xs
xsm
sm
md
lg

ปิดปั๊ม4ทุ่ม -ดับไฟป้าย "สมคิด"ยันไม่เพิ่มวันหยุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"สมคิด" โวยสื่อมั่วข่าว12 มาตรการประหยัดพลังงาน ยันไม่เห็นด้วยให้ขรก.หยุดเพิ่มวันจันทร์ จี้ ปลัด ก.พลังงานแจงด่วน เหลือเพียง 3 มาตรการ ปิดปั๊ม 4 ทุ่มถึงตีห้า ปิดไฟโฆษณาตั้งแต่ 3 ทุ่ม ทำจุดจอดรถแท็กซี่เพิ่ม ปรับขึ้นราคาเบนซิน-ดีเซลอีกลิตรละ 40 สตางค์วันนี้ หมอประเวศ ชี้รัฐบาลใช้นโยบายกระตุ้นการบริโภค ทำให้ต้องใช้พลังงานมาก แนะ ครม. ประหยัดให้เป็นตัวอย่าง ให้ ทักษิณ เดินจากบ้านมาทำงาน

ภายหลังการประชุม ครม.เมื่อวานนี้ (5 ก.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้เดินลงจากตึกบัญชาการ 1ก่อนที่จะเดินต่อไปยังห้องทำงานนักข่าวเก่า(รังเก่า)และบอกกับนักข่าวที่นั่งปฏิบัติงานข่าวอยู่ว่า ข่าวที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับลงพร้อมกันวันนี้เกี่ยวกับการประชุมการบริหารจัดการน้ำมัน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ระบุว่า ได้สรุปแนวทางการบังคับประหยัดพลังงานเบื้องต้นไว้12 มาตรการเพื่อสรุปเสนอครม. ใน12 ก.ค.นี้ เป็นข่าวที่ไม่ถูกต้อง กล่าวคือ แนวทางที่จะให้ข้าราชการหยุดงานเพิ่มในวันจันทร์ แต่ต้องทำงานเพิ่มวันละ 2 ชั่วโมง. นั้น ที่ประชุมไม่เห็นด้วย และ มาตรการประหยัดพลังงาน 12ข้อ บางเรื่องเป็นของเก่าที่มีการศึกษามานานแล้ว

ส่วนเรื่องที่เห็นด้วย นายสมคิดกล่าวว่า ได้แก่ ให้ปิดปั๊มน้ำมันในเวลาที่กำหนด ให้ปิดไฟฟ้าป้ายโฆษณาตามเวลาที่กำหนด ส่วนแนวคิดที่จะให้ปิดสถานีโทรทัศน์ในเวลาที่เร็วขึ้นก็จะได้หารือกับตัวแทนสถานีโทรทัศน์ก่อน

นายสมคิดยังได้ สั่งการให้นายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ ปลัดกระทรวงพลังงานให้แถลงข่าวเรื่องนี้เป็นการด่วนที่กระทรวงพลังงานในเวลา 14.00น. วานนี้

**เหลือ3แผนบังคับประหยัด

นายเชิดพงษ์ พร้อมด้วยนายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ได้เปิดแถลงข่าว มาตรการบังคับประหยัดพลังงานหลังจากที่นายสมคิด สั่งให้ชี้แจงข้อเท็จจริง

นายเชิดพงษ์กล่าวว่า .มาตรการที่มีความเป็นไปได้ในการบังคับประหยัด ที่จะเสอน ครม.ในวันที่ 12 กรกฎาคม มี 3 มาตรการแน่นอนแล้วได้แก่ 1. การขยายเวลาปิดปั๊มให้เร็วขึ้นจากเที่ยงคืน-ตี 5 เป็น ตั้งแต่ 22.00-05.00น. ซึ่งเดิมมีการหารือกันว่าจะปิด 3 ทุ่มแต่เกรงว่าจะกระทบกับการดำเนินชีวิตของประชาชนจึงเลื่อนออกไปเป็น 4 ทุ่มแทน ซึ่งพบว่ามาตรการนี้จะสามารถประหยัดพลังงานได้เพิ่มอีก 2% จากเดิมที่ดำเนินการอยู่แล้วประหยัดได้ 3%

2. ปิดไฟป้ายโฆษณาตั้งแต่ 21.00 น. และ 3. การหาจุดจอดรถแท็กซี่ หรือ Taxi Stand

" 3 มาตรการนี้มีความเป็นไปได้มากสุด ส่วนกรณีที่ข่าวเสนอออกไป 12 มาตรการนั้นที่ประชุมไม่ได้คิดที่จะนำมาใช้ทั้งหมดอยู่แล้วเพราะมีการศึกษาผลดี ผลเสียแล้วจะต้องไม่กระทบกับเศรษฐกิจ ประชาชนและการจ้างงานดังนั้นการหยุดราชการเพิ่มอีก 1 วัน การรณรงค์ให้วันจันทร์เป็นวันประหยัดพลังงานแค่คิดก็ผิดแล้ว ส่วน มาตรการที่เกี่ยวข้องกับภาษีเช่น เก็บภาษีเพิ่มรถยนต์ขนาด 1,800 ซี.ซี.ขึ้นไปไม่สามารถนำมาบังคับใช้ได้เพราะไม่เหมาะสม"นายเชิดพงษ์กล่าว

นอกจากนี้กรณีของค่าไฟฟ้าอัตราก้าวหน้าของบ้านที่อยู่อาศัยที่ประชุมได้ศึกษาผลดีและผลเสียแล้วว่าอาจะกระทบกับประชาชน แต่กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ว่าจะสามารถกำหนดประเภทธุรกิจที่ใช้ไฟฟุ่มเฟือยแทนได้หรือไม่เช่น สถานบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ เช่น โรงอาบอบนวด และอาจจะรวมไปถึงสนามกอล์ฟด้วยหรือไม่ ซึ่งต้องหารือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ว่าจะทำได้หรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็อาจจะเป็นอีกมาตรการหนึ่งในการนำเสนอครม.ต่อไป ส่วนกรณีกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าก็จะเป็นแนวทางหนึ่งในระยะยาว

มีรายงานว่า กระทรวงพลังงานได้หารือร่วมกับผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์กรณีที่นายสมคิดระบุว่าควรจะศึกษาการปิดทีวีเที่ยงคืน ซึ่งเมื่อหารือแล้วทุกส่วนไม่เห็นด้วยและจะมีผลกระทบหลายด้าน ดังนั้นจึงเป็นมาตรการที่จะต้องเสนอรัฐบาลพิจารณาต่อไป

**เบนซินทะลุ25บ.วันนี้เว้นปตท.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่เกือบทุกแห่งเว้นบมจ.ปตท.ได้ประกาศปรับราคาน้ำมันขายปลีกทั้งเบนซินและดีเซลขึ้นอีกลิตรละ 40 สตางค์มีผลตั้งแต่เวลา 06.00น.ของวันนี้(6พ.ค.) ส่งผลให้เบนซิน 95 ขยับมาเป็น 25.34 บาทต่อลิตรเว้นปตท.ที่ยังอยู่ระดับ 24.94 บาทต่อลิตร และดีเซลขยับมาอยู่ที่ 21.79 บาทต่อลิตรเว้นปตท.ที่ดีเซลจะอยู่ที่ 21.39 บาทต่อลิตรหรือต่ำกว่ารายอื่นถึง 50 สตางค์ต่อลิตร

นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมันบมจ.ปตท.กล่าวว่า ปตท.เพิ่งจะปรับราคาดีเซลไปเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 30 สตางค์ต่อลิตรซึ่งจะทำให้การปรับบ่อยครั้งเกินไปดังนั้นจึงจะรอ 1-2 วันก่อนในการตัดสินใจว่าจะปรับราคาขึ้นหรือไม่ ซึ่งยอมรับว่าค่าการตลาดขณะนี้ต่ำ

นายวิเศษ จูภิบาล รมว.พลังงานกล่าวว่า 12 มาตรการที่มีการนำเสนอมีเพียง 3 มาตรการเท่านั้นที่เหมาะสมในการนำมาใช้เพราะมีหลายมาตรการจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ การจ้างานและประชาชน ส่วนราคาน้ำมันขณะนี้ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดซึ่งภายใน 1-2 เดือนราคาดีเซลขยับใกล้เบนซินก็จะชะลอการใช้ดีเซลลงไปได้จากเดิมที่การใชดีเซลโต 11 กว่า % เหลือเพียง 9%

** 3มาตรการคงประหยัดไม่มาก

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า มาตรการปิดปั๊มถือว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้เพราะสามารถบริหารการใช้ล่วงหน้าก่อนเดินทางแต่ก็อดเป็นห่วงรถบรรทุก รถทัวร์ หากหมดกลางทางในต่างจังหวัดควรจะมีรถบริการน้ำมันฉุกเฉินไว้รองรับบ้าง ส่วนปิดป้ายโฆษณาเห็นว่าปิดตั้งแต่ 20.00 น.ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนรถแท็กซี่ก็เห็นด้วยว่าจะมีจุดเรียกรถแต่รัฐบาลน่าจะหาเงินมาก้อนหนึ่งให้สนับสนุนรถแท็กซี่ที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไปเปลี่ยนมาเป็นรถประหยัดพลังงาน อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวหากประหยัดได้ 10% ในช่วง 2-3 เดือนก็ถือว่าดีแล้วแต่ดูแล้วไม่น่าจะถึง

**"ประเวศ" ชี้ นโยบายพลังของรัฐผิดตั้งแต่ต้น

ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสกล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบกับประชาชนว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นคงจะหาทางออกได้ยาก รัฐบาลใช้นโยบายทางเศรษฐกิจโดยการกระตุ้นการบริโภค เป็นผลให้ต้องใช้พลังงานมาก จนส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในความเป็นจริงรัฐบาลไม่ควรกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้วิธีนี้ และเมื่อย้อนไปดูตัวเลข แต่ละยูนิตของ GDP ที่ขยับขึ้นจะเป็นในส่วนของพลังงานที่ขยับขึ้นมากกว่า GDP และในประเทศที่พัฒนาแล้ว ตัวเลขของ GDP จะขึ้น แต่ตัวเลขของพลังงานจะไม่ขยับขึ้นตาม GDP ในส่วนของเรื่องการขนส่ง ประเทศไทยเน้นที่การใช้รถสิบล้อมากเกินไป ซึ่งการขนส่งที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดคือการใช้รถไฟกับเรือกลไฟ นอกจากนั้นรัฐบาลยังเน้นการเปิดศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานเทียบเท่ากับพลังงานที่เขื่อนผลิตครึ่งหนึ่ง โดยทางที่ดีรัฐบาลควรจะเน้นไปที่การส่งเสริมตลาดนัด เพราะจะเป็นการสร้างรายได้ให้ประชาชน และตลาดเหล่านี้จะไม่ใช้พลังงานมากเมื่อเทียบเท่ากับห้างสรรพสินค้า

"คณะรัฐมนตรี กลับกลายเป็นตัวอย่างของการใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย ขับรถใหญ่ ๆ ขับรถใหม่ ๆ จนกลายเป็นตัวกระตุ้นความฟุ่มเฟือย ฉะนั้นการจะลดใช้พลังงานให้ได้ผลมากที่สุด ครม.ควรจะทำตัวให้เป็นแบบอย่างโดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีต้องเป็นแบบอย่างก่อนโดยการเดินจากบ้านจันทร์ส่องหล้ามาทำงาน หรือถ้าระยะทางมันไกลมากก็อาจจะเดินอีกครึ่งหนึ่งและนั่งรถอีกครึ่งหนึ่งก็ได้เพราะจะได้เป็นการออกกำลังกายด้วยอย่างในทวีปยุโรปจะไม่ค่อยใช้ยานพาหนะแต่จะใช้การเดินและการปั่นจักรยานแทน" ราษฎรอาวุโสกล่าว

**ไฟเขียวขึ้นค่ารถขสมกอีก1 บาท

นายจารึก อนุพงศ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการปรับราคาค่าโดยสารสำหรับรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพและปริมณฑลขึ้นอีก 1 บาท โดยในส่วนของรถโดยสารของขสมก.(ครีม-แดง) ให้มีการปรับเพิ่มจาก 5 บาทเป็น 6 บาท รถร่วมโดยสารขสมก.ปรับจาก 6 บาทเป็น 7 บาท และรถมินิบัสให้ปรับจาก 4.50 บาทเป็น 5.50 บาท โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.จนถึงวันที่ 31 ก.ค. 2548 เพื่อให้รอผลศึกษาต้นทุนและอัตราราคาที่เหมาะสมจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจากนั้นจะมีการพิจารณาราคาที่เหมาะสมอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น