เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เบอร์นาร์ด เอบเบอร์ส อดีตประธานบริหาร เวิลด์คอม วัย 63 ปี ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 25 ปีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (13) กรณีมีส่วนพัวพันกับการฉ้อโกงจนเป็นเหตุให้บริษัทยักษ์ด้านโทรคมนาคมแห่งนี้พังครืนลง อันถือเป็นการล้มละลายครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
"บทลงโทษอื่นใดที่รุนแรงน้อยกว่านี้ จะไม่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความร้ายแรงของอาชญากรรมครั้งนี้ได้" บาร์บารา โจนส์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯ กล่าว โดยเธอปฏิเสธข้อโต้แย้งของทนายฝ่ายจำเลยที่ว่า รัฐบาลประเมินความเสียหายที่บรรดานักลงทุนได้รับจากการฉ้อโกงดังกล่าวสูงเกินจริง และปฏิเสธคำยืนยันที่ว่า เอบเบอร์สไม่ได้อยู่เบื้องหลังการกระทำผิดดังกล่าว
เอบเบอร์ส ผู้สร้างจักรวรรดิด้านโทรคมนาคมขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ และกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของความอื้อฉาวในแวดวงธุรกิจที่เขย่าวงการโลกการเงิน จะต้องเข้ามอบตัวที่เรือนจำของรัฐบาลกลางในมลรัฐมิสซิสซิปปีในวันที่ 12 ตุลาคมนี้
แม้ว่าตามแนวทางในการกำหนดบทลงโทษตามปกติจะกำหนดโทษจำคุกไว้ประมาณ 30 ปีถึงตลอดชีวิต แต่ผู้พิพากษาลดโทษลงเหลือเพียง 25 ปี เมื่อคำนึงถึงสภาพหัวใจของเอบเบอร์สและการประกอบสาธารณกุศลต่อชุมชนที่เขาเคยกระทำมา
กระนั้นก็ดี บทลงโทษครั้งนี้ถือเป็นการตัดสินขั้นรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่เคยมีมาสำหรับคดีการก่ออาชญากรรมของผู้บริหารระดับสูง และยังเป็นสะท้อนถึงความพยายามถอนรากถอนโคนการประพฤติผิดในแวดวงบริษัทอันสืบเนื่องมาจากกรณีอื้อฉาวของเอนรอน, เวิลด์คอม และบริษัทอื่นๆ ซึ่งทำให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดการเงินต่างๆ และกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปทางกฎหมาย
เอบเบอร์สเป็นเพียงหนึ่งในจำนวนอดีตผู้บริหารบริษัทอีกหลายๆ คนที่ถูกดำเนินคดีในคดีฉ้อโกงไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว จอห์น ริคาส วัย 80 ปี ผู้ก่อตั้งอเดลเฟีย คอมมูนิเคชันส์ เพิ่งถูกตัดสินโทษจำคุกไป 15 ปีขณะที่ทิโมที ริคาส ผู้เป็นลูกชายซึ่งเป็นอดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินก็ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี
ทั้งนี้จากการล้มครืนของเวิลด์คอมทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นต้องสูญเงินไปถึงราว 180,000 ล้านดอลลาร์ และยังทำให้พนักงานอีก 20,000 คนต้องตกงาน จนบริษัทต้องยื่นขอความคุ้มครองภายใต้กฎหมายล้มละลายในเดือนกรกฎาคม 2002 และเพิ่งออกจากภาวะล้มละลายไปเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้ชื่อใหม่ว่า เอ็มซีไอ อินคอร์เปอเรชัน
บริษัทยังต้องยอมตกลงยอมความกับบรรดาผู้คุมกฎจากรัฐบาลกลาง และจ่ายเงิน 750 ล้านดอลลาร์เพื่อชดใช้เป็นค่าเสียหายให้กับเหล่านักลงทุน
และเมื่อเดือนที่แล้ว เอบเบอร์สก็ตกลงจ่ายเงินยอมความกับบรรดานักลงทุนของเวิลด์คอม ทำให้เขาต้องสูญเสียทรัพย์สินส่วนตัวซึ่งมีอยู่ประมาณ 45 ล้านดอลลาร์ไปเกือบทั้งหมด โดยเขาได้รับอนุญาตให้กันเงินบางส่วนไว้เป็นค่าใช้จ่ายในทางกฎหมายและเป็นเงินในการดำเนินชีวิตให้แก่ภรรยาของเขา
อนึ่ง อดีตผู้บริหารอีก 5 คนของเวิลด์คอมซึ่งรวมไปถึง สก็อต ซัลลิแวน อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน คาดว่าจะถูกตัดสินโทษในช่วงหน้าร้อนนี้ หลังทั้ง 5 คนถูกพิพากษาแล้วว่ามีความผิดจริงฐานฉ้อโกง
"บทลงโทษอื่นใดที่รุนแรงน้อยกว่านี้ จะไม่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความร้ายแรงของอาชญากรรมครั้งนี้ได้" บาร์บารา โจนส์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯ กล่าว โดยเธอปฏิเสธข้อโต้แย้งของทนายฝ่ายจำเลยที่ว่า รัฐบาลประเมินความเสียหายที่บรรดานักลงทุนได้รับจากการฉ้อโกงดังกล่าวสูงเกินจริง และปฏิเสธคำยืนยันที่ว่า เอบเบอร์สไม่ได้อยู่เบื้องหลังการกระทำผิดดังกล่าว
เอบเบอร์ส ผู้สร้างจักรวรรดิด้านโทรคมนาคมขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ และกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของความอื้อฉาวในแวดวงธุรกิจที่เขย่าวงการโลกการเงิน จะต้องเข้ามอบตัวที่เรือนจำของรัฐบาลกลางในมลรัฐมิสซิสซิปปีในวันที่ 12 ตุลาคมนี้
แม้ว่าตามแนวทางในการกำหนดบทลงโทษตามปกติจะกำหนดโทษจำคุกไว้ประมาณ 30 ปีถึงตลอดชีวิต แต่ผู้พิพากษาลดโทษลงเหลือเพียง 25 ปี เมื่อคำนึงถึงสภาพหัวใจของเอบเบอร์สและการประกอบสาธารณกุศลต่อชุมชนที่เขาเคยกระทำมา
กระนั้นก็ดี บทลงโทษครั้งนี้ถือเป็นการตัดสินขั้นรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่เคยมีมาสำหรับคดีการก่ออาชญากรรมของผู้บริหารระดับสูง และยังเป็นสะท้อนถึงความพยายามถอนรากถอนโคนการประพฤติผิดในแวดวงบริษัทอันสืบเนื่องมาจากกรณีอื้อฉาวของเอนรอน, เวิลด์คอม และบริษัทอื่นๆ ซึ่งทำให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดการเงินต่างๆ และกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปทางกฎหมาย
เอบเบอร์สเป็นเพียงหนึ่งในจำนวนอดีตผู้บริหารบริษัทอีกหลายๆ คนที่ถูกดำเนินคดีในคดีฉ้อโกงไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว จอห์น ริคาส วัย 80 ปี ผู้ก่อตั้งอเดลเฟีย คอมมูนิเคชันส์ เพิ่งถูกตัดสินโทษจำคุกไป 15 ปีขณะที่ทิโมที ริคาส ผู้เป็นลูกชายซึ่งเป็นอดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินก็ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี
ทั้งนี้จากการล้มครืนของเวิลด์คอมทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นต้องสูญเงินไปถึงราว 180,000 ล้านดอลลาร์ และยังทำให้พนักงานอีก 20,000 คนต้องตกงาน จนบริษัทต้องยื่นขอความคุ้มครองภายใต้กฎหมายล้มละลายในเดือนกรกฎาคม 2002 และเพิ่งออกจากภาวะล้มละลายไปเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้ชื่อใหม่ว่า เอ็มซีไอ อินคอร์เปอเรชัน
บริษัทยังต้องยอมตกลงยอมความกับบรรดาผู้คุมกฎจากรัฐบาลกลาง และจ่ายเงิน 750 ล้านดอลลาร์เพื่อชดใช้เป็นค่าเสียหายให้กับเหล่านักลงทุน
และเมื่อเดือนที่แล้ว เอบเบอร์สก็ตกลงจ่ายเงินยอมความกับบรรดานักลงทุนของเวิลด์คอม ทำให้เขาต้องสูญเสียทรัพย์สินส่วนตัวซึ่งมีอยู่ประมาณ 45 ล้านดอลลาร์ไปเกือบทั้งหมด โดยเขาได้รับอนุญาตให้กันเงินบางส่วนไว้เป็นค่าใช้จ่ายในทางกฎหมายและเป็นเงินในการดำเนินชีวิตให้แก่ภรรยาของเขา
อนึ่ง อดีตผู้บริหารอีก 5 คนของเวิลด์คอมซึ่งรวมไปถึง สก็อต ซัลลิแวน อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน คาดว่าจะถูกตัดสินโทษในช่วงหน้าร้อนนี้ หลังทั้ง 5 คนถูกพิพากษาแล้วว่ามีความผิดจริงฐานฉ้อโกง