“เจ๊เบียบ” เปิดโพยเรื่องร้องทุกข์สมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข พบปัญหาสามีปันใจมากสุด 35% ส่วนมากเป็น ชายในเครื่องแบบที่ทำให้ช้ำ โดยเฉพาะ “ตำรวจ-ทหาร” ขณะที่แพทย์จีนเผยประชากรชายของโลก 23 % มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เผยยอดชายชาวมังกรอาการหนักสุดพบมีปัญหาประมาณ 143.2 ล้านคน และเป็นชนิดถาวรประมาณ 2.9 ล้านคน ส่วนในไทยมีผู้ที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศถาวรประมาณ 1.5 แสนคน
วานนี้(29 มิ.ย.) นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว ตั้งแต่เดือน ก.พ.-มิ.ย.2548 จำนวน 459 เรื่อง โดยเป็นการร้องเรียนจากผู้ชาย 34 ราย ผู้หญิง 425 ราย
ทั้งนี้ กรณีร้องเรียนส่วนใหญ่คือ สามีปันใจไปมีหญิงอื่น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35 ปัญหาจากความเครียดร้อยละ 30 โดยฝ่ายชายที่เป็นปัญหาในครอบครัวมักจะประกอบอาชีพในเครื่องแบบได้แก่ ตำรวจร้อยละ 43 ทหารร้อยละ 24 พนักงานรัฐวิสาหกิจร้อยละ 13 ครูร้อยละ 10 แพทย์ร้อยละ 6 โดยทางสมาคมฯ ได้ช่วยเหลือดำเนินการไปแล้ว 354 ราย และยังอยู่ในระหว่างดำเนินการอีก 105 ราย นอกจากนี้ สมาคมฯ จะทำการวิจัยถึงสาเหตุของปัญหาในครอบครัวเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตาม ฝ่ายหญิงต้องยอมรับว่าตัวเองก็เป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาเช่นกัน
นางระเบียบรัตน์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯ กำลังจัดเตรียมหลักสูตรศีลธรรมจริยธรรมเพื่อเสริมสร้างกำลังใจให้กับแม่บ้าน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ปรับปรุงบุคลิกภาพทั้งจิตใจและวาจา โดยความร่วมมือของสมาคมและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อน วันที่ 14-16 ส.ค.ที่จ.ปัตตานี วันที่ 16-18 ส.ค.ที่ จ.ยะลา และวันที่ 18-20 ส.ค.ที่จ.นราธิวาส
วันเดียวกันที่หอประชุมองค์การสหประชาชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เป็นประธานเปิดประชุมสัมมนานานาชาติเรื่อง ็บุรุษเวชศาสตริ์ ครั้งที่ 3 และประชุมวิชาการคณะกรรมการสาขาบุรุษเวชสมาพันธ์การแพทย์แผนจีนโลก ครั้งที่1 ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมเฉลิมฉลอง ครบรอบ 30 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน
นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยมีประชากรชายประมาณ 31.8 ล้านคน ซึ่งผู้ชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปฮอร์โมนเพศชายจะเริ่มลดลง ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา เช่น กระดูกพรุน โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด ความจำเสื่อม ขาดสมาธิ ซึมเศร้า โดยเฉพาะการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ชายทุกคนกลัวมาก ต้องหันไปพึ่งยาโด๊ปหรืออุปกรณ์เพิ่มพลังเพศจนเกิดปัญหาตามมา บางรายถึงขั้นเสียชีวิต
นอกจากนั้น จากการวิเคราะห์สุขภาพชายไทยพบว่าต่อปีผู้ชายเสียชีวิตประมาณ 200,000 คน สาเหตุการตายอันดับ 1 เกิดจากโรคติดเชื้อ มากที่สุดคือโรคเอดส์ รองลงมาคือ อุบัติเหตุจราจร โรคมะเร็ง
ด้าน ศ.เฉา ไค ยง ประธานสมาพันธ์การแพทย์แผนจีนโลก กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงหลังการปฏิวัติในประเทศจีนเป็นต้นมา การรักษาโรคบุรุษด้วยศาสตร์บุรุษเวช เป็นที่นิยมมากขึ้น และความรู้นี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก โดย สาขาหลักของบุรุษเวชศาสตร์ คือ การมีบุตรยาก โรคต่อมลูกหมาก ความเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เป็นอุปสรรคกับการเติบโตของศาสตร์นี้ คือ การรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน และคนที่เห็นแก่ตัวบางรายใช้เป็นเครื่องมือในการขูดรีด หลอกลวงให้มารักษาทั้งที่ไม่มีความรู้ และเก็บค่ารักษาเกินจริง
ขณะที่นาย เหมย วั่น ฟัง นายกสมาคมการแพทย์แผนจีน ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า คาดกันว่าประชากรชายของโลกประมาณ 23% เป็นผู้ที่มีปัญหาในเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โดยประเทศที่เป็นมากที่สุด คือ จีน ประมาณ 143.2 ล้านคน และเป็นโรคเสื่อมสมรรถภาพแบบถาวรประมาณ 2.9 ล้านคน ส่วนในไทยมีผู้ที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศถาวรประมาณ 1.5 แสนคน
อย่างไรก็ตาม สถิตินี้ยังไม่ครบถ้วนเท่าใดนัก เพราะผู้ที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะไม่ยอมเปิดเผยตัวเอง ซึ่งการใช้แพทย์แผนจีนในการรักษานั้นได้ผลดีในระดับหนึ่ง แต่หากมีการวิจัยร่วมกับการแพทย์สมัยใหม่จะทำให้การรักษาก้าวหน้ามากขึ้น
นายฟัง กล่าวว่า สาเหตุของการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศนั้นเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ โรคทางกาย เช่น เบาหวาน และโรคทางจิตใจ คือ ความเครียด ความกังวล ซึ่งทางแพทย์แผนจีนจะใช้วิธีวิเคราะห์หาสาเหตุแบบองค์รวมว่าเกิดจากอะไรจากนั้นจะรักษาทั้งร่างกายและจิตใจ และเน้นไปที่ตับและไต ส่วนแพทย์สมัยใหม่จะใช้วิธีการผ่าตัด การรักษาด้วยยา ซึ่งมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก
ส่วนนพ.ชวลิต สันติกิจรุ่งเรือง ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์ไทย-จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่ยอมรับการแพทย์แผนจีนให้เป็นวิชาแพทย์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และสนับสนุนให้เปิดบริการด้านการแพทย์แผนจีน โดยขณะนี้มีแพทย์จีนที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพในไทยแล้ว 217 คน แพทย์แผนปัจจุบันของไทยที่ผ่านการอบรมแผนจีน 537 คน และมีโรงพยาบาลสังกัด สธ.ที่เปิดให้บริการการแพทย์แผนจีน โดยเฉพาะการฝังเข็ม ทั่วประเทศประมาณ 100 แห่ง
วานนี้(29 มิ.ย.) นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว ตั้งแต่เดือน ก.พ.-มิ.ย.2548 จำนวน 459 เรื่อง โดยเป็นการร้องเรียนจากผู้ชาย 34 ราย ผู้หญิง 425 ราย
ทั้งนี้ กรณีร้องเรียนส่วนใหญ่คือ สามีปันใจไปมีหญิงอื่น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35 ปัญหาจากความเครียดร้อยละ 30 โดยฝ่ายชายที่เป็นปัญหาในครอบครัวมักจะประกอบอาชีพในเครื่องแบบได้แก่ ตำรวจร้อยละ 43 ทหารร้อยละ 24 พนักงานรัฐวิสาหกิจร้อยละ 13 ครูร้อยละ 10 แพทย์ร้อยละ 6 โดยทางสมาคมฯ ได้ช่วยเหลือดำเนินการไปแล้ว 354 ราย และยังอยู่ในระหว่างดำเนินการอีก 105 ราย นอกจากนี้ สมาคมฯ จะทำการวิจัยถึงสาเหตุของปัญหาในครอบครัวเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตาม ฝ่ายหญิงต้องยอมรับว่าตัวเองก็เป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาเช่นกัน
นางระเบียบรัตน์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯ กำลังจัดเตรียมหลักสูตรศีลธรรมจริยธรรมเพื่อเสริมสร้างกำลังใจให้กับแม่บ้าน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ปรับปรุงบุคลิกภาพทั้งจิตใจและวาจา โดยความร่วมมือของสมาคมและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อน วันที่ 14-16 ส.ค.ที่จ.ปัตตานี วันที่ 16-18 ส.ค.ที่ จ.ยะลา และวันที่ 18-20 ส.ค.ที่จ.นราธิวาส
วันเดียวกันที่หอประชุมองค์การสหประชาชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เป็นประธานเปิดประชุมสัมมนานานาชาติเรื่อง ็บุรุษเวชศาสตริ์ ครั้งที่ 3 และประชุมวิชาการคณะกรรมการสาขาบุรุษเวชสมาพันธ์การแพทย์แผนจีนโลก ครั้งที่1 ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมเฉลิมฉลอง ครบรอบ 30 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน
นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยมีประชากรชายประมาณ 31.8 ล้านคน ซึ่งผู้ชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปฮอร์โมนเพศชายจะเริ่มลดลง ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา เช่น กระดูกพรุน โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด ความจำเสื่อม ขาดสมาธิ ซึมเศร้า โดยเฉพาะการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ชายทุกคนกลัวมาก ต้องหันไปพึ่งยาโด๊ปหรืออุปกรณ์เพิ่มพลังเพศจนเกิดปัญหาตามมา บางรายถึงขั้นเสียชีวิต
นอกจากนั้น จากการวิเคราะห์สุขภาพชายไทยพบว่าต่อปีผู้ชายเสียชีวิตประมาณ 200,000 คน สาเหตุการตายอันดับ 1 เกิดจากโรคติดเชื้อ มากที่สุดคือโรคเอดส์ รองลงมาคือ อุบัติเหตุจราจร โรคมะเร็ง
ด้าน ศ.เฉา ไค ยง ประธานสมาพันธ์การแพทย์แผนจีนโลก กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงหลังการปฏิวัติในประเทศจีนเป็นต้นมา การรักษาโรคบุรุษด้วยศาสตร์บุรุษเวช เป็นที่นิยมมากขึ้น และความรู้นี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก โดย สาขาหลักของบุรุษเวชศาสตร์ คือ การมีบุตรยาก โรคต่อมลูกหมาก ความเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เป็นอุปสรรคกับการเติบโตของศาสตร์นี้ คือ การรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน และคนที่เห็นแก่ตัวบางรายใช้เป็นเครื่องมือในการขูดรีด หลอกลวงให้มารักษาทั้งที่ไม่มีความรู้ และเก็บค่ารักษาเกินจริง
ขณะที่นาย เหมย วั่น ฟัง นายกสมาคมการแพทย์แผนจีน ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า คาดกันว่าประชากรชายของโลกประมาณ 23% เป็นผู้ที่มีปัญหาในเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โดยประเทศที่เป็นมากที่สุด คือ จีน ประมาณ 143.2 ล้านคน และเป็นโรคเสื่อมสมรรถภาพแบบถาวรประมาณ 2.9 ล้านคน ส่วนในไทยมีผู้ที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศถาวรประมาณ 1.5 แสนคน
อย่างไรก็ตาม สถิตินี้ยังไม่ครบถ้วนเท่าใดนัก เพราะผู้ที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะไม่ยอมเปิดเผยตัวเอง ซึ่งการใช้แพทย์แผนจีนในการรักษานั้นได้ผลดีในระดับหนึ่ง แต่หากมีการวิจัยร่วมกับการแพทย์สมัยใหม่จะทำให้การรักษาก้าวหน้ามากขึ้น
นายฟัง กล่าวว่า สาเหตุของการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศนั้นเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ โรคทางกาย เช่น เบาหวาน และโรคทางจิตใจ คือ ความเครียด ความกังวล ซึ่งทางแพทย์แผนจีนจะใช้วิธีวิเคราะห์หาสาเหตุแบบองค์รวมว่าเกิดจากอะไรจากนั้นจะรักษาทั้งร่างกายและจิตใจ และเน้นไปที่ตับและไต ส่วนแพทย์สมัยใหม่จะใช้วิธีการผ่าตัด การรักษาด้วยยา ซึ่งมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก
ส่วนนพ.ชวลิต สันติกิจรุ่งเรือง ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์ไทย-จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่ยอมรับการแพทย์แผนจีนให้เป็นวิชาแพทย์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และสนับสนุนให้เปิดบริการด้านการแพทย์แผนจีน โดยขณะนี้มีแพทย์จีนที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพในไทยแล้ว 217 คน แพทย์แผนปัจจุบันของไทยที่ผ่านการอบรมแผนจีน 537 คน และมีโรงพยาบาลสังกัด สธ.ที่เปิดให้บริการการแพทย์แผนจีน โดยเฉพาะการฝังเข็ม ทั่วประเทศประมาณ 100 แห่ง