบมาก่อนหน้าแล้ว เป็นสิ่งที่แย่แบบไม่มีมูลค่าอยู่แล้ว” นายไพโรจน์ กล่าว
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตุว่า เหตุการณ์ก่อความไม่สงบในครั้งนี้ได้ตั้งใจที่จะทำลายความเชื่อมั่น และพยายามแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาความไม่สงบได้ จากก่อนหน้านี้ที่ทำร้ายประชาชน แต่ขณะนี้ได้มุ่งทำลายทรัพย์สินสาธารณะประโยชน์เพิ่มอีก ซึ่งกลุ่มก่อการร้ายได้ทำลายตั้งแต่เหตุการณ์วางระเบิดที่สนามบิน จังหวัดหาดใหญ่แล้ว เดิมคิดว่าเหตุการณ์จะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็กลับรุนแรงและพยายามให้ความไม่สงบลุกลามขยายวงออกไปอีก
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรในพื้นที่มีปัญหาในการประกอบอาชีพโดยเฉพาะชาวสวนลองกองที่หวั่นเกรงต่อผู้การก่อการร้ายไม่กล้าเก็บเกี่ยวผลผลิตซึ่งคาดว่าในปีนี้จะเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. เป็นต้นไปรวมกว่า90,000 ตันมีปัญหา กระทรวงเกษตรฯ จะเสนอขอกำลังทหารเข้าไปดูแลความปลอดภัยช่วงเก็บเกี่ยว และขณะขนส่งด้วย พร้อมกันนี้ ได้เตรียมตั้งตลาดกลางเพื่อรับซื้อลองกองก่อนกระจายผลผลิตไปขายยังภูมิภาคอื่นๆต่อไป