ผู้จัดการรายวัน-“สุริยะ”เชื่อปัญหาซีทีเอ็กซ์ยุติเมื่อเครื่องถึงไทย บทม.เร่งเจรจา ไอทีโอและจีอีอินวิชั่น ยอมรับเงื่อนไขซื้อตรง คาดเครื่องถึงไทยภายใน ก.ค.นี้ และติดตั้งเสร็จตามสัญญาก.ย. 48 แจงบทม.จ่ายเงิน 1,600 ล้านบาท แยกเป็นค่าเครื่องซีทีเอ็กซ์ 400 ล้านบาท ที่เหลือเป็นงานระบบ ตั้งใจทำงานต่อไม่หนักใจข่าวปรับครม.
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการซื้อเครื่องจับวัตถุระเบิดแบบซีทีเอ็กซ์ 9000 จากบริษัท จีอี อินวิชั่นโดยตรงตามเงื่อนไขที่กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐระบุให้เป็นการซื้อขายตรงระหว่างผู้ผลิตกับหน่วยงานภาครัฐของไทยเท่านั้นว่า ภายในสัปดาห์หน้าน่าจะได้ข้อสรุปในการนำเครื่องซีทีเอ็กซ์เข้ามาเพื่อติดตั้งในสนามบินสุวรรณภูมิได้ โดยขณะนี้บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) จะเร่งหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องคือ กลุ่ม ไอทีโอ จอยเวนเจอร์ เพื่อพิจารณาข้อสัญญากรณีที่บทม.จะซื้อตรงและในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ บริษัท จีอี อินวิชั่น จะมาประเทศไทยเพื่อเจรจากับ บทม. ในเรื่องการซื้อขาย
ประเด็นที่จะต้องพิจารณารายละเอียด คือ ทั้ง บทม. ไอทีโอและบริษัทจีอีอินวิชั่นต้องยอมรับเงื่อนไขต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการซื้อตรง โดยในเบื้องต้นทางจีอีฯ ยืนยันที่จะดำเนินการจัดส่งเครื่องซีทีเอ็กซ์ให้กับไทยได้ทันที แต่ทั้งนี้ จีอีฯมีเงื่อนไขว่า ต้องการ บทม.เป็นผู้รับผิดชอบในการติดตั้งและไอทีโอจะต้องไม่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องของการติดตั้งเครื่องซีทีเอ็กซ์ เพราะอาจจะผิดกับข้อตกลงที่ทำไว้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ ในขณะที่ไอทีโอเองก็มีความกังวลกรณีที่ทางจีอีฯ จะเข้ามามาดำเนินการติดตั้งเครื่องซีทีเอ็กซ์เองและบทม.ดูแลเอง เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างที่อาจจะเกิดความล่าช้าได้ ส่วนบทม.ก็เห็นว่า ไอทีโอต้องรับผิดชอบเรื่องการติดตั้งเพราะสัญญาระบุไว้ หากบทม.ไปทำเอง ไอทีโอจะปัดความรับผิดชอบได้หากมีปัญหาเกิดขึ้น เพราะถือว่าไม่ได้ทำ
“ดังนั้นจะต้องพยายามให้ทั้ง 3 ฝ่ายคือบทม. กลุ่มไอทีโอและจีอีฯ ทำงานร่วมกันภายใต้เงื่อนไขที่แต่ละฝ่ายยอมรับได้เพราะแต่ละฝ่ายก็มีเงื่อนไขที่ต้องทำ โดย บทม.จะต้องยึดประโยชน์ของประเทศสูงสุด และต้องหารืออัยการสูงสุดเรื่องข้อกฎหมายด้วย ส่วนไอทีโอก็ยึดสัญญา จีอีฯ ก็ต้องทำตามข้อตกลงกับ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งคิดว่าภายในสัปดาห์หน้า คงจะได้ข้อยุติในการนำเครื่องซีทีเอ็กซ์ที่ทำเสร็จแล้วเข้ามายังประเทศไทยเพื่อติดตั้งให้แล้วเสร็จทันภายในวันที่ 29 ก.ย.2548 ”นายสุริยะกล่าว
นายสุริยะ กล่าวถึงการที่ บทม. เคยจ่ายเงินตามสัญญาให้กลุ่มกิจการร่วมค้าไอทีโอประมาณ 1,500 ล้านบาทว่า มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ประมาณ 400 ล้านบาทซึ่งจ่ายตามสัญญากำหนด ส่วนอีก 1,100 ล้านบาทเป็นการก่อสร้างระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างไปได้มากกว่าวงเงินที่ได้มีการจ่ายเป็นค่างวดงานไปแล้ว หากทั้ง 3 ฝ่ายมีความเห็นที่ตรงกัน และทางอัยการสูงสุดให้การรับรองสัญญาในกรณีที่มีการจัดซื้อตรงโดยบทม. คาดว่าจะสามารถนำเครื่องซีทีเอ็กซ์เข้ามาในไทยได้ภายในเดือนก.ค.นี้
สำหรับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดปรับคณะรัฐมนตรีนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ส่วนตนไม่หนักใจ เพราะสิ่งที่ดำเนินการมาทั้งหมด คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและการเลือกซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ เพราะเป็นเครื่องที่ดีที่สุดและดำเนินการตามช่องทางของสัญญาและการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด ทำได้ในราคาที่ถูกกว่าหลายสนามบินในสหรัฐ โดยจากนี้จะตั้งใจทำงานตามหน้าที่ต่อไป
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการซื้อเครื่องจับวัตถุระเบิดแบบซีทีเอ็กซ์ 9000 จากบริษัท จีอี อินวิชั่นโดยตรงตามเงื่อนไขที่กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐระบุให้เป็นการซื้อขายตรงระหว่างผู้ผลิตกับหน่วยงานภาครัฐของไทยเท่านั้นว่า ภายในสัปดาห์หน้าน่าจะได้ข้อสรุปในการนำเครื่องซีทีเอ็กซ์เข้ามาเพื่อติดตั้งในสนามบินสุวรรณภูมิได้ โดยขณะนี้บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) จะเร่งหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องคือ กลุ่ม ไอทีโอ จอยเวนเจอร์ เพื่อพิจารณาข้อสัญญากรณีที่บทม.จะซื้อตรงและในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ บริษัท จีอี อินวิชั่น จะมาประเทศไทยเพื่อเจรจากับ บทม. ในเรื่องการซื้อขาย
ประเด็นที่จะต้องพิจารณารายละเอียด คือ ทั้ง บทม. ไอทีโอและบริษัทจีอีอินวิชั่นต้องยอมรับเงื่อนไขต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการซื้อตรง โดยในเบื้องต้นทางจีอีฯ ยืนยันที่จะดำเนินการจัดส่งเครื่องซีทีเอ็กซ์ให้กับไทยได้ทันที แต่ทั้งนี้ จีอีฯมีเงื่อนไขว่า ต้องการ บทม.เป็นผู้รับผิดชอบในการติดตั้งและไอทีโอจะต้องไม่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องของการติดตั้งเครื่องซีทีเอ็กซ์ เพราะอาจจะผิดกับข้อตกลงที่ทำไว้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ ในขณะที่ไอทีโอเองก็มีความกังวลกรณีที่ทางจีอีฯ จะเข้ามามาดำเนินการติดตั้งเครื่องซีทีเอ็กซ์เองและบทม.ดูแลเอง เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างที่อาจจะเกิดความล่าช้าได้ ส่วนบทม.ก็เห็นว่า ไอทีโอต้องรับผิดชอบเรื่องการติดตั้งเพราะสัญญาระบุไว้ หากบทม.ไปทำเอง ไอทีโอจะปัดความรับผิดชอบได้หากมีปัญหาเกิดขึ้น เพราะถือว่าไม่ได้ทำ
“ดังนั้นจะต้องพยายามให้ทั้ง 3 ฝ่ายคือบทม. กลุ่มไอทีโอและจีอีฯ ทำงานร่วมกันภายใต้เงื่อนไขที่แต่ละฝ่ายยอมรับได้เพราะแต่ละฝ่ายก็มีเงื่อนไขที่ต้องทำ โดย บทม.จะต้องยึดประโยชน์ของประเทศสูงสุด และต้องหารืออัยการสูงสุดเรื่องข้อกฎหมายด้วย ส่วนไอทีโอก็ยึดสัญญา จีอีฯ ก็ต้องทำตามข้อตกลงกับ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งคิดว่าภายในสัปดาห์หน้า คงจะได้ข้อยุติในการนำเครื่องซีทีเอ็กซ์ที่ทำเสร็จแล้วเข้ามายังประเทศไทยเพื่อติดตั้งให้แล้วเสร็จทันภายในวันที่ 29 ก.ย.2548 ”นายสุริยะกล่าว
นายสุริยะ กล่าวถึงการที่ บทม. เคยจ่ายเงินตามสัญญาให้กลุ่มกิจการร่วมค้าไอทีโอประมาณ 1,500 ล้านบาทว่า มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ประมาณ 400 ล้านบาทซึ่งจ่ายตามสัญญากำหนด ส่วนอีก 1,100 ล้านบาทเป็นการก่อสร้างระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างไปได้มากกว่าวงเงินที่ได้มีการจ่ายเป็นค่างวดงานไปแล้ว หากทั้ง 3 ฝ่ายมีความเห็นที่ตรงกัน และทางอัยการสูงสุดให้การรับรองสัญญาในกรณีที่มีการจัดซื้อตรงโดยบทม. คาดว่าจะสามารถนำเครื่องซีทีเอ็กซ์เข้ามาในไทยได้ภายในเดือนก.ค.นี้
สำหรับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดปรับคณะรัฐมนตรีนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ส่วนตนไม่หนักใจ เพราะสิ่งที่ดำเนินการมาทั้งหมด คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและการเลือกซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ เพราะเป็นเครื่องที่ดีที่สุดและดำเนินการตามช่องทางของสัญญาและการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด ทำได้ในราคาที่ถูกกว่าหลายสนามบินในสหรัฐ โดยจากนี้จะตั้งใจทำงานตามหน้าที่ต่อไป