เครือข่ายภาคประชาชน ยื่นหนังสือต่อกมธ.ชุด"ประทิน"ตรวจสอบโครงการชลประทานระบบท่อ คาดมีนักการเมืองเอี่ยวด้วย เผย 300 ครอบครัวต้องประสบปัญหาไม่มีน้ำทำการเกษตร "หมอนิรันดร์"แย้มเริ่มได้กลิ่นเน่าโครงการ Water Grid เตรียมดันเรื่องขอมติที่ประชุมวันพฤหัสบดีนี้ ด้าน"ทักษิณ"ชี้เป็นการจับแพะชนแกะ โบ้ยไม่เกี่ยวกับรัฐบาลนี้
วานนี้ (4ก.ค.)นายบุญทอง สะดวก ผู้ประสานงานคณะทำงานศึกษารูปแบบการจัดการการน้ำ เครือข่ายทรัพยากรน้ำภาคอีสาน นายเข็มพร โคตรไพบูลย์ รองประธานสมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทานระบบท่อบ้านโนนฆ้อง จ.ขอนแก่น และนายเมธา มาสขาว ตัวแทนศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย ได้มายื่นหนังสือต่อ น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและสอบสวนเรื่อองเกี่ยวกับการทุจริต วุฒิสภา ให้มีการตรวจสอบโครงการชลประทานระบบท่อนำร่อง 10 โครงการ มูลค่า 875 ล้านบาทและโครงการโครงข่ายท่อส่งน้ำแห่งชาติ(Water Grid)ในรัฐบาลปัจจุบันงบประมาณ 4 แสนล้านบาท
นายบุญทอง กล่าวว่า โครงการระบบท่อ 10 โครงการ เป็นโครงการที่มีการอนุมัติสมัยที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ ตั้งแค่วันที่ 19พ.ย.39 ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณ 13,475 ล้านบาท ผูกพันไปจนถึงปี 46 โดยมีการนำร่อง 10 โครงการ ก่อนครอบคลุมในพื้นที่ 50,000 ไร่ ในวงเงิน 875 ล้านบาท และจากการศึกษาของคณะทำงานพบว่า 1.การบริหารจัดการน้ำด้วยโครงการชลประทาน ระบบท่อไม่มีประสิทธิภาพจริง 2.การจัดการดังกล่าวไม่สอดคล้องกับวิถีการผลิตของเกษตรกรไทย 3.ไม่มีความเหมาะสมกับพื้นที่ 4. งบประมาณก่อสร้างโครงการสูงแต่ผลที่ได้ไม่คุ้ม 5.เป็นการผลักภาระค่าใช้จ่ายให้เกษตรกร
ทางเครือข่ายจึงขอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับโครงการการระบบชลประทานนำร่อง ได้แก่ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รวมไปถึงโครงการเมกะโปรเจกต์ ที่อาจจะเป็นการแย่งชิงทรัพยากรน้ำจากภาคเกษตรไปป้อนแหล่งอุตสาหกรรม เหมือนกรณีอุตสาหกรรมภาคตะวันออก และโครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยีที่สูง อาจจะมีกลุ่มนักการเมืองร่วมกับนายทุนเพื่อรับเหมาก่อสร้างและขายท่อส่งน้ำในโครงการดังกล่าว
นายเข็มพร กล่าวว่า เท่าที่ตนสำรวจที่บ้านโนนฆ้อง จ.ขอนแก่น โครงกานำร่อง 10 โครงการที่เปิดใช้ตั้งแต่ปี 45 พบว่า มีปัญหามาก โดยเฉพาะเรื่องท่อประปาที่มีความเสียหายบ่อยจนทำให้เกษตกรในพื้นที่ไม่สามารถนำเอาน้ำไปใช้ทำการเกษตรได้ ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรไม่ดีเท่าที่ควร และประสบกับภาวะการขาดทุน รวมทั้งเกษตรกรต้องแบกภาระในเรื่องของค่ากระแสไฟในการสูบน้ำด้วย และตอนนี้มีเกษตรกรมากกว่า 300 ครอบครัวกินพื้นที่ 3,200 ไร่ เผชิญกับภาวะนี้อยู่
นายเมธา กล่าวว่า ทางเครือข่ายมาในวันนี้เพราะอยากรัฐบาลนำเอาบทเรียนจากโครงการนำร่อง 10 โครงการที่ล้มเหลวมาเตือนสติ ก่อนที่จะมีการดำเนินโครงการ Water Grid และ ถึงแม้โครงการนำร่อง 10 โครงการจะเป็นโครงการของรัฐบาลในอดีต แต่ในโครงการ Water Grid เป็นโครงการของรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องมีส่วนรับผิดชอบถ้ามีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น
ขณะที่ น.พ.นิรันดร์ กล่าวว่า จากที่ตนตรวจสอบก็พบว่าโครงการระบบท่อนำร่อง 10 โครงการล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และทางคณะกรรมาธิการทั้ง 2 คณะคงจะต้องเข้าไปตรวจสอบในเรื่องการจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพ รวมไปถึงแนวโน้มของการคอร์รัปชั่น ที่อาจจะเกิดขึ้นในทั้ง 2 โครงการ เหมือนกับเรื่องการตรวจสอบโครงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดในสนามบินสุวรรณภูมิ
"นักการเมืองประเทศเรามักจะทำตัวเป็นจอมโปรเจกต์ ที่ชอบเสนอโครงการใหญ่ที่มีงบประมาณจำนวนมากอย่างกรณีที่โครงการ 4 แสนล้าน ที่ต่อเนื่องมาจากโครงการมูลค่า 875 ล้านบาท และเมื่อมีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น โครงการดังกล่าวเกษตรกรก็ไม่ได้รับประโยชน์ จนต้องไปพึ่งพาระบบทุนและแบกภาระค่าใช้จ่าย และเท่าที่ทราบเป็นการส่วนตัว โครงการ Water Grid เริ่มมีการวิ่งเต้นของนักการเมืองให้มีล็อกคุณสมบัติของผู้รับเหมา และผูกขาดระบบการก่อสร้างแล้ว และที่น่าแปลกการก่อสร้างในพื้นที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้รับเหมากลับไม่ใช่เป็นบริษัทในพื้นที่ แต่เป็นผู้รับเหมาจากส่วนกลาง ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติของโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐไปแล้วที่จะต้องมีการวิ่งเต้น และสร้างตัวละครขึ้นมาเพื่อมากินส่วนแบ่งของโครงการที่เปรียบเป็นขนมอันโอชะ"น.พ.นิรันดร์ กล่าวและว่า ในวันที่ 7 ก.ค.นี้ จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญที่ มีพล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธาน เพื่อขอมติที่ประชุมในการสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป
**ทักษิณโบ้ยไม่ใช่โครงการของรัฐบาลนี้
ด้านพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า โครงการส่งน้ำระบบท่อ เป็นโครงการตั้งนานแล้ว เป็นการขุดบ่อน้ำทำท่อส่งน้ำเพื่อกระจายน้ำ เป็นเรื่องของกรมชลประทาน ไม่ใช่งานของโครงการรัฐบาลนี้ เป็นเรื่องบ่อน้ำเล็กๆที่จะกระจายการส่งน้ำ ซึ่งไม่ใช่เรื่อง กริดน้ำ หรือระบบส่งน้ำทางท่อซึ่งเป็นระบบใหญ่ของทั้งประเทศ
"การมาใช้คำพูดเพื่อโยงกัน มันไม่ใช่ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน นี่พยายามจะเอาคนละเรื่องมาเป็นเรื่องเดียวกันให้ได้ แหม จริงๆ เลย เนี่ยมันตั้งใจ คนที่วันนี้นึกว่ารัฐบาลจะเจ๊งแล้ว คนที่ไม่ชอบรัฐบาลก็มารวมหัวพร้อมกัน วันนี้ฝนตกเริ่มขี้หมูไหล ธรรมดา โครงการกริดน้ำ ของจริงนั้นเป็นโครงการใหญ่ ไม่ใช่ มีแค่อ่างเก็บน้ำเล็กๆอันหนึ่งไว้กระจายน้ำ นั้นเป็นเรื่องของโครงการชลประทานซึ่งมีมานานแล้วในหลายรัฐบาล และบางทีการตั้งงบประมาณ ก็เป็นระบบตั้งงบประมาณสมัยเก่า บางทีมันตั้งงบไม่ได้ ก็ไม่ได้ทำต่อ หรือบางทีหน่วยงานไม่สนใจ ก็ไปทำบ่อใหม่อีกแล้วไม่ได้กระจายน้ำ อันนี้คือปัญหา หรือบางทีไม่มีน้ำต้นทุนเพื่อมาป้อนน้ำต้นทุน ทำให้อ่างเก็บน้ำไม่มีน้ำก็เป็นปัญหาอีก แต่สิ่งที่รัฐบาลจะทำนั้นจะมีการไล่ตั้งแต่ต้นน้ำเพื่อให้มีน้ำต้นทุนเพียงพอ"
เมื่อถามว่า จะมีการสั่งเจ้ากระทรวงให้เร่งตรวจสอบโครงการแต่ละโครงการหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านอาจจะไปหยิบยกรื้อฟื้นมาอีก พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า แน่นอนที่รัฐมนตรีทุกคน เมื่อมีข่าวอะไรขึ้นมา เขาต้องเป็นคนตอบชี้แจง เขาจึงต้องไปเช็คดู เพราะเวลามีอะไร ผมจะต้องสอบถามตลอดถ้าเจอ ถ้าใครไม่รู้เรื่องงานเขาจะมีโอกาสที่ถูกขับออก เขาก็ต้องระวัง ทุกคนจึงต้องตื่นตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง
วานนี้ (4ก.ค.)นายบุญทอง สะดวก ผู้ประสานงานคณะทำงานศึกษารูปแบบการจัดการการน้ำ เครือข่ายทรัพยากรน้ำภาคอีสาน นายเข็มพร โคตรไพบูลย์ รองประธานสมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทานระบบท่อบ้านโนนฆ้อง จ.ขอนแก่น และนายเมธา มาสขาว ตัวแทนศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย ได้มายื่นหนังสือต่อ น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและสอบสวนเรื่อองเกี่ยวกับการทุจริต วุฒิสภา ให้มีการตรวจสอบโครงการชลประทานระบบท่อนำร่อง 10 โครงการ มูลค่า 875 ล้านบาทและโครงการโครงข่ายท่อส่งน้ำแห่งชาติ(Water Grid)ในรัฐบาลปัจจุบันงบประมาณ 4 แสนล้านบาท
นายบุญทอง กล่าวว่า โครงการระบบท่อ 10 โครงการ เป็นโครงการที่มีการอนุมัติสมัยที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ ตั้งแค่วันที่ 19พ.ย.39 ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณ 13,475 ล้านบาท ผูกพันไปจนถึงปี 46 โดยมีการนำร่อง 10 โครงการ ก่อนครอบคลุมในพื้นที่ 50,000 ไร่ ในวงเงิน 875 ล้านบาท และจากการศึกษาของคณะทำงานพบว่า 1.การบริหารจัดการน้ำด้วยโครงการชลประทาน ระบบท่อไม่มีประสิทธิภาพจริง 2.การจัดการดังกล่าวไม่สอดคล้องกับวิถีการผลิตของเกษตรกรไทย 3.ไม่มีความเหมาะสมกับพื้นที่ 4. งบประมาณก่อสร้างโครงการสูงแต่ผลที่ได้ไม่คุ้ม 5.เป็นการผลักภาระค่าใช้จ่ายให้เกษตรกร
ทางเครือข่ายจึงขอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับโครงการการระบบชลประทานนำร่อง ได้แก่ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รวมไปถึงโครงการเมกะโปรเจกต์ ที่อาจจะเป็นการแย่งชิงทรัพยากรน้ำจากภาคเกษตรไปป้อนแหล่งอุตสาหกรรม เหมือนกรณีอุตสาหกรรมภาคตะวันออก และโครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยีที่สูง อาจจะมีกลุ่มนักการเมืองร่วมกับนายทุนเพื่อรับเหมาก่อสร้างและขายท่อส่งน้ำในโครงการดังกล่าว
นายเข็มพร กล่าวว่า เท่าที่ตนสำรวจที่บ้านโนนฆ้อง จ.ขอนแก่น โครงกานำร่อง 10 โครงการที่เปิดใช้ตั้งแต่ปี 45 พบว่า มีปัญหามาก โดยเฉพาะเรื่องท่อประปาที่มีความเสียหายบ่อยจนทำให้เกษตกรในพื้นที่ไม่สามารถนำเอาน้ำไปใช้ทำการเกษตรได้ ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรไม่ดีเท่าที่ควร และประสบกับภาวะการขาดทุน รวมทั้งเกษตรกรต้องแบกภาระในเรื่องของค่ากระแสไฟในการสูบน้ำด้วย และตอนนี้มีเกษตรกรมากกว่า 300 ครอบครัวกินพื้นที่ 3,200 ไร่ เผชิญกับภาวะนี้อยู่
นายเมธา กล่าวว่า ทางเครือข่ายมาในวันนี้เพราะอยากรัฐบาลนำเอาบทเรียนจากโครงการนำร่อง 10 โครงการที่ล้มเหลวมาเตือนสติ ก่อนที่จะมีการดำเนินโครงการ Water Grid และ ถึงแม้โครงการนำร่อง 10 โครงการจะเป็นโครงการของรัฐบาลในอดีต แต่ในโครงการ Water Grid เป็นโครงการของรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องมีส่วนรับผิดชอบถ้ามีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น
ขณะที่ น.พ.นิรันดร์ กล่าวว่า จากที่ตนตรวจสอบก็พบว่าโครงการระบบท่อนำร่อง 10 โครงการล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และทางคณะกรรมาธิการทั้ง 2 คณะคงจะต้องเข้าไปตรวจสอบในเรื่องการจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพ รวมไปถึงแนวโน้มของการคอร์รัปชั่น ที่อาจจะเกิดขึ้นในทั้ง 2 โครงการ เหมือนกับเรื่องการตรวจสอบโครงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดในสนามบินสุวรรณภูมิ
"นักการเมืองประเทศเรามักจะทำตัวเป็นจอมโปรเจกต์ ที่ชอบเสนอโครงการใหญ่ที่มีงบประมาณจำนวนมากอย่างกรณีที่โครงการ 4 แสนล้าน ที่ต่อเนื่องมาจากโครงการมูลค่า 875 ล้านบาท และเมื่อมีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น โครงการดังกล่าวเกษตรกรก็ไม่ได้รับประโยชน์ จนต้องไปพึ่งพาระบบทุนและแบกภาระค่าใช้จ่าย และเท่าที่ทราบเป็นการส่วนตัว โครงการ Water Grid เริ่มมีการวิ่งเต้นของนักการเมืองให้มีล็อกคุณสมบัติของผู้รับเหมา และผูกขาดระบบการก่อสร้างแล้ว และที่น่าแปลกการก่อสร้างในพื้นที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้รับเหมากลับไม่ใช่เป็นบริษัทในพื้นที่ แต่เป็นผู้รับเหมาจากส่วนกลาง ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติของโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐไปแล้วที่จะต้องมีการวิ่งเต้น และสร้างตัวละครขึ้นมาเพื่อมากินส่วนแบ่งของโครงการที่เปรียบเป็นขนมอันโอชะ"น.พ.นิรันดร์ กล่าวและว่า ในวันที่ 7 ก.ค.นี้ จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญที่ มีพล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธาน เพื่อขอมติที่ประชุมในการสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป
**ทักษิณโบ้ยไม่ใช่โครงการของรัฐบาลนี้
ด้านพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า โครงการส่งน้ำระบบท่อ เป็นโครงการตั้งนานแล้ว เป็นการขุดบ่อน้ำทำท่อส่งน้ำเพื่อกระจายน้ำ เป็นเรื่องของกรมชลประทาน ไม่ใช่งานของโครงการรัฐบาลนี้ เป็นเรื่องบ่อน้ำเล็กๆที่จะกระจายการส่งน้ำ ซึ่งไม่ใช่เรื่อง กริดน้ำ หรือระบบส่งน้ำทางท่อซึ่งเป็นระบบใหญ่ของทั้งประเทศ
"การมาใช้คำพูดเพื่อโยงกัน มันไม่ใช่ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน นี่พยายามจะเอาคนละเรื่องมาเป็นเรื่องเดียวกันให้ได้ แหม จริงๆ เลย เนี่ยมันตั้งใจ คนที่วันนี้นึกว่ารัฐบาลจะเจ๊งแล้ว คนที่ไม่ชอบรัฐบาลก็มารวมหัวพร้อมกัน วันนี้ฝนตกเริ่มขี้หมูไหล ธรรมดา โครงการกริดน้ำ ของจริงนั้นเป็นโครงการใหญ่ ไม่ใช่ มีแค่อ่างเก็บน้ำเล็กๆอันหนึ่งไว้กระจายน้ำ นั้นเป็นเรื่องของโครงการชลประทานซึ่งมีมานานแล้วในหลายรัฐบาล และบางทีการตั้งงบประมาณ ก็เป็นระบบตั้งงบประมาณสมัยเก่า บางทีมันตั้งงบไม่ได้ ก็ไม่ได้ทำต่อ หรือบางทีหน่วยงานไม่สนใจ ก็ไปทำบ่อใหม่อีกแล้วไม่ได้กระจายน้ำ อันนี้คือปัญหา หรือบางทีไม่มีน้ำต้นทุนเพื่อมาป้อนน้ำต้นทุน ทำให้อ่างเก็บน้ำไม่มีน้ำก็เป็นปัญหาอีก แต่สิ่งที่รัฐบาลจะทำนั้นจะมีการไล่ตั้งแต่ต้นน้ำเพื่อให้มีน้ำต้นทุนเพียงพอ"
เมื่อถามว่า จะมีการสั่งเจ้ากระทรวงให้เร่งตรวจสอบโครงการแต่ละโครงการหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านอาจจะไปหยิบยกรื้อฟื้นมาอีก พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า แน่นอนที่รัฐมนตรีทุกคน เมื่อมีข่าวอะไรขึ้นมา เขาต้องเป็นคนตอบชี้แจง เขาจึงต้องไปเช็คดู เพราะเวลามีอะไร ผมจะต้องสอบถามตลอดถ้าเจอ ถ้าใครไม่รู้เรื่องงานเขาจะมีโอกาสที่ถูกขับออก เขาก็ต้องระวัง ทุกคนจึงต้องตื่นตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง