เอเอฟพี – วอล-มาร์ทขึ้นแท่นอันดับ 1 การจัดอันดับรายได้บริษัททั่วโลกของนิตยสารฟอร์จูน เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน แม้ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงจะหนุนให้บรรดาผู้ผลิตน้ำมันมีรายได้มากขึ้นก็ตาม ส่วนอันดับ 2 และ 3 เป็นของบีพี และเอ็กซอน โมบิล
จากการจัดอันดับ 500 บริษัทชั้นนำทั่วโลกของนิตยสารฟอร์จูน หรือที่เรียกว่า“ฟอร์จูน โกลบอล 500” พบว่า เชนค้าปลีกยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ รายนี้สามารถครองอันดับ 1 ได้อีกครั้งเป็นบริษัทที่มีรายได้มากที่สุดในโลก โดยมีเงินได้เพิ่มขึ้นถึง 287,900 ล้านดอลลาร์ ในปี 2004
ขณะที่บีพี ผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษ ซึ่งยังคงครองอันดับ 2 เช่นเดิมในปีนี้ กลับมีรายได้ขยับสูงขึ้นถึง 23% อยู่ที่ 285,100 ล้านดอลลาร์ ถือว่าเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าวอล-มาร์ท ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นเพียง 9.5%
ด้านเอ็กซอน โมบิล ผู้ผลิตน้ำมันเมืองลุงแซมครองอันดับ 3 กระนั้นก็ดี แม้การสำรวจครั้งนี้จะพิจารณาจากรายได้ของบริษัทเป็นหลัก แต่หากพิจารณาในด้านศักยภาพการทำกำไรแล้ว ถือได้ว่าเอ็กซอน โมบิล ครองอันดับ 1 ในด้านนี้ด้วยผลกำไรในปี 2004 รวม 25,300 ล้านดอลลาร์
และหากพิจารณาในแง่มูลค่าทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ถือได้ว่า เอ็กซอน โมบิล และเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ซึ่งอยู่อันดับ 9 ของการสำรวจรายได้ครั้งนี้ มีมูลค่าสูงสุดสูสีคู่คี่กัน
โดยสรุปแล้วมีบริษัทน้ำมันที่ติดอันดับท็อป 10 ของการสำรวจครั้งนี้รวม 4 บริษัท ได้แก่ บีพี, เอ็กซอน โมบิล, โรยัล ดัตช์/เชลล์ (อันดับ 4) และบริษัทน้ำมันโททาลของฝรั่งเศส ซึ่งครองอันดับ 10
บริษัทผู้ผลิตด้านยานยนต์ที่ติดอันดับท็อป 10 อื่นๆ มีรวม 4 รายเช่นกัน คือ เจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ครองอันดับ 5 ตามมาด้วยเดมเลอร์ไครสเลอร์, โตโยต้า และฟอร์ด ซึ่งครองอันดับ 6, 7 และ 8 ตามลำดับ
สำหรับค่าเฉลี่ยโดยรวมในการสำรวจครั้งนี้ถือได้ว่า ปี 2004 เป็นปีที่บริษัทต่างๆ มีรายได้ออกมาค่อนข้างดีมาก โดยรายได้โดยเฉลี่ยสูงขึ้น 13% และผลกำไรทะยานขึ้น 27%
นอกจากนี้ จำนวนบริษัทจากแดนมังกรที่ติดอันดับในการสำรวจปีนี้ยังเพิ่มขึ้นเป็น 16 แห่ง เมื่อเทียบกับ 15 แห่งในปีก่อนหน้า และเพียง 3 แห่งในปี 1995
ด้านบริษัทสัญชาติอเมริกันถือเป็นบริษัทที่มีจำนวนมากที่สุดในผลสำรวจครั้งนี้คือ 176 แห่ง แต่ก็ถือว่าน้อยลงจากปีที่ผ่านมา 14 แห่ง โดยมีสาเหตุหลักเนื่องมาจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
จากการจัดอันดับ 500 บริษัทชั้นนำทั่วโลกของนิตยสารฟอร์จูน หรือที่เรียกว่า“ฟอร์จูน โกลบอล 500” พบว่า เชนค้าปลีกยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ รายนี้สามารถครองอันดับ 1 ได้อีกครั้งเป็นบริษัทที่มีรายได้มากที่สุดในโลก โดยมีเงินได้เพิ่มขึ้นถึง 287,900 ล้านดอลลาร์ ในปี 2004
ขณะที่บีพี ผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษ ซึ่งยังคงครองอันดับ 2 เช่นเดิมในปีนี้ กลับมีรายได้ขยับสูงขึ้นถึง 23% อยู่ที่ 285,100 ล้านดอลลาร์ ถือว่าเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าวอล-มาร์ท ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นเพียง 9.5%
ด้านเอ็กซอน โมบิล ผู้ผลิตน้ำมันเมืองลุงแซมครองอันดับ 3 กระนั้นก็ดี แม้การสำรวจครั้งนี้จะพิจารณาจากรายได้ของบริษัทเป็นหลัก แต่หากพิจารณาในด้านศักยภาพการทำกำไรแล้ว ถือได้ว่าเอ็กซอน โมบิล ครองอันดับ 1 ในด้านนี้ด้วยผลกำไรในปี 2004 รวม 25,300 ล้านดอลลาร์
และหากพิจารณาในแง่มูลค่าทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ถือได้ว่า เอ็กซอน โมบิล และเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ซึ่งอยู่อันดับ 9 ของการสำรวจรายได้ครั้งนี้ มีมูลค่าสูงสุดสูสีคู่คี่กัน
โดยสรุปแล้วมีบริษัทน้ำมันที่ติดอันดับท็อป 10 ของการสำรวจครั้งนี้รวม 4 บริษัท ได้แก่ บีพี, เอ็กซอน โมบิล, โรยัล ดัตช์/เชลล์ (อันดับ 4) และบริษัทน้ำมันโททาลของฝรั่งเศส ซึ่งครองอันดับ 10
บริษัทผู้ผลิตด้านยานยนต์ที่ติดอันดับท็อป 10 อื่นๆ มีรวม 4 รายเช่นกัน คือ เจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ครองอันดับ 5 ตามมาด้วยเดมเลอร์ไครสเลอร์, โตโยต้า และฟอร์ด ซึ่งครองอันดับ 6, 7 และ 8 ตามลำดับ
สำหรับค่าเฉลี่ยโดยรวมในการสำรวจครั้งนี้ถือได้ว่า ปี 2004 เป็นปีที่บริษัทต่างๆ มีรายได้ออกมาค่อนข้างดีมาก โดยรายได้โดยเฉลี่ยสูงขึ้น 13% และผลกำไรทะยานขึ้น 27%
นอกจากนี้ จำนวนบริษัทจากแดนมังกรที่ติดอันดับในการสำรวจปีนี้ยังเพิ่มขึ้นเป็น 16 แห่ง เมื่อเทียบกับ 15 แห่งในปีก่อนหน้า และเพียง 3 แห่งในปี 1995
ด้านบริษัทสัญชาติอเมริกันถือเป็นบริษัทที่มีจำนวนมากที่สุดในผลสำรวจครั้งนี้คือ 176 แห่ง แต่ก็ถือว่าน้อยลงจากปีที่ผ่านมา 14 แห่ง โดยมีสาเหตุหลักเนื่องมาจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง